ตอนที่ 1963 ขายน้ำอาบ

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1963 ขายน้ำอาบ

เขาเคยคิดว่าตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลที่ไหนๆก็เหมือนกันหมด แต่ตอนนี้ก็เห็นชัดแล้วว่าไม่ใช่ ด้วยวรยุทระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 1 นักรบจะสามารถสำแดงศิลปะเพลงดาบที่ทรงพลังกว่ากันได้มาก จึงเป็นธรรมดาที่ราคาจะสูงกว่า

หลังจากถามอีกสองสามคำถามเพื่อให้แน่ใจ ในที่สุดจางเซวียนก็เอ่ยขึ้น “คืออย่างนี้ เหตุผลที่ผมมาที่ตลาดนี่ก็เพราะกำลังต้องการตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอย่างเร่งด่วน แต่ตอนนี้ผมไม่มีเงินอยู่ในมือเลย พอมีวิธีไหนให้ผมหาเงินได้เร็วๆบ้าง?”

“วิธีหาเงินให้ได้เร็วๆ? บอกผมบ้างก็แล้วกันถ้าคุณมีวิธี…เพราะถ้าผมมีความคิดที่ดีกว่านี้ล่ะก็ คงไม่มัวมาขายของอยู่อย่างนี้หรอก!” ศิษย์สายตรงคนนั้นกลอกตา

ได้ยินคำนั้น จางเซวียนเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน

เขาออกมา จากนั้นก็เดินไปตามถนนด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ตอนนี้เรามีแค่ยาเม็ดอมตะขั้นต้น 7 เม็ดกับแหวนเก็บสมบัติ 1 วง…ต่อให้ขายหมดตัวก็ยังได้เงินไม่ถึง 20 เหรียญสำนักดาบ…

ถ้าเขามีสินค้าที่มีค่าอยู่ในมือ ก็คงพอจะตั้งร้านของตัวเองได้เหมือนที่ศิษย์สายตรงคนอื่นๆทำกันแต่ปัญหาก็คือตอนนี้เขาไม่มีอะไรที่มีค่าอยู่ในมือเลย!

อย่างแหวนเก็บสมบัติ แม้จะเป็นของหายากในเมืองชวนเจียง แต่ทุกคนที่เขาได้พบที่สำนักดาบเมฆเหินก็ล้วนแต่มีแหวนเก็บสมบัติเป็นของตัวเอง เมื่อเขาสอบถามเรื่องนี้ ก็ได้รู้ว่าสามารถหาเช่าแหวนเก็บสมบัติได้จากทางสำนัก ไม่มีทางที่จะซื้อขายมันในตลาด!

ส่วนยาเม็ดอมตะขั้นต้น ต่อให้เขาหาผู้ซื้อได้โดยบังเอิญ ก็ยังได้เงินไม่มากพอจะซื้อตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลสักอันอยู่ดี

จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเค้นหัวสมองอย่างหนักเผื่อจะเกิดความคิดดีๆ

“ใช่แล้ว! น้ำที่ได้จากการอาบน้ำเต้าตงฉู่มีอานุภาพน่าทึ่งในการเยียวยาอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว หากเรานำมาขาย ก็น่าจะได้ราคาดี!”

พูดกันตามตรง เขาทำอะไรไม่ได้มากนักหลังจากที่เข้าสู่มิติเบื้องบน นอกจากการเข้าร่วมการดวล ก็ไม่รู้วิธีอื่นใดที่จะทำให้ได้เงินมาเร็วๆ ถ้าจะมีอะไรสักอย่างในตัวเขาที่เป็นของมีค่าสำหรับคนอื่นๆ ก็น่าจะเป็นน้ำที่ได้จากการอาบน้ำเต้านี่แหละ

โชคดีที่เขายังมีสำรองไว้ในแหวนเก็บสมบัติอีกหลายขวด

น้ำอาบน้ำเต้ามีอานุภาพน่าทึ่งในการเยียวยาอาการบาดเจ็บ ถึงขนาดที่ไม่มียาเม็ดชนิดไหนในท้องตลาดจะเทียบชั้นได้ ขอแค่เขาทำการตลาดให้ดีและนำมันมาขาย ก็น่าจะได้เงินมากพอไปซื้อหาตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล

“งั้นก็ตามนี้!”

จางเซวียนนำของสองสามอย่างออกมาจากแหวนเก็บสมบัติของเขาโดยไม่ลังเลและจัดแผง เขานำขวดหยกที่บรรจุน้ำอาบน้ำเต้าออกมาจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบตรงหน้า จากนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนำผ้าผืนหนึ่งออกมาและเขียนคำว่า ‘น้ำทิพย์เยียวยาขั้นเทพ’ ลงไปก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง

“น้ำทิพย์เยียวยาขั้นเทพ? น้องชาย คุณนี่ไม่กลัวตายเอาเสียเลย! ไม่รู้หรือว่าคำว่า ‘เทพเจ้า’ จะนำมาใช้พล่อยๆไม่ได้ คุณจะถูกลงทัณฑ์แน่หากเทพเจ้ารู้เรื่อง!” ศิษย์สายตรงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างจางเซวียนมองแผ่นป้ายของเขาและอุทานออกมาด้วยความพรั่นพรึง

“คำนั้นนำมาใช้พล่อยๆไม่ได้? ว่าแต่…สำนักดาบเมฆเหินก็มีสถานที่ที่เรียกว่าหอเทพดาบไม่ใช่หรือ?”

“คำว่า ‘เทพ’ ที่ใช้ในหอเทพดาบนั้นเป็นคำที่ผู้ก่อตั้งสำนักของเราฉกฉวยมาจากหอเทพเจ้า แต่ในเมื่อผู้ก่อตั้งนำตัวอักษรมาได้เพียงครึ่งเดียว เขาจึงมีสิทธิ์ใช้มันเป็นชื่อของสิ่งปลูกสร้างหลังหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ชื่อสำนัก ทั่วทั้งทวีปนี้มีแต่หอนิรันดร์ที่เดียวที่มีสิทธิ์ใช้ตัวอักษรนี้เป็นชื่อของมัน ตำนานกล่าวว่าผู้ก่อตั้งหอนิรันดร์บุกเดี่ยวเข้าไปที่หอเทพเจ้าและนำตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ ออกมาได้ต่อหน้าต่อตาเทพเจ้าที่อยู่ในนั้น!” ศิษย์สายตรงผู้นั้นอธิบาย

“มิติเบื้องบนจำกัดการใช้ตัวอักษรบางคำด้วยหรือ?” จางเซวียนถึงกับงง

หลังจากถามอีก 2-3 คำถาม ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

มิติเบื้องบนหรือที่รู้จักกันในชื่อทวีปที่ถูกลืมถือได้ว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งที่ถูกเทพเจ้าละเลย เหล่าเทพเจ้ามองว่าดินแดนนี้ไร้ค่า และสั่งห้ามไม่ให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่ใช้ตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ กฎเกณฑ์นี้บังคับใช้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็น 6 สำนักใหญ่หรือพลเมืองธรรมดาสามัญ

ถ้าใครคิดจะใช้ตัวอักษรนี้ ก็มีวิธีเดียวคือต้องเข้าสู่หอเทพเจ้าและขโมยตัวอักษรคำว่าเทพเจ้ามาจากในนั้นให้ได้!

ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา สำนักดาบเมฆเหินและหอนิรันดร์เป็นเพียง 2 ที่ที่ทำสำเร็จ สำนักดาบเมฆเหินฉกฉวยเอาตัวอักษรมาได้ครึ่งหนึ่ง ขณะที่หอนิรันดร์นำตัวอักษรจากหอเทพเจ้ามาได้ทั้งคำ

สำนักอื่นๆก็ล้วนแต่พยายาม แต่พวกเขาไม่เคยทำสำเร็จ

เพียงเท่านี้ก็พอจะมองออกแล้วว่าหอเทพเจ้ามีความน่าสะพรึงแค่ไหน

ดูเหมือนคำว่า ‘เทพเจ้า’ จะไม่อาจถูกนำมาใช้ได้ง่ายๆ

ดังนั้น จางเซวียนจึงลบคำว่า ‘น้ำทิพย์เยียวยาขั้นเทพ’ ออกจากแผ่นผ้าและเปลี่ยนเป็น ‘น้ำทิพย์เยียวยาสวรรค์’ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเติมถ้อยคำลงไป ‘อาการบาดเจ็บและความป่วยไข้ทุกชนิดจะถูกรักษาหายภายในชั่วพริบตา!”

หลังจากเสร็จกระบวนการ เขาก็นั่งรออย่างอดทนให้มีลูกค้าเข้ามา

2 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีลูกค้าจำนวนหนึ่งแวะมาที่แผงของจางเซวียนเพื่อตรวจสอบดู แต่เมื่อพวกเขาเปิดจุกขวดหยกออกสำรวจน้ำที่อยู่ข้างใน ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างผิดหวังแล้วจากไป

ยาฟื้นฟูสภาพร่างกายส่วนมากที่มีขายในท้องตลาดล้วนแต่มีพลังจิตวิญญาณเข้มข้น แต่อะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในขวดหยกนั้นดูจากไม่ต่างจากน้ำเปล่าเลย ใครจะยอมเสียเหรียญสำนักดาบอันล้ำค่าเพื่อซื้อของไร้ประโยชน์แบบนี้?

ไม่ช้า ดวงอาทิตย์ก็เริ่มจะลับขอบฟ้า จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากำลังจะเก็บของ ก็พอดีกับที่สาวน้อยคนหนึ่งเดินพรวดพราดเข้ามา

เธอมีอายุราว 20 ต้นๆ แม้จะงดงามเทียบชั้นไม่ได้กับจ้าวหย่าและคนอื่นๆ แต่เรือนร่างสูงโปร่งของเธอก็ทำให้มีความงดงามอย่างหาตัวจับยาก

จางเซวียนรู้สึกได้ว่าคิ้วของเธอกำลังขมวดมุ่น ราวกับมีบางอย่างที่ทำให้หนักใจ

“ยาของคุณได้ผลดีจริงๆหรือเปล่า?” สาวน้อยเดินเข้ามาถามจางเซวียน

“แน่นอน!” จางเซวียนพยักหน้า “มันรักษาอาการบาดเจ็บใดๆก็ตามได้ในชั่วอึดใจ ถ้าไม่ได้ผลล่ะก็ ผมจะชดใช้ให้คุณอย่างเต็มที่เลย!”

“ญาติสนิทคนหนึ่งของฉันได้รับบาดเจ็บจากอสูรขั้นอมตะตัวหนึ่ง เราพยายามรักษาเขาด้วยยาทุกชนิดแล้ว แต่ไม่ได้ผล…ฉันจึงคิดว่าจะลองใช้ยาของคุณรักษาดู ขวดหนึ่งราคาเท่าไหร่?” สาวน้อยครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตั้งคำถาม

ญาติสนิทผู้นั้นของเธอได้รับการวินิจฉัยจากนายแพทย์ที่เก่งกาจที่สุดในสำนัก อีกทั้งทดลองยามาแล้วทุกขนาน แต่ทุกอย่างก็ล้วนไม่ได้ผล เป็นเพราะความท้อใจที่ทำให้เธอตระเวนจากตลาดแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง หวังว่าจะได้พบกับปาฏิหาริย์ ซึ่งแผ่นป้ายที่จางเซวียนติดไว้ก็ดึงดูดความสนใจของเธอด้วยถ้อยคำที่ระบุไว้ว่ายานี้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บและความป่วยไข้ทุกชนิดได้

เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงตัดสินใจจะลองดู

บางที นี่อาจเป็นปาฏิหาริย์ที่ญาติของเธอกำลังต้องการ ถึงอย่างไรเธอก็จำเป็นต้องทดลอง

“ขวดหนึ่งมีสนนราคาอยู่ที่ 20 เหรียญสำนักดาบ” จางเซวียนตอบ

“20 เหรียญสำนักดาบ? คุณไปปล้นธนาคารจะดีกว่าไหม?” สาวน้อยประหลาดใจ

สำหรับยาเม็ดที่มีอานุภาพเยียวยาโดยทั่วไป แม้แต่กับนักรบขั้นเสมือนอมตะ ก็ยังมีสนนราคาอยู่ที่เม็ดละ 10 เหรียญสำนักดาบเท่านั้น ขวดหยกใบนี้บรรจุสิ่งที่ดูจะไม่แตกต่างจากน้ำเปล่าเลย แต่กลับมีราคาถึง 20 เหรียญสำนักดาบ?

คุณต้องพยายามต้มฉันแน่!

“แม่สาวน้อย สินค้าของผมคุ้มค่ากับทุกเหรียญที่คุณเสียไปแน่นอน เหตุผลที่ผมกล้าตั้งราคาสูงขนาดนี้ก็เพราะผมมั่นใจในประสิทธิภาพของมัน ไม่อย่างนั้น การที่ผมมาตั้งแผงแบบนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย” จางเซวียนตอบอย่างสุขุม “คุณตัดสินใจเองได้ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อถ้าคุณมองว่ามันราคาสูงเกินไป แต่รู้ไว้นะว่าราคานี้จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง!”

จากนั้นจางเซวียนก็หลับตา ราวกับไม่ใส่ใจสักนิดว่าสาวน้อยจะซื้อสินค้าของเขาหรือไม่

เขาไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน แต่เพราะได้อ่านหนังสือมามากมาย จึงพอรู้ลูกเล่นพื้นๆและยุทธวิธีทางจิตวิทยาที่บรรดานักธุรกิจใช้กัน หากเขาพยายามโปรโมทสินค้าของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็มีแต่จะทำให้สินค้ามีความน่าเชื่อถือลดลง

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขาสงวนท่าทีไว้และทำให้ใครๆดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ก็มีโอกาสที่จะเอาชนะใจลูกค้าได้

อีกอย่าง น้ำอาบน้ำเต้าที่เขานำมาขายนี้ก็มีอานุภาพราวกับปาฏิหาริย์อย่างที่เขากล่าวอ้างไว้จริงๆ!

เท่าที่เห็น ดูเหมือนยุทธวิธีของจางเซวียนจะได้ผล

ถ้าเป็นวันอื่น สาวน้อยคงจะเดินจากไปโดยไม่คิดมาก แต่การที่เธอไม่อาจมองทะลุถึงอานุภาพของน้ำในขวด รวมทั้งความมั่นใจอย่างประหลาดของพ่อค้า ก็ทำให้เธอเกิดความลังเลขึ้นมา

อาการป่วยที่ญาติสนิทของเธอกำลังทุกข์ทรมานอยู่ไม่ใช่สิ่งที่ยาทั่วไปจะรักษาได้ ความลึกลับของยานี้จึงดูดความสนใจของเธอ อีกอย่าง สิ่งที่เธอกำลังตามหาคือปาฏิหาริย์ พลังงานเหนือธรรมชาติบางอย่างที่จะทำให้ภารกิจที่ไม่มีทางเป็นไปได้นี้เป็นจริงขึ้นมา

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็หยิบขวดหยกขึ้นมา 1 ใบและคำราม “ก็ได้ ฉันจะซื้อยาของคุณ แต่คุณควรรู้ไว้นะว่าฉันไม่ใช่คนที่ใครควรจะมาตุกติกใส่ ถ้ายาของคุณไม่ได้ผลล่ะก็ ฉันจะตามล่าคุณ จะทำให้คุณรู้ว่าผลของการกล้าหลอกลวงฉันเป็นอย่างไร!”

“วางใจเถอะ ถ้ายาของผมไม่ได้ผลล่ะก็ ผมจะทุบร้านของผมทิ้งก่อนที่คุณจะทันได้พูดอะไรเสียอีก” จางเซวียนตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใยดีอย่างสิ้นเชิง ราวกับเคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

เขาวางแผนจะขายน้ำอาบน้ำเต้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งทันทีที่ได้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลมา ก็จะไม่ใช้วิธีการแบบนี้หาเงินอีก

เพราะถึงอย่างไร เขาก็เชี่ยวชาญการหาเงินด้วยการดวลมากกว่า!

“ถ้าได้อย่างนั้นก็ดี!” สาวน้อยตอบ เธอหยิบกระเป๋าออกมาใบหนึ่งแล้วโยนให้จางเซวียน “นี่คือเงิน 20 เหรียญสำนักดาบของคุณ!”

จากนั้นเธอก็หันหลังกลับแล้วออกจากตลาดของศิษย์สายตรงไป

จางเซวียนเปิดกระเป๋าอย่างตื่นเต้น จากนั้นก็รีบนับเงิน มีเงินอยู่ในนั้น 20 เหรียญสำนักดาบจริงๆ!

เขานึกว่าจะต้องนอนค้างอ้างแรมที่ตลาดอีกสัก 2-3 วันกว่าจะหาผู้ซื้อได้ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นกว่าที่คิด

จางเซวียนลุกขึ้นยืนและกำลังจะเก็บแผง ก็พอดีกับที่พ่อค้าคนหนึ่งที่ตั้งแผงอยู่ตรงข้ามเขารี่เข้ามาหาและส่ายหน้าอย่างสมเพช

“คุณควรจะรีบเผ่นหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ อันที่จริง ออกจากสำนักดาบเมฆเหินไปได้เสียเลยก็ดี ไม่อย่างนั้น เร็วๆนี้คุณจะต้องถูกสับจนเละเป็นเนื้อบดแน่!”