ตอนที่ 1964 ยานี้ราคาเท่าไหร่?

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1964 ยานี้ราคาเท่าไหร่?

“ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น?” จางเซวียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ทำไมผมถึงพูดแบบนั้น?” ศิษย์สายตรงผู้นั้นมองหน้าจางเซวียนอย่างเห็นใจ “คุณรู้หรือเปล่าว่าแม่สาวน้อยที่มาเมื่อครู่นี้เป็นใคร?”

จางเซวียนส่ายหน้า

“เธอคือไป๋เหรินชิง…หลานสาวของผู้อาวุโสไป๋เย่, หนึ่งในสามผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักของเรา” ศิษย์สายตรงผู้นั้นส่ายหัว “อย่าให้รูปร่างหน้าตาของเธอทำให้คุณไขว้เขว เมื่อครู่นี้เธออาจดูสุภาพดี แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ต่างอะไรกับไดโนเสาร์ตัวเมียเลย ชื่อเสียงของเธอระบือลือลั่นไปทั่วทั้งสำนัก แม้แต่บรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดด้วยกันก็ยังไม่กล้ามีเรื่องกับเธอ! คุณทำให้เธอต้องเสียเงินก้อนใหญ่ซื้อน้ำไร้ค่าขวดนั้น…ไม่มีทางที่เธอจะยอมปล่อยให้คุณลอยนวลอยู่ในสำนักแน่! ถ้าทำได้ล่ะก็ เขียนจดหมายหาตระกูลของคุณให้เตรียมงานศพได้เลย อย่างน้อยที่สุดก็จะยังมีใครคนหนึ่งคอยเก็บศพของคุณอยู่!”

“ไดโนเสาร์ตัวเมีย?” จางเซวียนเลิกคิ้ว

เขาไม่รู้สึกถึงอะไรแบบนั้นเลยจากทีท่าอ่อนโยนของหญิงสาวเมื่อครู่

“ดูเหมือนคุณจะยังไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูด…เมื่อปีก่อน ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนหนึ่งที่ชื่อซูถงสารภาพความในใจกับเธอ แต่เธอลากเขาขึ้นสังเวียนประลองและเตะที่หว่างขาของเขาอย่างจัง เขายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บจนกระทั่งถึงตอนนี้”

“2-3 เดือนต่อมา ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอีกคนหนึ่งที่ชื่อจางเยว่ดูจะขัดแย้งกับเธอด้วยเรื่องอะไรสักอย่าง เขาถูกซ้อมจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อเป็นเดือน ผมอยากรู้จึงเข้าไปสืบดู…บอกคุณได้เลยว่าสภาพของเขาทุเรศทุรังเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้เลยล่ะ!”

“อ้อ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนหนึ่งชื่อเชวไห่, พยายามขายยาปลอมแบบคุณนี่แหละ เธอจับหัวของเขากดน้ำและเกือบทำให้หมอนั่นจมน้ำตาย นั่นยังไม่จบนะ…เธอถึงกับตัดลิ้นของเขาออกมาครึ่งหนึ่งด้วยเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นๆ”

“ในเมื่อแม้แต่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดยังตกเป็นเหยื่อของเธอ คุณคิดว่าคุณจะลอยนวลไปได้หรือหลังจากที่หลอกลวงเธอแล้ว?”

“คือ…” จางเซวียนเกาหัว

สาวน้อยเมื่อครู่นี้ดูอ่อนโยนจนยากจะเชื่อว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นปีศาจร้ายอย่างที่ศิษย์สายตรงผู้นี้บรรยายไว้

เห็นจางเซวียนยังไม่อยากเชื่อ อีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตั้งคำถาม “คุณรู้หรือเปล่าว่าเธอทรงพลังแค่ไหน?”

จางเซวียนส่ายหน้า

“เมื่อปีก่อน ตอนที่ดวลกับซูถง เธอเป็นนักรบขั้นเสมือนอมตะสรวงสวรรค์แล้ว ส่วนหลังจากนั้นเธอจะพัฒนาไปได้อีกแค่ไหน ผมให้คุณคิดเอาเองก็แล้วกัน!” ศิษย์สายตรงผู้นั้นพูดขณะดึงแผงของเขาให้ออกห่างจากจางเซวียน “เอาเป็นว่าผมขอรักษาระยะห่างระหว่างเราก่อนก็แล้วกันนะ ผมไม่อยากตกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดตอนที่เธอมาเชือดคุณ เฮ่อออ…การทำธุรกิจทุกวันนี้ช่างยากเย็นเสียจริง ไม่เพียงแต่จะต้องเก็บปากเก็บคำ ยังต้องระวังตัวไม่ให้อยู่ใกล้พวกรนหาที่ตายด้วย…น่ารำคาญเหลือเกิน!”

“….” จางเซวียนพูดไม่ออก

“ไม่เป็นไรน่ะ คุณไม่ต้องย้ายที่หรอก ผมจะไปเองหลังจากที่ได้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลแล้ว” จางเซวียนเก็บข้าวของและลุกขึ้นยืน

เหตุผลหลักที่เขามาที่ตลาดแห่งนี้ก็เพื่อหาตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล ในเมื่อมีเงินมากพอแล้ว ก็แค่ ไปหาซื้อสิ่งที่อยากได้และพร้อมจะจากไป

“ผมต้องการตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันหนึ่ง นี่คือเงิน 20 เหรียญสำนักดาบ” จางเซวียนพูดขณะเดินไปหาพ่อค้าที่ตั้งแผงอยู่ตรงกันข้ามและยื่นถุงเงินให้

“แค่นั้นน่ะไม่พอหรอก ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลขึ้นราคาแล้ว ตอนนี้คุณต้องจ่ายมา 25 เหรียญสำนักดาบ!” ศิษย์สายตรงที่เป็นเจ้าของแผงโยนถุงเงินกลับให้จางเซวียน

“ขึ้นราคาแล้ว? เมื่อครู่นี้คุณยังบอกว่าแค่ 20 เหรียญสำนักดาบไม่ใช่หรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว

“เมื่อครู่นี้ก็ 20 เหรียญจริงๆ แต่ในเมื่อคุณเพิ่งหาเรื่องไป๋เหรินชิง ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว ผมจะทำไงล่ะถ้าเธอรู้ว่าผมขายของให้คุณ และนั่นทำให้ผมลำบาก? เงิน 5 เหรียญสำนักดาบที่เพิ่มมาน่ะถือเป็นค่ายาและค่ารักษาฉุกเฉิน เพราะเราอยู่ใกล้กันหรอกนะ ผมจึงขึ้นราคาเพียงแค่ไม่กี่เหรียญ ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ ผมไม่ขายให้เลยด้วยซ้ำ!” ศิษย์สายตรงผู้นั้นย้ำหนักแน่น

“คุณ…” จางเซวียนอ้าปากค้าง

แม่ไดโนเสาร์ตัวเมียนั่นน่าสะพรึงขนาดนี้เลยหรือ?

จางเซวียนยังไม่ยอมแพ้ เขาเดินไปที่แผงอื่นที่ขายตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล แต่ไม่มีพ่อค้าสักคนเดียวที่ยอมขายให้ เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เขาหลอกลวงแม่ไดโนเสาร์ตัวเมียคนนั้นแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก จึงไม่มีใครเต็มใจจะทำธุรกิจกับเขาอีก

“เจ้าคนพวกนี้!” จางเซวียนกัดฟันกรอด

ในวินาทีนั้น เขานึกอยากทำตามที่เฉาเฉิงลี่แนะนำ คือขโมยมาดื้อๆเสียเลย

หลังจากลงทุนลงแรงไปมากมาย ก็กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครยอมขายตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลให้เขาสักคน

“ช่างมันเถอะ…” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

เขาก็แค่ต้องหาวิธีอื่นเพื่อให้ได้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลมา

ขณะที่จางเซวียนกำลังจะออกไป เฉาเฉิงลี่ก็พรวดพราดเข้ามาแล้วพูดว่า “นายน้อย ผมหาตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลตามที่คุณต้องการได้แล้ว!”

จากนั้นเขาก็ยื่นตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล 2 อันให้จางเซวียน

จางเซวียนตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

เขาเหนื่อยยากอยู่ครึ่งค่อนวัน ยังไม่ได้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลมาสักอัน แล้วเจ้าลูกน้องที่ไว้ใจไม่ได้คนนี้ได้มาถึง 2 อันได้อย่างไร?

“เมื่อครู่นี้ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือ? ผมเห็นศิษย์สายตรงหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่ง…” เฉาเฉิงลี่หัวเราะหึๆขณะเกาหัว

ขณะที่เขากำลังจะอธิบาย จางเซวียนก็เห็นสาวร่างยักษ์คนหนึ่งที่มีน้ำหนักราว 300 จิงเดินตรงเข้ามา “ที่รัก รีบหน่อยเถอะ เตียงของฉันน่ะแสนจะกว้างใหญ่ แถมนุ่มมากด้วยนะ…”

(300 จิง = 150 กิโลกรัม)

“ได้เลยที่รัก ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” เฉาเฉิงลี่ออดอ้อน เขาหันไปพูดกับจางเซวียน “นายน้อย ผมขอตัวสักครู่นะ กลับมาแล้วจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง…”

จากนั้นเฉาเฉิงลี่ก็กระโจนออกจากตลาดของศิษย์สายตรงไปโดยมีแม่สาวนั่นอยู่ในอ้อมแขน

“….” จางเซวียนกุมขมับ

เขารู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งตาสว่างก็วันนี้

แต่ไม่ว่าเฉาเฉิงลี่จะได้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลมาด้วยวิธีไหน ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหมอนี่เก่งกาจพอตัว เพียงแค่ 2-3 ชั่วโมง ไม่เพียงแต่จะได้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลมาถึง 2 อัน ยังได้โควต้าเตียงนอนของแม่สาวคนนั้นด้วย

แต่ถ้าจะคิดกันให้ดี ถ้าเขาขายลูกน้องของเขาเพื่อวัตถุประสงค์แบบนี้ จะไม่ทำให้เขากลายเป็นแมงดาหรือ?

จางเซวียนตัวสั่นเล็กน้อยขณะรีบสลัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัวสมองก่อนจะออกจากตลาดไป

…..

เสียงกู่ร้องเย็นเยียบของอสูรตัวหนึ่งดังขึ้นเหนือที่พักของผู้อาวุโสไป๋เย่ ไป๋เหรินชิงกระโจนลงมา จากนั้นก็รีบผลักประตูและพรวดพราดเข้าไปในที่พัก

“นายหญิงน้อย!” ชายชราผู้หนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับไป๋เหรินชิง

เขาคือพ่อบ้านส่วนตัวของผู้อาวุโสไป๋เย่, ไป๋เฟิง

ไป๋เฟิงเติบโตมาพร้อมกับผู้อาวุโสไป๋เย่ ทั้งคู่เข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินพร้อมกัน แม้ไป๋เฟิงจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากนักในสำนักดาบเมฆเหิน แต่ผู้ที่คุ้นเคยกับเขาก็รู้ดีว่าเขามีอะไรพิเศษกว่าชายชราทั่วไปมาก

ดูเหมือนจะรู้ว่าไป๋เหรินชิงได้พบสมุนไพรที่มีฤทธิ์เยียวยาสำหรับผู้อาวุโสไป๋เย่อีกแล้ว ไป๋เฟิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะให้คำแนะนำ “นายหญิงน้อย ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี แต่อาการบาดเจ็บของนายท่านเกิดขึ้นนับตั้งแต่การเดินทางไปสู่เมืองแห่งมิติที่พังทลาย บาดแผลของเขามีพลังงานลึกลับบางอย่างซึมซาบอยู่ในนั้น ซึ่งกัดกร่อนเขาจากภายใน ทางสำนักพยายามทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล ผมไม่คิดว่าคุณจะสามารถซื้อหาอะไรจากตลาดของศิษย์สายตรงฝ่ายนอกและฝ่ายในที่จะมีอานุภาพเพียงพอรักษาอาการของนายท่านได้หรอก!”

เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายคือหนึ่งในสถานที่ที่น่าสะพรึงที่สุดของทวีปที่ถูกลืม มีทรัพย์สมบัติมากมายซุกซ่อนอยู่ที่นั่น แต่อันตรายใหญ่หลวงก็รอคอยผู้ที่อาจหาญเหยียบย่างเข้าไป

ถ้าเป็นแค่อาการบาดเจ็บธรรมดา ด้วยสถานภาพของไป๋เย่ในฐานะผู้อาวุโสที่ 3 ของสำนักดาบเมฆเหิน เขาคงได้รับการรักษาจนหายไปนานแล้ว แต่เพราะความแปลกประหลาดและความซับซ้อนของอาการบาดเจ็บนั้น ทุกอย่างที่พวกเขาพยายามนำมาใช้จึงสูญเปล่า

แถมอาการของอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆในแต่ละวัน ดูเหมือนเขาจะเหลือเวลาอีกไม่มาก

ก็เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้ไป๋เหรินชิงตะลอนออกไปทุกวันเพื่อหายาที่มีอานุภาพน่าทึ่งต่างๆนานา หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ แต่ในความเป็นจริง ทุกอย่างก็ล้วนแต่ไร้ประโยชน์

ไป๋เหรินชิงกำหมัดแน่นขณะพูดว่า “ฉันรู้ว่าที่คุณพูดเป็นความจริง แต่…”

มีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าความพยายามของเธอไม่น่าจะเกิดผล แต่จะให้เธอนั่งเฉยและเฝ้ามองท่านปู่ของเธอตายไปตรงหน้า…เธอรับไม่ได้!

“เฮ่ออออ!” รู้ดีว่าไป๋เหรินชิงคิดอะไร ไป๋เฟิงถอนหายใจอย่างอ่อนแรง “แล้วคราวนี้คุณซื้ออะไรมาล่ะ? ขอผมดูหน่อยได้ไหม?”

“อยู่นี่…” ไป๋เหรินชิงยื่นขวดหยกที่เธอเพิ่งซื้อมาให้ไป๋เฟิง

ไป๋เฟิงรับขวดหยกไปเปิดจุกออกและสูดดม ไม่ช้าก็ส่ายหน้า “นายหญิงน้อย นี่มันไม่ใช่ยาด้วยซ้ำ ผมมีชีวิตอยู่ 150 ปีแล้ว เห็นยามาแล้วทุกชนิด แต่น้ำนี่ไม่มีพลังจิตวิญญาณอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว หรือว่าคุณถูกหลอก?”

การที่ยาขนานหนึ่งจะมีอานุภาพน่าทึ่งได้นั้น จะต้องมีพลังจิตวิญญาณบรรจุอยู่ในปริมาณที่มากพอจะบ่มเพาะร่างกายของผู้ป่วยได้ แต่สิ่งที่อยู่ในขวดหยกใบนี้ดูไม่ต่างอะไรกับน้ำเปล่า ไม่มีร่องรอยของพลังจิตวิญญาณอยู่เลย

หรือว่านายหญิงน้อยจะร้อนรนเกินไปและถูกหลอก?

“ศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่งขายมันให้ฉัน เขาบอกว่ามันคือยาสวรรค์ที่รักษาบาดแผลและอาการป่วยไข้ได้ทุกชนิด” ไป๋เหรินชิงพูดพร้อมกับก้มหน้า

ตอนที่เธอซื้อมาก็ยังสงสัยอยู่ แต่ท่านปู่ของเธอใกล้เสียชีวิตเต็มทีแล้ว เธอจำเป็นต้องคว้าทุกเศษเสี้ยวของความหวังที่มี

แถมเจ้าคนที่ขายยานี้ให้เธอก็ดูจะมั่นอกมั่นใจมาก ซึ่งนั่นบ่งบอกอะไรบางอย่าง

ถึงอย่างไร เธอก็เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในสำนัก ไม่มีศิษย์สายตรงฝ่ายในหรือศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนไหนที่ไม่รู้จักเธอ หมอนี่ควรจะรู้ดีว่าหากโกหกเธอแล้วจะต้องเจอกับอะไร แต่ก็ยังกล้าโกหกหน้าด้านๆ เขาน่าจะมีบางอย่างที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างของตัวเอง!

“ยาสวรรค์ที่รักษาบาดแผลและความป่วยไข้ได้ทุกชนิด แต่ไม่มีพลังจิตวิญญาณอยู่ในนั้นเลย แล้วเขายังกล้าขายมันให้คุณ…” ไป๋เฟิงคำราม “หมอนั่นกล้าดีอย่างไร! ยานี้ราคาเท่าไหร่?”

“20 เหรียญสำนักดาบ” ไป๋เหรินชิงตอบอ้อมแอ้ม

“20เหรียญ?” ไป๋เฟิงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะปรี๊ดแตก “นายหญิงน้อย ผมแน่ใจว่าคุณถูกหลอก ด้วยเงิน 20 เหรียญสำนักดาบ คุณสามารถซื้อยาเม็ดอมตะขั้นต้นได้ถึง 10 เม็ด! แต่เขากล้าตั้งราคานี้ สำหรับน้ำเปล่าเพียงขวดเดียว ศิษย์สายตรงคนนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของผู้อาวุโสคนไหน? ผมจะไปที่นั่นเพื่อขอคำอธิบายเดี๋ยวนี้! หมอนั่นคิดว่าจะเอาเปรียบพวกเราได้เพียงเพราะผู้อาวุโสไป๋กำลังได้รับบาดเจ็บหรือ?”