ตอนที่ 1866 ชะตาอันยิ่งใหญ่

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

เรื่องราวต่างๆ มันดำเนินไปได้อย่างราบรื่นราวกับว่าทั้งหมดนี้มันถูกเตรียมมาไว้ให้แก่เย่หยวนแล้ว

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนการจะเดินเหินขึ้นฟ้าไปหยิบเลือดมาเช่นนี้มันก็เป็นเรื่องที่สุดแสนอันตราย

แต่เย่หยวนกลับทำมันได้อย่างง่ายดาย

ท่าทางของเขานั้นมันราวกับว่าออกมาเดินเล่นในสวนหลังบ้าน

“เจ้าหลอมมันซะที่นี่เถอะ ข้าจะเฝ้ายามให้ ที่นี่มันคงไม่มีใครคิดที่จะเข้ามารบกวนเจ้าอีกแล้ว”

เย่หยวนยื่นเลือดแท้วิหคชาดให้แก่เล้งชิวหลิงแต่ฝ่ายเล้งชิวหลิงกลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ยอมรับไป

“นี่มัน… เจ้าคิดมอบมันให้ข้าจริง?” เล้งชิวหลิงถามขึ้นด้วยสายตาที่เปี่ยมความสงสัย

มันมิใช่ว่านางไม่เชื่อคำเย่หยวน แต่เป็นเพราะว่าสมบัติล้ำค่าเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่แม้แต่เทพถ่องแท้ยังต้องการ แต่เย่หยวนคนนี้กลับมอบมันให้นางอย่างไม่มีท่าทางลังเลใดๆ เลย

เรื่องเช่นนี้มันย่อมทำให้ผู้คนหลงลืมคิดว่าตัวเองได้ฝันไป

เย่หยวนยิ้มตอบ “มีหรือที่สายสัมพันธ์ของสหายจะมาแทนที่ด้วยเลือดหยดเดียวได้? วันนั้นหากเจ้าไม่ได้พูดขึ้นมาในบ้านตระกูลเล้ง เย่คนนี้เองก็คงต้องลำบากสาหัสกับเรื่องที่ว่าเป็นคนไม่มีที่มาที่ไป เลือดหยดนี้ข้าจึงจะมอบมันให้เจ้า”

“แต่มันล้ำค่าเกินไป”

เมื่อมีสมบัติล้ำค่าอยู่ตรงหน้าเช่นนี้แน่นอนว่าเล้งชิวหลิงย่อมหวั่นไหวไม่น้อยแต่เจ้าเลือดแท้วิหคชาดนี้มันเป็นสิ่งที่แสนสุดล้ำค่าจนเกินกว่าที่นางจะรับไว้ไหว

เย่หยวนยิ้ม “มีหรือที่ถ้ำเทพสวรรค์มันจะมีแค่เลือดแท้วิหคชาดเท่านี้? สมบัติล้ำค่าที่แท้จริงมันยังคงหลับใหลอยู่ภายใน แท้จริงแล้วเลือดแท้วิหคชาดนี้มันอาจจะไม่ได้มีค่าใดๆ เลยก็ได้”

การหลอมครั้งนี้กินเวลาไปถึงสามเดือนด้วยกัน

ในวันนี้ที่โอเอซิสแห่งนี้เกิดแสงเจิดจ้าสว่างส่องขึ้นท้องฟ้า

พร้อมด้วยลวดลายสัญลักษณ์ของวิหคชาดที่ก่อตัวขึ้นที่ด้านหลังของเล้งชิวหลิง

ตอนนี้คลื่นพลังของนางนั้นแข็งแกร่งกว่าก่อนมาและได้บรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์หกดาวเป็นที่เรียบร้อย

“หึๆ ยินดีด้วย! จากวันนี้ไปแม่นางเล้งที่ผสานแนวคิดแห่งไฟและน้ำแข็งเข้าด้วยกันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากแน่! อีกไม่นานยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งภายในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างนั้นคงต้องได้เปลี่ยนชื่อกันแล้ว”

เล้งชิวหลิงค่อยๆ เปิดตาขึ้นมาพร้อมเสียงของเย่หยวนที่ส่งเข้าหู

แต่ก่อนที่เล้งชิวหลิงจะทันได้ตอบอะไรกลับไปนางกลับต้องหรี่ตาเล็กด้วยความตื่นตกใจอย่างมหาศาล

เพราะตอนนี้เย่หยวนกลับสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวมาได้แล้ว

“เจ้าเองก็บรรลุขึ้นมาเช่นกันมิใช่หรือ?” รอยยิ้มอันขมขื่นแย้มออกมาจากมุมปากของเล้งชิวหลิง

เพราะนางคิดว่าการที่ได้หลอมเลือดแท้วิหคชาดในครั้งนี้มันคงทำให้ตัวนางทิ้งห่างเย่หยวนไปได้อีกพักใหญ่ๆ ไม่นึกไม่ฝันว่าเวลาแค่สามเดือนนี้เย่หยวนกลับจะสามารถบรรลุขึ้นมาได้อีกหนึ่งดาวเช่นกัน

หรือว่าแท้จริงแล้วชายคนนี้ไม่มีคอขวดเลย?

เย่หยวนยิ้มออกมา “พลังงานของเลือดแท้วิหคชาดนั้นมันเหนือล้นทำให้ข้าที่อยู่ด้านข้างก็ได้รับผลประโยชน์ไปด้วยไม่น้อยจนสามารถบรรลุขึ้นมาได้เช่นนี้ เอาล่ะ ตอนนี้มันก็ชักช้ามามากแล้ว เรารีบออกไปกันก่อนเถอะ เพราะการจะเปิดถ้ำเทพสวรรค์นั้นมันยังต้องใช้เลือดแท้วิหคชาดที่เจ้ามีอีก”

เล้งชิวหลิงพยักหน้ารับและเดินตามเย่หยวนกลับไปยังประตูทางเข้า

เมื่อพวกเขาทั้งสองกลับมาถึงเทือกเขาอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ได้พบว่าพื้นที่ด้านหน้ามันเปี่ยมไปด้วยนักยุทธ์จำนวนมากมาย

“ฉูชิงคนนั้นช่างเก่งกาจจริงๆ ถึงขั้นสามารถได้รับเลือดแท้ของพยัคฆ์ขาวมาได้! พลังฝีมือของเขาคงพัฒนาขึ้นไปได้อีกมาก ตอนนี้ในหมู่คนหนุ่มสาวด้วยกันมันไม่มีใครที่จะเทียบเคียงเขาได้เลย”

“ใช่ไหมล่ะ? แต่ข้าได้ยินมาว่าเด็กที่ชื่อเย่หยวนมันกล้าจะแย่งผู้หญิงของเขาคนนั้น ดูท่าคงเบื่อชีวิตแล้ว!”

“หึ พูดถึงเจ้าเย่หยวนคนนี้มันก็มิใช่คนธรรมดาๆ เช่นกัน! ภายในประตูวิหคชาดนั้นเย่หยวนได้สังหารศิษย์ของเจ้าเมืองจี้ฉุนแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์นทีต่อหน้าต่อตาเขา พลังฝีมือของเย่หยวนคนนี้ย่อมไม่ธรรมดา แต่ที่มันมีมากกว่าใครเลยก็คือความกล้าบ้าบิ่น! แต่ทว่าตอนนี้จี้ฉุนได้รับเลือดแท้วิหคชาดไปแล้ว เจ้าเด็กคนนี้มันคงไม่มีโอกาสได้มีชีวิตแน่”

“มีเรื่องเช่นนั้นด้วย? เช่นนั้นเด็กคนนี้มันก็รนหาเรื่องใส่ตัวเสียแล้ว! ไม่ว่ามันจะมากพรสวรรค์เพียงใดแต่มันก็ยังเป็นแค่นภาสวรรค์สองดาว ต่อหน้าฉูชิงหรือจี้ฉุนมันย่อมไม่มีค่ามีราคาใดๆ”

ตอนนี้เรื่องราวใหญ่ๆ ทั้งหลายมันได้สงบลงไปแล้วทำให้เรื่องที่ผู้คนหยิบขึ้นมาพูดกันคือเรื่องที่ว่าใครได้เลือดแท้ของสัตว์เทวะใดบ้าง

เสียงพูดคุยทั้งหลายนี้มันย่อมลอยมาเข้าหูของเล้งชิวหลิงและเย่หยวน

เล้งชิวหลิงได้แต่ขมวดคิ้วแน่นไม่คิดไม่ฝันว่าฉูชิงคนนั้นจะได้เลือดแท้พยัคฆ์ขาวมา

นางรู้ดีว่าการแย่งชิงเลือดแท้มาจากมือของเทพถ่องแท้นั้นมันเป็นเรื่องที่แสนยากเย็นเพียงใด

ฉูชิงคนนี้มันช่างเป็นยอดคนสวรรค์ส่ง ดวงชะตาของเขาคงยิ่งใหญ่มากแน่!

แต่จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งตัวออกมาพร้อมเสียงร้อง คลื่นพลังของเขาคนนั้นมันครอบงำพวกเย่หยวนทั้งสองคนไว้ในทันที

“ตาย!”

ในหมู่พันธมิตรพันทะยาน กู่เทียนเฉที่ได้เห็นภาพนั้นต้องหน้าถอดสีลงทันทีก่อนจะพุ่งตัวออกไปโจมตีในเวลาเดียวกัน

‘ปัง!’

การปะทะที่สุดแสนรุนแรง แต่เป็นฝ่ายกู่เทียนเฉที่ต้องเซหลังกลับมาหลายก้าว

“จี้ฉุน ทำเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?” กู่เทียนเฉกล่าวถามขึ้น

เงาร่างนี้มันมิใช่ใครที่ไหนนอกไปเสียจากจี้ฉุนผู้ที่เพิ่งออกมาจากประตูวิหคชาด

แต่ตอนนี้คลื่นพลังของจี้ฉุนมันกลับมืดมนและดูเย็นเยือกขึ้นกว่าก่อนมาก มากพอที่จะแช่แข็งผู้คนได้

“กู่เทียนเฉ ข้าแค่อยากได้ชีวิตของเด็กคนนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า! หากเจ้าคิดขัดขวางข้าก็จะสังหารเจ้าลงด้วย!” จี้ฉุนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

กู่เทียนเฉนั้นโกรธเคืองขึ้นอย่างมากเมื่อได้ยิน “คิดสังหารข้า? ด้วยคนอย่างเจ้า?”

จี้ฉุนปล่อยคลื่นพลังออกมาอย่างสุดแสนรุนแรงจนทำให้กู่เทียนเฉต้องเบิกตากว้าง

ดูท่าจี้ฉุนคนนี้จะแตกต่างไปจากก่อนหน้า

“เจ้าลองสิ!” จี้ฉุนบอก

แต่เวลานี้เองที่จีคังกลับเดินขึ้นมาห้ามทั้งสองไว้ “เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนกำลังจะเปิดถ้ำเทพสวรรค์ออก สมบัติภายในนั้นมันย่อมจะมีอีกมากมาย ให้เทพถ่องแท้สองคนมาสู้กันเสียตอนนี้มันคงไม่ได้ประโยชน์อันใด ถือว่าเห็นแก่หน้าข้า พวกเจ้าทั้งสองเก็บความแค้นใดๆ ที่มีไว้ก่อน ออกมาจากถ้ำเทพสวรรค์แล้วจะฆ่าสังหารกันมันก็ยังไม่สายไป”

จี้ฉุนเปลี่ยนสีหน้าไปมาอยู่หลายครั้งก่อนจะร้องบอก “ได้ ข้าจะถือว่าเห็นแก่หน้าเจ้า! กู่เทียนเฉ หลังจากออกไปแล้วหากเจ้ายังคิดปกป้องเจ้าสัตว์น้อยตัวนี้ข้าจะสังหารเจ้าลงด้วยแน่! หากเจ้าไม่เชื่อว่าข้าทำได้เจ้าก็ลองดู!”

กู่เทียนเฉหัวเราะเย้ย “ไม่มีเหตุผล!”

แท้จริงแล้วตัวเขาเองก็ตื่นตะลึงกับการปะทะเมื่อสักครู่นี้มาก จี้ฉุนนั้นมีพลังที่ดูเหมือนจะเก่งกาจกว่าแต่ก่อนมากมาย

แต่ในสถานที่นี้ทุกคนต่างต้องกดดันพลังบ่มเพาะของตนไว้ คนผู้นั้นจะมีพลังที่แท้จริงแค่ไหนต้องออกไปก่อนถึงจะรู้กัน

จีคังยิ้มออกมา “หึๆ จีคังได้ยินว่าท่านได้เลือดแท้วิหคชาดมา มาเถอะ ตอนนี้อีกสามคนกำลังรออยู่ก่อนแล้ว พวกท่านไปเปิดถ้ำเทพสวรรค์ด้วยกัน!”

ได้ยินเช่นนั้นจี้ฉุนก็ได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมา “ข้าไม่ได้รับเลือดแท้วิหคชาดมา!”

รอยยิ้มของจีคังจึงแข็งค้างอยู่บนใบหน้านั้น “เจ้าไม่ได้? เช่นนั้นใครได้กัน?”

จี้ฉุนหันไปมองเล้งชิวหลิงอย่างขุ่นแค้น

“หึ เวลานกปากซ่อมและหอยตีกัน คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือชาวประมง! ข้าไม่นึกเลยว่าในสุดท้ายแล้วมันจะเป็นนังเด็กคนนี้ที่ได้กลายเป็นชาวประมง!”

นั่นทำให้สายตาทุกคู่ต่างหันไปมองเล้งชิวหลิงเป็นตาเดียว

เป็นตอนนั้นเองที่กู่เทียนเฉได้หันกลับมาสำรวจศิษย์ของตนคนนี้และพบว่าตอนนี้นางได้บรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์หกดาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

นอกจากจะตกตะลึงแล้วตัวเขายังดีใจมากด้วย

“ฮ่าๆ หลิงเอ๋อ เจ้าได้เลือดแท้วิหคชาดมาจริง?” กู่เทียนเฉถามขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ

เล้งชิวหลิงพยักหน้ารับเป็นการยืนยัน

เมื่อฉูชิงได้ยินข่าวนี้เขาก็หัวเราะลั่น “หึๆ เยี่ยมจริงๆ! ศิษย์น้องชิวหลิง เจ้าและข้านั้นต่างมีดวงชะตาอันยิ่งใหญ่! เจ้ากับเจ้ามดนั่นมันไม่คู่ควรแก่กันหรอก! ความต่างชั้นของพวกเจ้าทั้งสองมันจะมีแต่ขยายตัวขึ้นและขยายตัวขึ้น! มาเถอะ ไปเปิดถ้ำเทพสวรรค์กัน!”

เขารู้สึกว่าการที่ตัวเขาเองนั้นได้เลือดแท้พยัคฆ์ขาวและการที่เล้งชิวหลิงได้เลือดแท้วิหคชาดมามันย่อมจะทำให้รุ่นคนหนุ่มสาวทั้งหลายต้องสั่นสะเทือน

ในภายภาคหน้า การจะก้าวขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์มันก็คงมิใช่เรื่องยากเย็น

แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมไม่มีค่าพอจะเทียบเคียงกับเล้งชิวหลิง

“ชะตาอันยิ่งใหญ่? ศิษย์พี่ฉู ท่านเข้าใจผิดแล้วล่ะ คนที่มีชะตาอันยิ่งใหญ่นั้นหาใช่ข้า แต่เป็นเย่หยวน เลือดแท้วิหคชาดนี้เองข้าก็ได้รับมันมาจากเขาอีกที” เล้งชิวหลิงส่ายหัวพร้อมอธิบายเรื่องราว

…………………………