เป็นอีกหนึ่งครั้งที่หลิงหยุนได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในที่นั้นเขาไม่ใช้กระบี่หยางพิสุทธิ์ ไม่ใช้หอกมังกรทอง แต่กลับอวดไพ่ใบใหม่ในมือให้กับทุกคนได้เห็น!
ปราณจักรพรรดิมังกรอายุร่วมหกร้อยปีที่อยู่ภายในพระราชวังต้องห้ามรวมเข้ากับพลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และปราณเสวียนหวงจากสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ ภายใต้เจตจำนงค์ของสมุดจักรพรรดิและพู่กันจักรพรรดิ กระบี่เล่มนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้น!
ทันทีที่กระบี่จักรพรรดิมังกรปรากฏขึ้นแสงสีทองสุกสว่างก็ทอประกายออกไปไกลถึงสามกิโลเมตร แสงสีทองส่องกระทบกับผิวน้ำของทะเลสาบผอหยางจนเป็นประกายระยิบระยับดูงดงามตายิ่งนัก จนทำให้ทุกคนในที่นั้นเว้นเพียงหลิงหยุน ตกตะลึงจนแทบคุกลงทำการคาราวะในทันที.. และนี่คือสิ่งที่หลิงหยุนบอกกับเย่ซิงเฉินว่าหากจำเป็นเขาจะสังหารคนตระกูลหลงทั้งสาม และฝังศพของพวกเขาไว้ที่ทะเลสาบแห่งนี้! แต่การที่จะกลั่นเซียนหยวนนั้น หลิงหยุนจำเป็นต้องใช้พลังอมตะในร่างของตนไปถึงหนึ่งในสามเลยทีเดียว!
แต่เพื่อช่วยเหลือเจ้าสีนิลและสร้างความตื่นตระหนกให้กับตระกูลหลง หลิงหยุนจึงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ แต่ถึงกระนั้นพลังอมตะที่ใช้ไปก็เป็นเพียงส่วนน้อยนิดสำหรับพู่กันจักพรรดิแห่งมวลมนุษย์ เพราะเมื่อครั้งที่หนิงหลิงยู่รับทัณฑ์สวรรค์นั้น พู่กันจักรพรรดิก็ได้ฉกฉวยพลังอมตะมาจากสวรรค์ไปได้อย่างมากมาย
และเป็นเพราะหลิงหยุนต้องการให้การต่อสู้ครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็วเขาจึงเลือกที่จะกลั่นกระบี่ที่ทรงอานุภาพนี้ขึ้นมา
“ท่านลุง!”
หลงเทียนฟางเป็นคนแรกที่ได้สติเขาเห็นหลงฮ่าวเฉียนถูกคมกระบี่ของหลิงหยุนพุ่งเข้าใส่ที่หน้าอก และเวลานี้หลงฮ่าวเฉียนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงกับร่วงตกลงไปในน้ำ หลงเทียนฟางจึงได้รีบพุ่งตามลงไปที่ผืนน้ำเบื้องล่างโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก จากนั้นจึงได้อุ้มร่างของหลงฮ่าวเฉียนที่บาดเจ็บขึ้นมาจากน้ำอย่างรวดเร็ว
ร่างของหลงฮ่าวเฉียนเปียกโชกและดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักหนาสาหัสจริงๆ เวลานี้ใบหน้าของเขาซีดเผือด และลมหายใจอ่อนรวยริน หน้าอกด้านขวาของเขาถูกกระบี่จักรพรรดิมังกรของหลิงหยุนแทงทะลุจนเป็นรูขนาดใหญ่ แต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่น้อย ลักษณะของบาดแผลนั้นดูไม่เหมือนกับถูกแทงด้วยกระบี่ แต่ดูเหมือนถูกยิงเข้าด้วยแสงเลเซอร์จนเป็นรูเสียมากกว่า
บูม!
แสงสีทองทั่วทั้งกายของหลงเทียนฟางเปล่งประกายสุกสว่างยิ่งขึ้นกว่าเดิมเขากำลังใช้ปราณมังกรในร่างห่อหุ้มร่างของตนเองกับหลงฮ่าวเฉียนไว้ และได้ทำการถ่ายเทปราณมังกรลงไปในร่างของหลงฮ่าวเฉียนอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยรักษาชีวิตของเขาไว้
จากนั้นหลงเทียนฟางก็อ้าปากพร้อมกับคายโอสถโลหิตมังกรออกมาหนึ่งเม็ดแล้วจึงบีบปากหลงฮ่าวเฉียนพร้อมกับยัดโอสถเม็ดนั้นลงไปในปากของเขา ก่อนที่จะใช้ปราณมังกรในร่างของตนควบคุมให้โอสถเม็ดนั้นเคลื่อนเข้าสู่จุดตันเถียนของหลงฮ่าวเฉียนต่อไป
“เจ้าอย่าได้กังวลใจไปลุงของเจ้าแค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสลบไปเท่านั้น หาได้เสียชีวิตไม่!”
การที่หลิงหยุนใช้พลังเหนือธรรมชาติของตนสร้างกระบี่จักรพรรดิมังกรขึ้นมานั้นหาใช่ต้องการสังหารหลงฮ่าวเฉียนไม่ เขาเพียงแค่ต้องการสร้างความตระหนกตกให้กับคนตระกูลหลงเท่านั้น และตั้งใจทำให้หลงฮ่าวเฉียนได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที เพื่อให้สูญเสียพลังในการต่อสู้ไป อีกอย่างตระกูลหลงกับตระกูลหลิงต่างก็ต้องการเพียงแค่ชัยชนะเท่านั้น หาใช่ต้องการเอาเป็นเอาตายไม่ ตราบใดที่ตระกูลหลงไม่ล้ำเส้น หลิงหยุนก็ไม่คิดที่จะลงมือเช่นกัน แต่หากอีกฝ่ายไม่คำนึงถึงความสามารถของตนเอง หลิงหยุนก็ไม่คิดที่จะปราณีเช่นกัน
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็หาได้ปราณีต่อหลงฮ่าวเฉียนไม่ เขาจงใจทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที และเวลานี้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว ที่เหลืออีกสองจึงต้องกระวีกระวาดช่วยชีวิตของเขาไว้ นี่เท่ากับหลิงหยุนเลือกจัดการคนเพียงหนึ่งคน แต่เสมือนกับได้จัดการอีกสองคนไปพร้อมกัน
ในระหว่างที่หลงเทียนฟางรักษาหลงฮ่าวเฉียนอยู่นั้นหลิงหยุนก็ได้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเจ้าสีนิลไปด้วยเช่นกัน
หลิงหยุนใช้ยันต์บำบัดระดับหกปิดไปตามบาดแผลทั่วร่างของเจ้าสีนิลและเมื่อยันต์ออกฤทธิ์ บาดแผลต่างๆก็หายวับไปกับตา นับว่าเป็นการรักษาที่ง่ายยิ่งนัก
จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปกระซิบบอกเจ้าสีนิลว่า“สีนิล พวกเราอย่าอยู่ใกล้บ่อมังกรนี้มากนัก รีบออกไปจากที่ี่นี่กันก่อนจะดีกว่า..”
หลิงหยุนยืนอยู่ใกล้กับบ่อมังกรเป็นเวลานานมากแล้วแม้จิตหยั่งรู้ของเขาจะไม่สามารถสำรวจเห็นเบื้องลึกภายในบ่อมังกรได้ แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่า เวลานี้ใต้บ่อมังกรแห่งนี้มีพลังงานบางอย่างที่น่ากลัวปรากฏขึ้น และแม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกไม่สบายใจนัก
ภายในบ่อมังกรต้องมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอาศัยอยู่ด้วยพลังของหลิงหยุนเวลานี้ เขายังไม่มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับสิ่งที่มองไม่เห็นนี้ได้หรือไม่ แต่ดูเหมือนไม่น่าจะรับมือได้เสียมากกว่า อีกอย่างเวลานี้เขายังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย ยังไม่พร้อมที่จะลงไปสำรวจสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ได้
เจ้าสีนิลรีบกรีดร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับพาหลิงหยุนว่ายหนีออกไปจากบริเวณบ่อมังกรทันที! ….
“สวรรค์!นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เย่เทียนตูที่เพิ่งได้สติหลังจากเกิดเหตุการณ์น่าหวาดผวานั้นขึ้นถึงกับร้องอุทานออกมาเสียงดัง
นั่นเพราะช่วงเวลาที่กระบี่จักรพรรดิมังกรปรากฏขึ้นนั้นเย่เทียนตูแทบไม่สามารถลืมตาขึ้นมองแสงสีทองสุกสว่างนั้นได้ และจิตหยั่งรู้ก็แทบไม่สามารถใช้การได้ จึงได้แต่ยืนงุนงงอยู่กลางอากาศครู่ใหญ่
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบร่างไร้สติของหลงฮ่าวเฉียนอยู่ในอ้อมแขนของหลงเทียนฟาง ในขณะที่หลิงหยุนกับมังกรสีดำได้เคลื่อนตัวออกห่างจากบ่อมังกรไปแล้ว
“หลิงหยุน..นี่กระบี่ของเจ้าสามารถทำให้ลุงของหลงเทียนฟางได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้เชียวรึ!” เย่เทียนตูได้แต่รำพึงรำพันออกมาด้วยความตกใจ และอัศจรรย์ใจเช่นกัน เมื่อกระบี่จักรพรรดิมังกรปรากฏขึ้นนั้นกระบี่เหินเจี้ยนเฟยสีม่วงของเย่เทียนตูก็หดเล็กลง และกลับเข้าไปอยู่ในร่างของเขาดังเดิม..
หนึ่งกระบี่ปรากฏหลายหมื่นกระบี่สิโรราบ!
กระบี่เมื่อครู่ของหลิงหยุนคือกระบี่อันใดกัน!
“เพียงแค่กระบวนท่าเดียวจริงๆ!”เย่เทียนสุยรำพึงรำพันออกมาด้วยความตกใจ
ใบหน้างดงามของเย่ชิงซินเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจนางส่ายหน้าไปมาพร้อมตอบเย่เทียนสุ่ยกลับไปว่า
“ไม่ใช่หนึ่งกระบวนท่าแต่เป็นเพียงแค่ดาบเดียวต่างหากเล่า..”
“…”
เย่เทียนสุ่ยไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้อีกเลยเขาหันไปมองหลิงหยุนที่อยู่ไกลออกไป และได้แต่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างน่าทึ่งและน่าอัศจรรย์ใจมากทีเดียว!
เพราะเมื่อครู่เขายังนึกดูถูกและหัวเราะเยาะหลิงหยุนในใจอยู่เลย แต่เวลานี้หลิงหยุนเสมือนตบหน้าเขาเข้าเต็มๆ
“บ้าไปแล้ว!เจ้าเด็กนั่นยังมีไพ่ในมืออยู่มากมายอีกเท่าใดกันแน่! ถึงกับสามารถทำร้ายหลงฮ่าวเฉียนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในดาบเดียวได้ นี่ไม่เท่ากับว่าเขากลายเป็นผู้ที่เก่งที่สุดในปักกิ่งงั้นรึ?”
เย่เทียนสุ่ยได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง..
กระบี่เพลิงสายฟ้ากระบี่หยางพิสุทธิ์ หอกมังกรทอง จนกระทั่งกระบี่จักรพรรดิมังกร.. ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นไพ่ในมือที่หลิงหยุนแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นภายในชั่วเวลาแค่ข้ามคืน เช่นนี้แล้วจะไม่ให้พวกเขาตกอกตกใจได้อย่างไรกันเล่า
“จะไร้คู่ต่อสู้หรือไม่ยังมิอาจพูดได้แต่นับจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลง หรือฝ่ายใดก็ตาม ย่อมไม่มีผู้ใดกล้ารังแกตระกูลหลิงอีกต่อไป!” เย่ชิงซินเอ่ยออกมายิ้มๆนางมั่นใจอย่างยิ่งว่าเวลานี้ตระกูลหลิงมีคุณสมบัติทัดเทียมกับตระกูลหลงและตระกูลเย่แล้ว และจะไม่มีผู้ใดกล้ารังแกตระกูลหลิงอีกเป็นแน่
‘ไม่แปลกเลยที่หลิงหยุนกล้าพูดกับหลงฮ่าวเฉียนด้วยวาจาสามหาวเช่นนั้นเพราะพลังกระบี่นั่นช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก..’ เย่ชิงซินได้แต่แอบคิดอยู่ในใจ
“พี่ใหญ่..ท่านต้องรีบพาท่านลุงออกไปจากที่นี่โดยเร็ว! แล้วอย่าได้กลับมาที่นี่อีก..”
หลังจากที่ทำการรักษาหลงฮ่าวเฉียนแล้วหลงเทียนฟางก็พบว่าอีกฝ่ายคงต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งหรือสองปีกว่าที่จะสามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้ และเมื่อเห็นว่าหลงฮ่าวเฉียนปลอดภัยดีแล้ว เขาจึงได้ส่งร่างของหลงฮ่าวเฉียนให้หลงเทียนซินรับไป
หลงเทียนซินไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวเขากำลังเฝ้าระมัดระวัง และคอยคุ้มกันคนทั้งสองอยู่ เพราะเกรงว่าหลิงหยุนจะฉวยโอกาสทำร้ายให้ถึงชีวิตมากกว่าเพียงแค่ต้องการเอาชนะ
หลังจากที่หลงเทียนซินรับร่างของหลงฮ่าวเฉียนไปแล้วเขาจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “เทียนฟาง ข้ารู้ว่าเวลานี้เจ้ากำลังโกรธแค้นยิ่งนัก ข้าว่าเจ้ากลับไปพร้อมกับข้ารายงานเรื่องนี้ให้ท่านพ่อรู้จะดีกว่า แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำเช่นใดต่อ”
หลงเทียนซินรู้นิสัยใจคอของน้องชายดีและรู้ว่าหลงเทียนฟางกำลังคิดที่จะทำสิ่งใด จึงรีบเอ่ยเตือนสติ..
“ท่านเลิกพล่ามเสียทีแล้วรีบพาท่านลุงกลับไปโดยเร็ว ข้าย่อมมีวิธีของข้า!”
หลงเทียนฟางร้องบอกหลงเทียนซินอย่างหมดความอดทนและไล่ให้เขารีบนำหลงฮ่าวเฉียนกลับไปโดยเร็ว
“ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียงอีกหนึ่งชั่วโมงไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เจ้าต้องไปพบกับข้าที่นั่น!”
หลงเทียนซินย้ำกับน้องชายแล้วจึงรีบนำร่างของหลงฮ่าวเฉียนเหาะจากไปอย่างรวดเร็ว!
หลังจากที่หลงเทียนซินจากไปแล้วหลงเทียนฟางจึงหันไปทางหลิงหยุน แววตาของเขาเต็มไปด้วยเพลิงแค้น..
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ถามขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก”
หลงเทียนฟางเหลือบมองไปทางเจ้าสีนิลพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้าได้มังกรดำตัวนั้นไป..”
จากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมตอบกลับไปว่า“แต่ชีวิตของเจ้า.. ต้องมอบให้กับข้า!”
บูม!
ในที่สุดหลงเทียนฟางก็ได้อวดไพ่ที่แข็งแกร่งในมือของตน..นี่คือวิชามังกรพิโรธของตระกูลหลง!
แสงสีทองรอบตัวหลงเทียนฟางเปล่งประกายสุกสว่างยิ่งขึ้นกว่าเดิมและแสงสีทองนี้ก็เปล่งรัศมีออกไปไกลกว่าสามกิโลเมตรเลยทีเดียว แสงสว่างของมันกลบแสงสว่างของดวงจันทร์ไว้สนิท และมีพลังที่น่าหวาดผวายิ่งนัก!
หลิงหยุนหรี่ตาลงอย่างระมัดระวังในขณะเดียวกันก็ก้มลงกระซิบกับเจ้าสีนิลว่า “สีนิล เจ้ารีบหนีไปให้ไกลจากที่นี่ก่อน แล้วข้าจะหาวิธีไปพบกับเจ้าเอง!”
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งของหลิงหยุนเจ้าสีนิลก็รีบดำดิ่งลงไปในน้ำ และว่ายหนีไปตามทะเลสาบผอหยางทันที
หลิงหยุนจำเป็นต้องให้เจ้าสีนิลหลบไปชั่วคราวเสียก่อนเพราะจากท่าทางของหลงเทียนฟางเวลานี้ ดูเหมือนตั้งใจที่จะสังหารเจ้าสีนิลให้จงได้
แต่ตอนนี้หลงเทียนฟางไม่ได้สนใจเจ้าสีนิลอีกแล้วเขาหันไปทางคนตระกูลเย่ทั้งสามคนพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง
“เวลานี้ข้าต้องการต่อสู้กับหลิงหยุนตามลำพังเท่านั้นหากคนตระกูลเย่ยื่นมือเข้าช่วย ข้าจะนับว่าคนตระกูลเย่เป็นศัตรูของข้าจากนี้ไป!”
“ฮ่าๆๆๆ”
หลิงหยุนกระโดดเหาะขึ้นไปบนฟ้าทันทีพร้อมกับประกาศกร้าว “หลงเทียนฟาง เจ้าไม่ต้องห่วง การต่อสู้ของเราครั้งนี้จะไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องแน่!”
��