บทที่ 2823 กำไลมังกรแก้ว 3
“หนุ่มน้อยเหรอ?” ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม “พระองค์เจ้ามองว่าข้าเด็กนักหรือ?”
“ในสายตาเปิ่นจุนเจ้ายังคงเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง” กู้ซีจิ่วกล่าวอย่างจริงจัง “เปิ่นจุนโตกว่าเจ้าไม่รู้สักกี่รอบ…”
วาจานี้ยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็ถูกคันฉ่องบานหนึ่งที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้ตกใจ!
มิใช่เพราะรูปลักษณ์ของคันฉ่องบานนั้นงามสง่าประณีต แต่เป็นภาพสะท้อนของตัวเองในคันฉ่องที่ทำให้เธอสะดุ้งโหยง!
ในคันฉ่องคือดรุณีน้อยนางหนึ่ง ดูทรงแล้วก็เพียงสิบสี่สิบห้าปีเท่านั้น ดวงตาใสกระจ่างฉ่ำวาว นุ่มนิ่มปานจะคั้นน้ำออกมาได้
กู้ซีจิ่วมึนงงแล้ว!
เธอลูบใบหน้าตัวเองดูตามสัญชาตญาณ คนที่อยู่ในคันฉ่องก็ลูบคลำใบหน้าตนอย่างงุนงงเช่นกัน…
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!
คันฉ่องบานนี้ของเขาส่องแล้วอายุน้อยลง หรือว่าเธอหดเล็กลงจริงๆ?!
กู้ซีจิ่วไม่สนใจจะซักถามแล้ว หยิบคันฉ่องที่พกติดตัวขึ้นมาส่องอีกรอบ คันฉ่องบานนี้ของเธอมีความละเอียดสูง แถมยังตรงตามจริงยิ่ง เมื่อคนส่องดูแล้วแม้แต่ไรขนบนหน้าก็ยังมองเห็นได้ ไม่หลอกตาแน่นอน
คนในกระจกเป็นสาวน้อยนุ่มนิ่มคนเดิม ไม่ต่างไปจากในคันฉ่องที่ตี้ฝูอียื่นมาตรงหน้าเธอเลยสักนิด
เธอหดย้อนวัย!
มิน่าล่ะเธอรู้สึกอยู่รางๆ ว่ากระโปรงยาวขึ้นนิดหน่อย ทำให้เธอก้าวสะดุดตั้งสองครั้ง หลงนึกว่าเป็นเพราะตนไม่ได้ผูกสายรัดให้ดี กลับคาดไม่ถึงว่า…
หรือว่าวันดับขันธ์ของตนจะมาถึงก่อนกำหนด?
ดังนั้นแม้แต่รูปโฉมในวัยผู้ใหญ่ก็คงไว้ไม่ได้แล้วหรือ?
เธอนับนิ้วคำนวณ ‘บั้นปลาย’ ของตนอยู่ในแขนเสื้อ กลับคาดไม่ถึงว่าคำนวณอยู่พักใหญ่ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำนายอะไรออกมาไม่ได้เลย
เห็นทีว่าในชีวิตของเธอจะปรากฏตัวแปรที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เพียงแต่การดับขันธ์คือผลลัพธ์ที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น จะดับขันธ์เร็วขึ้นสองสามปีหรือดับขันธ์ช้าลงสองสามปีก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริงๆ
กู้ซีจิ่วปล่อยวางอย่างรวดเร็วยิ่ง ไม่พะวงถึงเรื่องนี้อีก
อย่างไรก็ตาม พอเธอนึกถึงว่าตนใช้ใบหน้าของสาวน้อยผู้อ่อนเยาว์นี้พูดจาคร่ำครึหัวโบราณกับผู้อื่น ก็รู้สึกขัดแย้งอยู่บ้าง…
เธอเก็บคันฉ่องเข้าไปทันที เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เปิ่นจุนเพียงแค่หน้าเด็กไปหน่อยเท่านั้น…เอาล่ะ พวกเราไม่ถกเรื่องนี้กันแล้ว กำไลคู่นี้เจ้าจะแลกหรือไม่แลก?”
“เอาเถอะ ข้าแลก เพียงแต่ ข้าต้องทดสอบมันดูก่อน”
เขารับกำไลมังกรแก้วสีเหลืองทองวงนั้นไป สวมลงบนข้อมือ
ผลลัพธ์คือ…
สวมไม่ได้
“เจ้าต้องหยดเลือดให้มันยอมรับเป็นนายก่อน” กู้ซีจิ่วนิ่งไปแวบหนึ่ง สุดท้ายก็สอนวิธีสวมใส่ให้เขา
ตี้ฝูอีทำตามที่บอกดีดโลหิตหยดหนึ่งออกมาจากหัวแม่มือ หยดลงบนกำไลวงนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง กำไลวงนั้นจำแลงเป็นมังกรแก้วดีดตัวขึ้นมา วนรอบกายเขาหนึ่งรอบ คล้ายจะดูว่าเขาเหมาะสมจะเป็นเจ้านายของตนหรือไม่
หลังจากวนเช่นนี้อยู่รอบหนึ่ง มังกรแก้วตัวนั้นก็มุดร่างพันข้อมือของเขา ผงกหัวให้เขาเล็กน้อย จากนั้นก็ขดตัวเป็นวง กลายเป็นกำไลสวมอยู่บนข้อมือของเขาอย่างเหมาะเจาะ
กู้ซีจิ่วผงะไปเล็กน้อย เธอจำได้รางๆ ว่ากำไลนี้เย่อหยิ่งนัก ไม่ยอมรับนายง่ายๆ ในอดีตเธอก็เคยมอบให้คนอื่นเช่นกัน ผลคือกำไลมังกรแก้วไม่ยอมรับเป็นนายเลย ซ้ำยังกัดผู้อื่นด้วย ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่เอาไว้…
ไม่นึกเลยว่าหนนี้จะราบรื่นถึงเพียงนี้! เห็นทีว่ากำไลนี้ส่งมอบให้ถูกคนแล้วจริงๆ
กู้ซีจิ่วปรีดานัก ยื่นกำไลอีกวงส่งให้เช่นกัน “วงนี้เจ้าเก็บเอาไว้ก่อน วันหน้ามันจะนำพาเรื่องน่าตื่นเต้นยินดีมาให้เจ้า”
ตี้ฝูอีรับไป มองแวบหนึ่ง ยังคงไม่เชื่อถือสักเท่าไหร่ “มีจิตวิญญาณแล้วจริงๆ น่ะหรือ? พระองค์เจ้าทราบได้อย่างไร? เคยทดสอบมันดูหรือ?”
เรื่องนี้…ยังไม่เคยเลยจริงๆ
เพียงแต่ หากว่าเธอพูดความจริงออกไป เกรงว่าเขาก็ยังคงไม่เชื่อถืออยู่ดี
ดังนั้นจึงกล่าวออกไปอย่างคลุมเครือสองประโยค “นี่คือสมบัติเทวะ ไม่จำเป็นต้องทดสอบ…”
ขณะที่กำลังจะเฉไฉไปอีกสองสามประโยค กลับคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ กำไลมังกรแก้วสีขาววงนั้นส่งเสียงดังวิ้งลอยขึ้นมาจากมือตี้ฝูอี จำแลงกายเป็นมังกรแก้วสีขาว วนรอบกายกู้ซีจิ่วหนึ่งรอบ จากนั้นก็สวมลงบนข้อมือของเธอเสียงดังฟุ่บ!
….
————————————————————————————-
บทที่ 2824 ล่อลวงศิษย์
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน!
ตี้ฝูอีหรี่ตานิดๆ มองกำไลบนข้อมือของนาง จากนั้นก็มองนาง มุมปากยกขึ้นน้อยๆ รอยยิ้มค่อนข้างลุ่มลึกอยู่บ้าง
กู้ซีจิ่วกระแอมคราหนึ่ง “สิ่งนี้ถูกข้าเก็บไว้หลายหมื่นปีแล้ว คาดว่าคงสับสนไปบ้าง มันน่าจะคิดว่าข้าคือเจ้านายของมันอยู่ ดังนั้นจึงมาหาข้า…”
อธิบายไปพลาง ใช้นิ้วมือเคาะกำไลเบาๆ ไปพลาง “นี่ เสี่ยวไป๋ ลงมาได้แล้ว ไปหานายใหม่ของเจ้าสิ”
กำไลวงนั้นไม่มีความเคลื่อนไหว
กู้ซีจิ่วจึงรูดออกเสียเลย “ถ้าไม่เชื่อฟังข้าจะทุบเจ้านะ!”
เจ้ากำไลยังคงแกล้งตาย
ท่าทีของตี้ฝูอีดูซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม แขนกอดอกไว้เสียเลย มองนางเผชิญความลำบาก
ไม่นึกเลยว่าพระองค์เจ้าผู้สูงส่งจะไร้ความสามารถด้านการตั้งชื่อยิ่งนัก นามที่ตั้งนี้ธรรมดาสามัญเกินไปแล้ว!
“นั้นเรียกว่าเสี่ยวไป๋ วงนี้ของข้าคงไม่ได้เรียกว่าเสี่ยวหวงกระมัง?”
“ไม่!” กู้ซีจิ่วปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยวยิ่ง “เสี่ยวหวงค่อนข้างเชย เปิ่นจุนจะตั้งชื่อที่ไม่มีรสนิยมเช่นนี้ได้อย่างไร?!”
“เช่นนั้นมันเรียกว่าอะไร?”
“เสี่ยวจิน!”
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกอยู่บ้าง เขายกหัวแม่มือให้ “นามนี้มีรสนิยมมากจริงๆ!”
กู้ซีจิ่ววุ่นวายอยู่พักใหญ่ กำไลวงนั้นราวกับงอกออกมาจากข้อมือของเธอก็มิปาน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ถอดออกไปไม่ได้
ถึงขึ้นที่พอเธอจงใจหดร่างให้เล็กลงก็หดเล็กลงตามไปด้วย…
ตี้ฝูอีใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เขามองดูกำไลบนข้อมือของตน เดิมทีเขาไม่ได้เห็นสิ่งนี้เป็นอย่างไรเลย ยิ่งไม่คิดถึงการแต่งภรรยาในภายหน้าด้วย ถึงแม้เขาจะยังหนุ่มแน่นยิ่ง แต่ในจิตใต้สำนึกไม่เคยนึกเลยว่าตนจะชมชอบสตรีอย่างแท้จริงได้…
สำหรับพระองค์เจ้าผู้นี้ เขาก็เพียงกึ่งหาประโยชน์กึ่งชดใช้ให้ไปตามวิสัยเท่านั้น แน่นอน ในนั้นยังมีความรู้สึกประการหนึ่งที่ไม่อาจอธิบายให้กระจ่างได้แฝงอยู่ด้วย…
เหงื่อผุดเต็มหน้าผากกู้ซีจิ่วแล้ว!
อยากจะหาอาวุธสักชิ้นมางัดเจ้าตัวปัญหานี้ออกไปใจจะขาดแล้ว!
ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ก็สบเข้ากับดวงเนตรที่ดุจดาราส่องสกาวคู่นั้นของตี้ฝูอี ดวงตาคู่นั้นหยีโค้งนิดๆ เอ่ยถามอย่างไม่อนาทรร้อนใจประโยคหนึ่ง “มันช่วยกำหนดตัวว่าที่ภรรยาให้ข้าได้สินะ?”
เหงื่อบนปลายจมูกกู้ซีจิ่วแทบจะหยดลงมาแล้ว “เดิมทีเป็นเช่นนี้…”
“เช่นนั้นแบบนี้คือมันกำหนดตัวท่านหรือ?”
“นี่…นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ! มัน ความจริงมันเพียงอาลัยนายเก่า อาจเป็นเพราะรู้สึกได้ว่าพลังยุทธ์ของข้าไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงรั้นจะอยู่ปกป้องตัวข้า ร...รอให้พลังยุทธ์ข้าฟื้นฟูกลับมาแล้ว มันก็คงจะออกไปเอง”
“ที่แท้มันก็เป็นกำไลที่มีคุณธรรมวงหนึ่งนี่เอง!”
“นะ…แน่นอน!”
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง ไม่เอ่ยวาจาอีก ก้มหน้าจดจ่อจัดการกับหม้อทองแดงใบนั้นต่อไป ไข่ถูกใส่ลงในหม้อแล้ว ภายในหม้อยังใส่ธาราหิมาลัยของแดนน้ำแข็งแห่งนี้ลงไปด้วย ที่ลุกไหม้อยู่ด้านล่างก็มิใช่ไม้ฟืนธรรมดา เป็นไม้อัคคีชนิดหนึ่ง ยามที่ไม้นั้นเผาไหม้จะส่งกลิ่นหอมน่าอัศจรรย์ออกมา กลิ่นหอมนั้นอ่อนจาง คนดมแล้วผ่อนคลายยิ่ง
กู้ซีจิ่วยุ่งเหยิงนัก เธอส่งมอบกำไลออกไป เดิมทีนึกว่าจะแลกเปลี่ยนโอสถนั้นกลับมาได้ ผลคือได้ภาระใหญ่เช่นนี้เพิ่มขึ้นมา…
อย่างไรก็ตาม ดีร้ายอย่างไรกำไลมังกรแก้วทองก็ส่งมอบให้ไปแล้ว ถ้างั้นเขาก็น่าจะมอบโอสถให้เธอกระมัง?
“ตี้ฝูอี โอสถนั้นของเจ้ามิใช่ว่าสมควรมอบให้ข้าหรอกหรือ?”
ตี้ฝูอีใช้เพลิงแท้กสิณสุมลงบนไม้อัคคีนั้น “พระองค์เจ้า ท่านบอกว่าจะแลกด้วยกำไลหนึ่งคู่ ตอนนี้วงนั้นยังอยู่บนข้อมือท่าน เท่ากับส่งมอบให้ข้าเพียงวงเดียว หรือให้ข้ามอบโอสถแก่ท่านครึ่งเม็ดเล่า?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย ครึ่งเม็ดมันจะใช้การได้ที่ไหนกัน?!
คนผู้นี้ช่างน่าชังนัก! ไม่รู้จักยืดหยุ่นเอาเสียเลย!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าก็คืนเสี่ยวจินมาให้ข้าก่อนชั่วคราว!” กู้ซีจิ่วยื่นฝ่ามือขาวกระจ่างไปหาเขา
ตี้ฝูอีเหลือบมองกำไลบนข้อมือแวบหนึ่ง “ข้าก็ถอดไม่ออกเหมือนกัน”
————————————————————————————-