ตอนที่ 1865 หยิบตะวันด้วยมือเปล่า

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ภายในพื้นที่แสนกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุดนี้มีเงาร่างนับสิบกำลังวิ่งไล่กันอย่างไม่หยุดพัก

“จี้ฉุน เจ้าทิ้งเลือดแท้วิหคชาดไว้เสีย!”

“วิชาลับของเจ้าคงใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มทีแล้วใช่ไหม?”

ตอนนี้เทพถ่องแท้นับสิบคนวิ่งไล่ตามกันมาอย่างยาวนานเป็นระยะกว่าหลายหมื่นกิโลเมตรเข้าไปแล้ว

จี้ฉุนนั้นตื่นตระหนกอย่างมากเพราะเขานั้นไม่มีทางที่จะหนีได้อีกต่อไป

ในที่สุดเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายก็ตามจี้ฉุนมาจนทันและพุ่งตัวขึ้นมาปิดทางหนีของเขาไว้สิ้น

“หึ จี้ฉุน เจ้าบาดเจ็บหนักขนาดนี้คงหนีไปไหนไม่รอดแล้ว!”

“รีบๆ ส่งเลือดแท้วิหคชาดมาแล้วเราจะไม่เอาเจ้าให้ถึงตาย!”

แม้ว่าจี้ฉุนนั้นจะมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่แต่เวลานี้มีหรือที่ผู้คนจะคิดสนใจตำแหน่งอย่างเจ้าเมือง?

จี้ฉุนหน้าแดงก่ำขึ้นมาและกล่าว “เลือดแท้วิหคชาดนี้หากพวกเจ้ามีปัญญาก็เข้ามาเอามันไป!”

“หึ! ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!”

กว่าสิบร่างที่พุ่งเข้ามาพร้อมๆ กันทำให้เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดถึงที่สุด

แม้ว่าจี้ฉุนจะเป็นเทพถ่องแท้เจ็ดดาว แต่มีหรือที่ตอนนี้เขาจะปลดปล่อยพลังนั้นออกมาได้? ร่วมกับบาดแผลต่างๆ บนร่างกายนี้มันยิ่งทำให้เขาไม่อาจเป็นคู่มือของคนทั้งหลายนี้ได้เลย

ฉัวะ!

ดาบหนึ่งแทงทะลุเข้าร่างของเขาไปทำให้สภาพของเขาในตอนนี้เป็นตายเท่ากัน

เทพถ่องแท้ผู้แทงดาบนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมา “เจ้ารนหาที่ตายเองอย่าได้มาโทษว่าข้าเลย!”

แต่ตอนนั้นเองที่ริมฝีปากของจี้ฉุนกลับยิ้มขึ้นด้วยรอยยิ้มแปลกๆ ทำให้เทพถ่องแท้คนนั้นรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล

“ระวัง!”

เหล่าคนทั้งหลายนี้กำลังจะมุ่งหน้าออกมาค้นร่างของจี้ฉุนแต่จู่ๆ ร่างกายของจี้ฉุนกลับแตกระเบิดออกมาพร้อมพลังงานอันมหาศาลกระจายไปทั่วทิศ

เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นถูกแรงกระแทกนั้นซัดจนปลิวต่างคนต่างได้รับบาดเจ็บกันไปไม่น้อย

เทพถ่องแท้คนที่แทงดาบเข้าร่างของจี้ฉุนนั้นถึงขั้นร่างสลายหายไปเพราะแรงจากระเบิด

“ยันต์ระเบิดสายฟ้าเก้าตะวัน! บ-บ้าเอ้ย! เราถูกหลอก!”

“ตามมาเสียตั้งนานที่แท้มันเป็นแค่ร่างเงา!”

ตอนนี้ใต้พื้นทรายที่ไหนสักแห่งในทะเลทราย จี้ฉุนกำลังมุดตัวซ่อนอยู่ใต้ผืนทรายลึก

เขานั้นได้เปิดพื้นดินและขุดลงไปซ่อนตัวในที่แห่งนี้

แม้ว่าคลื่นพลังของเขาในตอนนี้มันจะอ่อนแอและเฉื่อยกว่าปกติมากแต่เมื่อได้เห็นกล่องหยกในมือแล้วสองตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“หึ เพื่อการได้เจ้ามาข้าถึงขั้นต้องสละร่างเงาที่ข้าเฝ้าบ่มเพาะมาหลายหมื่นปี! เลือดแท้วิหคชาดนี้มันต้องช่วยให้ข้าสามารถบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้แน่! เจ้าเด็กเย่หยวน เจ้ากล้าสังหารหานเอ๋อต่อหน้าข้า ข้าจะทำให้เจ้าได้รับรู้ถึงผลของมัน!”

เมื่อคิดถึงเย่หยวนขึ้นมาได้จี้ฉุนก็รู้สึกโกรธแค้นร้อนรุ่มขึ้นมาในดวงใจอีกครั้ง

หากมิใช่เพราะเย่หยวนมาฆ่าสังหารซัวหานในวินาทีสำคัญเช่นนั้นจนทำให้สมาธิของเขาต้องเสีย ตัวเขาเองก็คงไม่ถูกคนอื่นลอบทำร้ายและสามารถจะเอากล่องหยกนี้มาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ร่างเงานั้นเขาได้พบกับมันเมื่อหลายหมื่นปีก่อนและมันก็ติดตามเขาไปทุกที่ จนตอนนี้เจ้าร่างเงาเองก็ได้บ่มเพาะขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ห้าดาวแล้ว

ร่างเงานี้มันเป็นของสำคัญต่อเขามากๆ อย่างหนึ่ง

แต่ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างมันกลับหายลับไปจนสิ้น

แน่นอนว่าความโกรธแค้นที่จี้ฉุนมีต่อเย่หยวนมันยิ่งจะเพิ่มพูน

เขาย่อมไม่ได้นึกถึงเลยว่าเมื่อตอนนั้นตัวเขาเองก็คิดจะฆ่าสังหารเย่หยวนลง

เมื่อรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่แสนรุนแรงที่ไหลรั่วออกมาจากกล่องหยกจี้ฉุนก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นดีใจ

แม้หัวใจจะยังม่สงบลงแต่ตอนนี้จี้ฉุนก็ได้เดินปราณเทวะเข้าไปและค่อยๆ เปิดกล่องนั้นออกมา

ฟุบ!

จู่ๆ เมฆหมอกสีดำก็พุ่งพวยออกมาครอบใบหน้าของจี้ฉุนไว้

“ฮ่าๆๆ ในที่สุดเทพสวรรค์ผู้นี้ก็จะได้เห็นแสงตะวันอีกครั้งแล้ว! เด็กน้อย ข้าขอยืมร่างของเจ้าไปใช้ล่ะนะ!”

เสียงอันชั่วร้ายหนึ่งดังขึ้นก่อนที่เมฆหมอกสีดำนี้จะพุ่งเข้าสู่ภายในร่างของจี้ฉุนทันที

“อ่ะ! เจ้าเป็นตัวอะไรกัน ออกไป! ออกไปจากร่างของข้าเดี๋ยวนี้!” จี้ฉุนร้องบอกอย่างโกรธเคือง

“หึๆ ข้าผู้นี้คือเทพสวรรค์โหมวหยู่ การที่จะถูกเทพสวรรค์ผู้นี้สิงร่างมันเป็นเรื่องที่เจ้าควรยินดีเสียด้วยซ้ำ!”

“ออกไป! เทพสวรรค์ผายลมอันใด ด้วยพลังน้อยนิดของเจ้าก็คิดจะยึดร่างข้าได้หรือ? ฝันไปเถอะ!”

“หึๆ เทพสวรรค์ผู้นี้ได้เข้าไปถึงทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแล้ว จะสิงได้หรือไม่มันมิใช่สิ่งที่เจ้าจะเป็นผู้ตัดสินอีกต่อไป!”

“ทำไมกัน?! ในกล่องนี้มันมิใช่เลือดแท้วิหคชาดหรอกหรือ?” จี้ฉุนร้องตะโกน

“เลือดแท้วิหคชาด? ที่แท้เจ้าก็คืออยากหาเลือดแท้วิหคชาด! ฮ่าๆๆ ในที่แห่งนี้เลือดแท้วิหคชาดมันก็คือดวงตะวันอันเจิดจ้านั้น เจ้าคิดว่ามันจะมาอยู่ในกล่องเช่นนี้หรือ? ช่างโง่เง่าเสียจริงๆ! แต่ก็เพราะว่าความโง่เง่าของเจ้านี่แหละที่ทำให้เทพสวรรค์ผู้นี้ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง!” เทพสวรรค์โหมวหยู่หัวเราะออกมาด้วยเสียงที่แปลกประหลาด

“ต-ตะวันอันเจิดจ้า! บ้าน่า!”

คำพูดนี้ของเทพสวรรค์โหมวหยู่ทำให้จี้ฉุนสั่นสะท้านไปทั้งทรวง

หนึ่งคนหนึ่งปีศาจต่างต่อสู้กันอย่างสุดตัวในทะเลจิตของจี้ฉุน

“นั่นหรือคือเลือดแท้วิหคชาด? นี่มัน… จะเป็นไปได้อย่างไร?”

เล้งชิวหลิงได้แต่เงยหน้ามองดูท้องฟ้ากว้างพร้อมด้วยเจ้าดวงตะวันอันเจิดจ้าที่ดั่งตระหง่านอยู่ตรงกลางนั้น

แต่นางนั้นไม่คิดอยากจะเชื่อแม้แต่นิดว่าเจ้าดวงตะวันเจิดจ้านี้มันคือเลือดแท้วิหคชาดที่ทุกคนต่างดิ้นรนหากันแทบเป็นแทบตาย

เย่หยวนยิ้มตอบ “ที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมีเลือดแท้วิหคชาดเป็นฐาน โอเอซิสนี้มันก็คือส่วนกลางของพื้นที่และแน่นอนว่าจะเป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถเข้าถึงเลือดแท้วิหคชาดได้ด้วย”

เล้งชิวหลิงเปิดปากพูดขึ้นด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ “เช่นนั้นแล้ว… เช่นนั้นแล้วเจ้าสิ่งที่จี้ฉุนแย่งชิงไปเล่า?”

เย่หยวนยิ้ม “เรื่องนั้นข้ามิทราบ แต่… ดูท่ามันคงมิใช่ของที่ดีงามนัก หึๆ”

เล้งชิวหลิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำได้เพียงยืนนิ่งอย่างที่ไม่รู้ต้องพูดจากล่าวสิ่งใดต่อไป นางรู้สึกราวกับว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนอนหลับฝันไป

ภาพศพมากมายที่กองอยู่ตรงหน้าในพื้นที่โอเอซิสนี้มันทำให้เล้งชิวหลิงได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

คนทั้งหลายนั้นต่างต้องผ่านความยากลำบากมากมายกว่าจะมาถึงที่แห่งนี้ได้ แต่พวกเขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่พวกเขาแลกชีวิตกันแย่งชิงไปนั้นมันจะเป็นเพียงแค่เลือดแท้วิหคชาดปลอมๆ

แต่ทว่าเล้งชิวหลิงเองก็รู้สึกปลงขึ้นมาเช่นกัน

เพราะแต่เดิมนี่มันก็คือกฎของโลกของนักยุทธ

คนที่มีดวงชะตาแก่กล้าจะได้รับสมบัติจากมิติวิเศษและเข้าสู่การจุติใหม่ราวกับเป็นคนละคน

แต่นักยุทธส่วนมากนั้นทำได้แค่เข้าไปตายในมิติวิเศษเช่นนี้

การถือกำเนิดของยอดฝีมือนั้นต้องแลกมาด้วยชีวิตนับไม่ถ้วน

คำพูดที่บอกว่าแม่ทัพก่อเกิดขึ้นมาได้จากศพของทหารนับไม่ถ้วนมันไม่ได้เป็นคำพูดที่เกินเลยความจริงไปเลย

“แต่… เราจะเอาเลือดแท้วิหคชาดมาได้อย่างไร?” เล้งชิวหลิงถามขึ้นด้วยความไม่มั่นใจ

เพราะในที่แห่งนี้มันไม่มีใครกล้าจะบินขึ้นเหนือพื้นดิน เพราะค่ายกลกั้นความสูงที่ถูกติดตั้งไว้มันรุนแรงเกินกว่าที่ใครจะทานทนไหว

เรื่องนี้มีคนมากมายที่ได้ลองพิสูจน์ดูแล้ว

เย่หยวนยิ้มออกมาเบาๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปเหยียบบนโต๊ะหิน

ตูม!

บนท้องฟ้านั้นกระแสลมและเมฆจู่ๆ ก็เกิดเปลี่ยนทิศ แสดงให้เห็นเพลิงอันรุนแรงที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกสิ่งอย่างให้เป็นจุณ

และเย่หยวนก็กำลังยืนอยู่กลางพายุเพลิงนี้!

เห็นเช่นนั้นเล้งชิวหลิงก็หน้าถอดสีไปทันทีก่อนจะร้องขึ้น “เย่หยวน ระวัง!”

แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจพุ่งตัวส่งร่างขึ้นไปยังเมฆเพลิงนั้น!

ขณะเดียวกันพลังยอดเต๋าอันแรงกล้าก็ถูกปล่อยออกมาจากร่างของเย่หยวนเพื่อรับเพลิงอันแสนรุนแรงที่ว่านั้น

เล้งชิวหลิงได้แต่เบิกตากว้างเพราะว่าเจ้าเพลิงที่ดูเหมือนจะแผดเผาโลกทั้งใบได้นี้มันกลับกำลังหกเล็กลง!

ราวกับว่ามัน…กำลังกลัวเย่หยวน

จนในที่สุดเพลิงเหล่านั้นมันก็หดกลับเข้าไปในดวงตะวัน

เย่หยวนบินขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับเดียวกับเจ้าดวงตะวันเจิดจ้านี้

ภายใต้สายตาอันตื่นตะลึงของเล้งชิวหลิงเย่หยวนก็ได้ยื่นมือออกไปหยิบดวงตะวันนั้นออกมา

ตอนนี้เพลิงและความร้อนจากตะวันเจิดจ้านี้มันกลับค่อยๆ เบาบางลง แสงของมันอ่อนลงเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็กลับกลายเป็นสภาพของหยดเลือด

เย่หยวนจับมันไว้มั่นด้วยฝ่ามือก่อนจะค่อยๆ ลอยตัวกลับลงมายังพื้นดิน

เล้งชิวหลิงมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึง

“เจ้า…เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”

…………………………