บทที่ 660 ระดับของใบบงการทัพ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ชิวไป๋หยูไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยว่าเฟิงหลิงจะไม่ทำภารกิจให้จบ เนื่องจากองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ทำตามแต่คำสั่งที่ระบุในใบบงการทัพเท่านั้นไม่ใช่ตัวบุคคล

ดังนั้นไม่ว่าราชันสงครามจะพูดอะไรออกมามันก็ไร้ประโยชน์หากนางไม่มีใบบงการทัพ

ถึงแม้ว่าแนวความคิดนี้มันจะดูสุดโต่ง แต่มันก็เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่จะทำให้องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์อยู่ห่างจากความขัดแย้งภายในมากที่สุด

ในเวลานี้ เฟิงหลิงมองไปที่หลิงไช่หยุนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ถึงแม้ว่าเขาจะมีคำสั่งที่ต้องทำตาม แต่เขาก็ยังสามารถที่จะตัดสินใจได้เองว่าเมื่อไหร่ควรจะลงมือ ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะรู้เรื่องราวทั้งหมดให้ชัดเจนก่อนเพื่อที่หลังจากนี้เขาจะได้ไปรายงานกับเบื้องบนได้ถูก

แต่แน่นอนว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังไม่คงเปลี่ยนแปลง เขายังจำเป็นต้องลงมืออยู่ดีถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันผิด

หลิงไช่หยุนมองไปที่เฟิงหลิงด้วยสายตาไม่หวาดหวั่นและถามขึ้นว่า “ให้ข้าถามเจ้าสักหน่อย กฎข้อที่หนึ่งของพวกเจ้าองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์คืออะไร?”

“ภักดีต่อเผ่าฟีนิกซ์ตลอดกาล!” เฟิงหลิงตอบกลับทันที

“ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าทั้งหมดมาที่นี่ทำไม?” หลิงไช่หยุนถามต่อ

เฟิงหลิงตอบกลับอีกครั้งทันที “พวกข้าได้รับคำสั่งให้มากำจัดเหล่าคนทรยศทุกคน! นี่คือคำสั่งที่พวกข้าได้รับมาและจะทำตามไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าขอแนะนำให้พวกท่านยอมจำนนซะเดี๋ยวนี้ บางทีพวกท่านอาจมีโอกาสรอดชีวิตกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์เพื่อแก้ต่างให้กับตัวเอง”

ชิวไป๋หยูพูดขึ้นแทรก “แม่ทัพเฟิงหลิง ผู้อาวุโสเฟิงเจียงได้ระบุคำสั่งในใบบงการทัพมาอย่างชัดเจนแล้วว่าท่านต้องฆ่าพวกเขาทั้งหมดทันทีที่นี่!”

ชิวไป๋หยูไม่ยอมให้โอกาสราชันสงครามได้กลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์แน่นอน เขาจะสบายใจได้ก็ต่อเมื่อราชันสงครามตายที่นี่วันนี้

เฟิงหลิงมองไปที่หลิงไช่หยุน จากนั้นเขาเงียบไปสักพักก่อนจะพูดว่า “ข้าต้องขออภัยจริง ๆ เอาเป็นว่าหากท่านมีอะไรจะพูดฝากเอาไว้ท่านก็จงพูดมา ข้าสามารถช่วยท่านนำคำพูดไปส่งต่อได้”

หลิงไช่หยุนพยักหน้าเล็กน้อย “ข้ารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่แนวปฏิบัติของพวกเจ้าองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เอาล่ะตอนนี้ข้าขอถามเจ้าต่ออีกข้อ หากมีใบบงการทัพ 2 ใบปรากฏขึ้นแย้งกัน เจ้าจะจัดการกับสถานการณ์แบบนั้นยังไง?”

“ยึดถือตามคำสั่งของใบบงการทัพที่มีระดับอำนาจสูงกว่า!” เฟิงหลิงตอบทันที

“ในเมื่อเจ้าพูดแบบนี้ ถ้างั้นราชาผู้นี้ขอสั่งให้เจ้าและกองทหารของเจ้าทุกคนกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ทันที!” หลิงไช่หยุนสั่งขึ้น “มันก็แค่ใบบงการทัพ ใช่ว่าข้าจะไม่มีซะเมื่อไหร่ ในอดีตด้วยการนำของข้า องค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์รุ่นบรรพบุรุษของพวกเจ้าทำผลงานในสงครามได้อย่างยอดเยี่ยมและโด่งดังเป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าหวังว่าตอนนี้พวกเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

เมื่อพูดจบ หลิงไช่หยุนก็หยิบใบบงการทัพขึ้นมาและโยนมันไปให้กับเฟิงหลิง

เฟิงหลิงรับใบบงการทัพมาตรวจสอบดูทันที หลังจากที่เขาตรวจสอบและยืนยันแล้วว่ามันคือของจริง เขารีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “รับทราบ! พวกเราจะรีบไปกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์เดี๋ยวนี้และรายงานทุกสิ่งให้กับเบื้องบนได้ทราบ!”

“ไปบอกกับเหล่าผู้อาวุโสของเจ้าด้วยว่าข้ากำลังจะกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ในไม่ช้า บอกให้พวกเขาเตรียมการต้อนรับข้าให้ดี ๆ!” หลิงไช่หยุนกระแทกเสียง

“รับทราบ!” เฟิงหลิงตอบรับ จากนั้นเขานำองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 500 นายหันหลังกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ทันทีโดยไม่เหลียวกลับมามองเลยแม้แต่น้อย

เขาไม่สนใจเลยว่าหลิงไช่หยุนจะเป็นยังไงต่อหรือจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับใครต่อไป

เขาทำตามแค่เพียงคำสั่งที่ระบุในใบบงการทัพ เมื่อหลิงไช่หยุนระบุแค่ในใบบงการทัพว่าให้พวกเขากลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ พวกเขาก็จะทำแค่นั้นไม่มากหรือไม่น้อยไปกว่าคำสั่งที่ได้รับมา ส่วนเหตุผลที่เขาทำตามคำสั่งของหลิงไช่หยุนนั้นก็เพราะว่าใบบงการทัพของนางมีระดับอำนาจสูงกว่าของเฟิงเจียงที่ออกมาในตอนแรก

เมื่อเห็นเช่นนี้ ชิวไป๋หยู หานฉี และคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ทำไมราชันสงครามถึงมีใบบงการทัพอยู่ในมือได้?

ใบบงการทัพไม่ใช่สิ่งของธรรมดาที่คนทั่วไปจะมีได้ ไม่ต้องพูดถึงการสร้างมันขึ้นมา ทำไมราชันสงครามถึงมีมันในตอนนี้? ถึงแม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะเป็นราชันสงครามก็จริง แต่นางก็ยังเพิ่งเกิดมาใหม่ไม่มีความแข็งแกร่งเช่นเก่าก่อน นางยังไม่อาจจะสร้างใบบงการทัพขึ้นมาได้ด้วยตัวเองในตอนนี้ได้แน่นอน

ในเวลานี้ หลิงไช่หยุนมองไปที่ชิวไป๋หยูและหานฉี และพูดว่า “ข้าขอประกาศต่อหน้าพวกเจ้าอีกครั้ง เลิกรบกวนความสงบของข้าสักที ส่วนเรื่องคนทรยศ หากข้าเป็นคนทรยศจริง คนส่วนใหญ่ในภูเขาฟินิกซ์ก็คงเป็นคนทรยศทั้งหมดเหมือนกัน!”

เมื่อพูดจบ นางก็หันหลังกลับเดินเข้าไปในเรือนตระกูลเสี่ยว

ทางด้านของชิวไป๋หยู เมื่อเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมันกลับกลายเป็นแบบนี้เขาจะยอมได้ยังไง?

ในเมื่อเฟิงหลิงและองค์รักษ์ปีกศักดิ์สิทธิ์กลับไปทั้งหมดแล้ว เขาก็เหลือแค่เพียงทางเลือกเดียวก็คือลงมือสังหารทุกคนที่อยู่ในเรือนตระกูลเสี่ยวด้วยตัวเอง!

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเอาใบบงการทัพมาจากไหน แต่สิ่งที่ข้ารู้ชัดเจนก็คือพวกเจ้าทุกคนที่นี่ล้วนเป็นคนทรยศและสมควรตายทั้งหมด!” ชิวไป๋หยูตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

เมื่อพูดจบ ชิวไป๋หยูก็โคจรพลังและแผ่อำนาจเจตจำนงของเขาปกคลุมทั้งเรือนตระกูลเสี่ยว เพื่อหวังผลทำลายทั้งเรือนให้หายไปพร้อมกับคนที่อยู่ข้างในภายในคราวเดียว

แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันลงมือขั้นสุดท้าย จู่ ๆ อำนาจของเจตจำนงที่เขาปลดปล่อยออกมาก็ถูกทำลายยับเยิน

หยูเจิ้นไห่และหยูคงหมิงปรากฏกายขึ้นที่ด้านข้างหลิงไช่หยุนทันที และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “บังอาจลอบทำร้ายเจ้านายของพวกข้าแบบนี้ ดูเหมือนว่ามันน่าจะเป็นเจ้ามากกว่าที่เป็นผู้ทรยศ!”

ชิวไป๋หยูแสดงสีหน้าตึงเครียดทันทีและคิดในใจ ‘ที่แท้ราชันสงครามก็ไม่ได้ประมาทถึงขนาดกลับมาที่ภูเขาฟีนิกซ์ด้วยตัวคนเดียว แต่นางพาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันมาด้วยถึง 2 คนงั้นเหรอ? แถมมีคนหนึ่งที่มีระดับการบ่มเพาะขอบเขตราชันขั้นปลาย ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย?’

เมื่อชิวไป๋หยูเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีกำลังรบไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา เขาจึงได้แต่ถอดใจและกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ก่อนเพื่อหาวิธีการรับมือต่อไป และเขายังต้องกลับไปปวดหัวกับการต้องมานั่งตอบคำถามของเฟิงเจียงถึงประเด็นในเรื่องนี้อีก

ชิวไป๋หยูเหลือบไปมองหานฉี และพูดว่า “เจ้าจงสั่งให้คนของเจ้าจับตาดูคนเหล่านี้เอาไว้ ข้าจะกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ก่อนเพื่อหาทางอื่นจัดการกับพวกเขาในอนาคต”

ถึงแม้ว่าฝั่งตรงข้ามจะมีใบบงการทัพ แต่ชิวไป๋หยูก็ยังมั่นใจว่าเขายังพอมีวิธีการที่จะจัดการกับกลุ่มของราชันสงครามได้

แต่แล้วเมื่อพวกเขากลับไปถึงจวนเจ้าเมือง หานปิงก็รีบพุ่งมาหาหานฉีทันทีด้วยสีหน้าซีดเผือดพร้อมกับพูดทางโทรจิตไปหาพ่อของเขาว่า “ท่านพ่อ พวกเราเจอปัญหาใหญ่แล้ว!”

“เกิดอะไรขึ้น?” หานฉีถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

ชิวไป๋หยูที่กำลังจะจากไปพอดี แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ไม่ปกติของหานปิง เขาก็เอ่ยถามขึ้นเช่นกัน “เจ้ามีเรื่องอะไร?”

“ทองคำสีชาดหายไปแล้ว!” หานปิงตอบกลับทางโทรจิตไปหาพ่อของเขาและชิวไป๋หยู

ชิวไป๋หยูและหานฉีแสดงสีหน้าตกตะลึงทันทีและถามขึ้น “ทองคำสีชาดหายไป? ถ้างั้นเจ้าตรวจสอบพวกคนงานเหมืองและพวกผู้คุมเหมืองแล้วรึยัง? นี่มันใกล้ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องส่งทองคำสีชาดไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ หากรอบนี้มีอะไรผิดพลาดขึ้นมาอีกรอบ คนพวกนั้นจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน หรือไม่เจ้าก็ต้องไปเอาทองคำสีชาดจากที่อื่นมาส่งให้พวกเขาไปก่อนเพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า”

หานปิงตอบกลับด้วยสีหน้าซีดเผือด “ข้าก็พยายามจะทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ทองคำสีชาดที่พวกเราเก็บไว้อยู่ทุกที่มันหายไปหมดเลยเหมือนกัน รวมไปถึงส่วนที่พวกเราซ่อนไว้มันก็หายไป!”

“เป็นไปไม่ได้!” ชิวไป๋หยูและหานฉีร้องเสียงหลง

มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ความลับเรื่องการซ่อนทองคำสีชาด ดังนั้นพวกมันจะหายไปได้ยังไง?

“นี่เจ้าได้ถามพวกมันเหล่านั้นรึยังว่าเป็นฝีมือพวกมันรึเปล่า?” หานฉีรีบถามขึ้นต่อ

หานปิงส่ายหัวและพูดว่า “พวกมันก็แสดงสีหน้าตกตะลึงเหมือนกัน พวกมันเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง และเนื่องจากข้ากลัวว่าปัญหามันจะยิ่งบานปลายมากขึ้น ข้าเลยบอกให้พวกมันไปซ่อนตัวอยู่ให้ห่างจากเมืองของเราก่อนเพื่อความปลอดภัย”

หากทองคำสีชาดถูกขโมยไปแบบนี้ ถ้างั้นมันก็หมายความว่าเรื่องของปีศาจเงาและอสูรดินก็ต้องถูกล่วงรู้เข้าแล้ว?

ดังนั้นการหนีออกไปจากภูเขาฟีนิกซ์ตอนนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ชิวไป๋หยูและหานฉีก็เริ่มมีสีหน้าซีดเผือด

แต่แล้วจู่ ๆ ทั้งคู่ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ พวกเขาทั้งคู่ต่างหันไปมองยังทิศทางที่เรือนตระกูลเสี่ยวตั้งอยู่ในทันที!