ตอนที่ 1867 ธาตุแท้ของถ้ำเทพสวรรค์

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ให้เจ้า?” ฉูชิงเบิกตากว้างทันทีด้วยความตื่นตะลึง

เลือดแท้ของสัตว์เทวะทั้งสี่นั้นมันเป็นสมบัติที่แสนล้ำค่า มีหรือที่ใครจะยังคิดมอบมันให้แก่คนอื่นหน้าตาเฉยเช่นนั้น?

มิใช่เพียงแค่ฉูชิง ตอนนี้ทุกผู้คนต่างหันมามองเย่หยวนด้วยใบหน้าสุดตื่นตะลึง

เจ้าหมอนี่มันยอมลงทุนขนาดนั้นเลยเพื่อที่จะชนะใจหญิงสาว?

ตอนนี้ทำให้มีสายตาไม่น้อยต้องหันไปมองเล้งชิวหลิงด้วยความอิจฉาริษยา

คนเหล่านั้นรู้สึกอิจฉาที่ตนไม่ได้มีหน้าตางดงามเหมือนเล้งชิวหลิง เพราะหากพวกนางมีใบหน้าที่สวยงามเช่นนั้นแล้วได้รับของขวัญที่เย่หยวนให้มันจะเป็นเรื่องที่ดีงามขนาดไหน!

การได้รับเลือดแท้วิหคชาดมานั้นมันมิใช่เพียงแค่จะเพิ่มพลังบ่มเพาะของผู้คนขึ้นแต่มันยังเป็นการเปลี่ยนพื้นฐานร่างกายของนักยุทธ์ไปตั้งแต่ต้นเลยด้วย ทำให้พวกเขาทั้งหลายมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองได้มากขึ้นในวันข้างหน้า

โดยเฉพาะกับยอดอัจฉริยะอย่างฉูชิงและเล้งชิวหลิง พวกเขานี้อาจจะได้มีโอกาสก้าวขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์เลยก็เป็นไปได้

อาณาจักรนั้นมันคือตัวตนระดับตำนาน มีหรือที่ใครจะไม่อิจฉา?

เล้งชิวหลิงพยักหน้ารับ “หากไม่มีเย่หยวนแล้วต่อให้ข้าจะรู้ว่าเลือดแท้วิหคชาดมันซ่อนอยู่ที่ใดข้าก็คงไม่มีปัญญาจะไปเอามันมา”

จี้ฉุนหันไปมองเย่หยวนอย่างแค้นเคืองพร้อมกัดฟันไว้แน่น

ทุกคนไม่มีผู้ใดทราบว่าตะวันเจิดจ้าบนท้องฟ้านั้นคือเลือดแท้วิหคชาด แต่ทำไมเด็กคนนี้มันถึงสามารถรับรู้ได้?

จี้ฉุนนั้นได้รู้จากเทพสวรรค์โหมวหยู่ว่าตะวันดวงนั้นคือเลือดแท้วิหคชาดของจริง เดิมทีเขายังคงตั้งความหวังไว้ไม่น้อย คิดว่าเรื่องเช่นนั้นมันคงไม่มีใครจะคิดถึงได้

แต่น่าเสียดายตอนที่เขามุดตัวกลับออกมาจากผืนทรายเขากลับพบว่าตะวันบนท้องฟ้ามันได้หายไปแล้ว

ท้องฟ้าก็ยังคงอยู่เป็นท้องฟ้า แต่มันกลับไม่มีเลือดแท้วิหคชาดอยู่อีกต่อไปแล้ว เรื่องนี้มันทำให้เขาแทบคลั่ง

“หึๆ ไอ้เด็กคนนี้มันน่าสนใจ! การซ่อนตัวของเลือดแท้วิหคชาดนั้นคงเรียกได้ว่าแสนแนบเนียน ทุกคนต่างเห็นมัน อาบแสงมัน แต่… มันย่อมไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะมีใครคิดว่าตะวันร้อนบนหัวนั้นมันคือสมบัติที่พวกเขาเฝ้าตามหา แต่เจ้าเด็กคนนี้มันกลับทำได้!” เทพสวรรค์โหมวหยู่หัวเราะขึ้นมาด้วยเสียงแปลกๆ

เทพสวรรค์โหมวหยู่นั้นสุดท้ายแล้วก็ยังถูกจี้ฉุนสะกดไว้ได้ แต่จี้ฉุนเองก็ไม่อาจจะกำจัดเขาออกไปได้ เขาทำได้เพียงแค่ขังวิญญาณนี้ไว้และไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้ฟื้นกำลัง

แต่เมื่อเทพสวรรค์โหมวหยู่เขากลับแสดงท่าทีสนใจออกมาอย่างถึงที่สุด

“หึ! ไม่ว่ามันจะเก่งกาจเพียงใดมันก็ไม่มีทางหลบรอดจากความตายไปได้หรอก!” จี้ฉุนร้องบอก

เทพสวรรค์โหมวหยู่หัวเราะ “หืม เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าเจ้าเด็กคนนี้มันอาจจะมีความลับแสนยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง?”

นั่นทำให้จี้ฉุนฉุกคิดขึ้นมาทันทีแต่ก็ยังพูดเย้ยหยันออกมา “ไม่ว่ามันจะมีความลับใดๆ มันก็ย่อมไม่อาจเทียบกับสมบัติของจอมเทพสวรรค์นิรันดร์ได้”

เทพสวรรค์โหมวหยู่ตอบกลับ “เรื่องนั้นก็จริง ก่อนหน้านั้นจอมเทพสวรรค์นิรันดร์คนนี้คือผู้ที่เกือบบรรลุขึ้นอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้  ท่านเจี่ยวชางยังเทียบเรื่องพรสวรรค์กับคนผู้นี้ไม่ได้เลย”

อีกด้านหนึ่ง ตอนนี้ฉูชิงแทบไม่อาจจะรักษาสีหน้าของตัวเองไว้ได้อีกต่อไป

เขานั้นเดินเข้ามาพูดจาว่ากล่าวอย่างยิ่งใหญ่ ด่าว่าเย่หยวนเป็นแค่มดปลวกไม่มีโชคชะตาใดๆ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาเขากลับรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองถูกตบเข้าอย่างจัง

เย่หยวนเป็นคนได้เลือดแท้วิหคชาดมาและมอบมันให้แก่เล้งชิวหลิง

เขา ฉูชิง ได้เลือดแท้พยัคฆ์ขาวมาแต่กลับใช้มันเพื่อตัวเอง

ตอนนี้ยังมีหน้าพูดกล่าวว่าทั้งเจ้าและข้ามีชะตาที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันคือการยื่นหน้าไปให้ผู้คนตบสั่งสอนแท้ๆ

เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตารอบข้างฉูชิงก็แทบจะอยากมุดแผ่นดินหนีไปให้สิ้นเรื่อง

จีคังเองก็มองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึงไม่น้อยก่อนจะพยักหน้าออกมาให้แก่เล้งชิวหลิง “ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนั้น เราก็มาเริ่มกันเลยไหม?”

เล้งชิวหลิงพยักหน้ารับก่อนจะพุ่งร่างขึ้นไปยังประตูวิหคชาด

ฉูชิงและคนอื่นๆ เองก็ขึ้นไปอยู่หน้าประตูของเลือดแท้ที่ตนได้มา และผู้ครองเลือดแท้อีกสองคนนั้นแท้จริงแล้วเป็นยอดฝีมือเทพถ่องแท้อิสระ

มันหมายความว่าตอนนี้เทพถ่องแท้ของฝ่ายพันธมิตรพันทะยานนั้นยังไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปเลย

คนทั้งสี่ใช้พลังสายเลือดออกมาจากร่างก่อนที่จะเกิดสี่เงาตรายักษ์ปรากฏขึ้นบนอากาศ

ร่างทั้งสี่คำรามร้องก่อนจะพุ่งเข้าไปยังประตูสี่ตราในทันที

ด้านในประตูสี่ตรานั้นเกิดแสงสีส่องออกมาก่อนจะหันเข้าปะทะกัน

‘ตูม!’

ทำให้เกิดประตูหินขนาดยักษ์ขึ้นมาที่กลางหุบเขา

ประตูนี้มันปล่อยพลังอันแสนโบราณที่แฝงชีวิตมากมายไว้ออกมาทำให้จิตวิญญาณของผู้คนต้องสั่นสะท้าน

ตอนนี้แม้จะเป็นเหล่าเทพถ่องแท้ก็ยังต้องสั่นสะท้าน

เพราะคลื่นพลังที่ออกมาจากประตูนี้มันมิใช่พลังที่พวกเขาทั้งหลายจะต้านทานได้เลย

ได้เห็นประตูนี้เย่หยวนก็ได้แต่หรี่ตามอง

“คลื่นพลังเช่นนี้ หรือว่า…”

หวู่เฉินเองก็มองดูมันอย่างตื่นตกใจไม่น้อยเช่นกัน “ดูท่าเจ้าคงเดาถูกแล้ว! ไอ้เฒ่านั่นมันคิดจะทำอะไรกันแน่?”

คนอื่นๆ ย่อมไม่มีใครคิดสนใจดูสภาพของเย่หยวนในตอนนี้ สายตาของพวกเขาทั้งหลายต่างจับต้องไปที่ประตูหิน

“ฮ่าๆ หลังจากเปิดประตูหินนี้ได้แล้วมันต้องมีสมบัติล้ำค่ามากมายแน่! ไปกัน!”

ในที่สุดก็มีผู้ไม่อาจทนความตื่นเต้นไว้ไหวและพุ่งตัวเข้าไปหาประตูหินที่ว่านี้

เมื่อมีคนนำมันก็ย่อมมีคนตาม มีหรือที่ตอนนี้จะยังมีใครทนทานได้? พวกเขาทั้งหลายรีบมุ่งหน้าเข้าไปยังประตูหินทันที

เล้งชิวหลิงกำลังที่จะพุ่งตัวออกไปแต่กลับพบว่าเย่หยวนยืนทำหน้าเหยเกอยู่ข้างๆ

“เย่หยวน เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?” เล้งชิวหลิงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัย

เย่หยวนขมวดคิ้วตอบกลับไป “ไม่หรอก ไปกันเถอะ”

จากนั้นภาพตรงหน้ามันก็ได้เปลี่ยนไปในทันที ตอนนี้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายได้เดินทางมาถึงเทือกเขาอีกแห่งแทน

“ที่นี่มันที่ไหนกัน?”

“ประตูหินนั้นมันเหมือนจะเป็นทางเข้าโลกใบเล็ก!”

“หรือว่านี่… จะเป็นโลกของจอมเทพสวรรค์นิรันดร์?”

“หึ ดูท่าเราคงสามารถพบเจอความรู้ในเต๋าของจอมเทพสวรรค์นิรันดร์ได้ที่นี่แน่ ช่างเป็นการทะยานฟ้าด้วยเท้าก้าวเดียว!”

เหล่านักยุทธทั้งหลายนี้ก็มิใช่คนโง่เง่า พวกเขารู้ถึงเรื่องราวตรงหน้าได้ในทันที

เย่หยวนมองดูที่ภาพตรงหน้าของเขาก่อนที่จะถอนหายใจยาวออกมาอย่างหนักหน่วง

เพราะเรื่องที่เขากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว

ที่แห่งนี้มันคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย!

ที่แห่งนี้มันเป็นสถานที่ที่เย่หยวนคุ้นเคยอย่างมาก

เพราะที่ที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้มันคือเทือกเขาสุสานเทพ!

จอมเทพนิรันดร์ได้เชื่อมต่อโลกใบเล็กของตนเข้ากับประตูหินนั้น

เพราะเดิมทีประตูบานนั้นมันก็มีคลื่นพลังเหมือนคล้ายกับประตูปิดโลก เย่หยวนจึงมองมันออกได้ในชั่วพริบตา

เย่หยวนไม่อาจเข้าใจได้ว่าจอมเทพนิรันดร์นั้นคิดวางแผนทำอะไรไว้ แต่นภาสวรรค์ เทพถ่องแท้มากมายขนาดนี้เข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากมันเกิดการต่อสู้ขึ้นมาแล้วคนทั้งหลายคนต้องรับเคราะห์กรรมอย่างมหาศาล

สำหรับนักยุทธทั้งหลายแล้วโลกใบเล็กนั้นมันไม่ได้มีค่าใดๆ เลย

แต่สำหรับเย่หยวนแล้วที่แห่งนี้มันคือบ้านเกิดเป็นที่ที่เขาได้เติบโตขึ้นมา

“เย่หยวน เจ้าเป็นอะไรไป? สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลยนะ!” เล้งชิวหลิงถามขึ้นด้วยความกังวล

นางได้รับรู้ว่าสภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันดูผิดแปลกไปอย่างมาก

เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่เป็นไร เจ้าตามท่านเจ้าเมืองกู่ไปเถอะ ตอนนี้ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการเสียหน่อย แล้วข้าจะกลับมาหาพวกเจ้าทีหลัง”

พูดจบเย่หยวนก็ไม่ได้รอคำตอบจากเล้งชิวหลิงแต่อย่างใด ร่างกายของเขาหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ในทันที

จี้ฉุนที่มองดูเย่หยวนอยู่ตลอดนั้นเมื่อเห็นเย่หยวนคิดจะจากไปเขาก็คิดที่จะติดตาม

แต่พริบตานั้นเย่หยวนกลับหายวับไปไม่เหลือร่องรอยใดๆ ให้ติดตามได้ทำให้เขาตื่นตกใจอย่างมาก

“หึๆ หาตั้งนานไม่พบเจอ เมื่อหยุดคิดหาแต่กลับพบเจอ! ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้มาถึงโลกใบเล็กของเจ้าเฒ่านิรันดร์! ของสิ่งนั้นมันก็น่าจะอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?” เทพสวรรค์โหมวหยู่พูดขึ้นพร้อมหัวเราะอย่างแปลกประหลาด

จี้ฉุนนั้นถึงกับต้องหันมาสนใจ “สิ่งนั้น? สิ่งใด?”

ของที่เทพสวรรค์คิดอยากได้มันต้องมิใช่ของธรรมดาทั่วไปแน่ๆ

เทพสวรรค์โหมวหยู่หัวเราะขึ้น “เจ้าอย่าได้คิดเอามันมาครองเลย สิ่งนั้นมันคือของที่ท่านเจี่ยวชางอยากได้ หากเจ้ากล้าแตะต้องมันเจ้าคงรู้ถึงผลที่จะตามมา”

จี้ฉุนหน้าถอดสีและเงียบปากลงทันที

…………………………