ตอนที่ 1419 สองตัวตน โดย Ink Stone_Fantasy
ในเมืองกลอรีของอาณาจักรดอว์นมีปรากฏการที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นมา
ท่ามกลางสายตาของประชาชรนับหมื่นนับแสน คณะเดินทางของศาสนจักรชูธงเดินขบวนทะลุประตูเมืองเข้ามา คนที่เดินอยู่หน้าสุดคือกลุ่มอัศวินที่คอยเดินเปิดทางให้พวกเขา นี่เป็นการต้อนรับอย่างที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว และสายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังตัวผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าที่สวยงามและสวมมงกุฎเอาไว้บนหัว
เธอคือพระสันตะปาปาองค์ใหม่ที่เล่าลือกัน แล้วก็เป็นคนที่เอาชนะพวกทรยศและพาเฮอร์มีสเดินกลับเข้าสู่ทางที่ถูกต้อง
ถึงแม้การบุกเข้าโจมตีวูล์ฟฮาร์ทและอีเทอร์นอลวินเทอร์จะทำให้ภาพลักษณ์ของศาสนจักรต้องแปดเปื้อนไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าพวกเขายังคงมีอิทธิพลอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้คณะเดินทางยังเดินทางไปช่วยชาวบ้านผู้อพยพในแนวหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะเดียวกันก็ให้การสนับสนุนการทำสงครามกับความชั่วร้าย ซึ่งสร้างความประทับใจและความรู้สึกขอบคุณได้ไม่น้อย ข่าวเหล่านี้ถูกส่งกลับเข้ามาในมองกลอรีผ่านทางช่องทางต่างๆ ทำให้ชาวบ้านต่างเกิดความรู้สึกอย่างรู้อย่างเห็นต่อพระสันตะปาปาองค์นี้ขึ้นมา
เพราะว่าในอดีตพระสันตะปาปานั้นอยู่ในตำแหน่งที่สูงศักดิ์ แม้แต่ราชาของอาณาจักรยังต้องได้รับการอนุญาตก่อนถึงจะเข้าพบได้ พระสันตะปาปาที่ยินดีที่จะเสี่ยงเข้าไปยังสนามรบและแสดงความเป็นห่วงเป็นใยชาวบ้านทุกคนนั้นมีไม่มากนัก ในตอนที่ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ทุกคนเล็กน้อย ชาวบ้านมักจะส่งเสียงเฮอย่างตื่นเต้นขึ้นมา นอกจากสถานะของอีกฝ่ายแล้ว ใบหน้าที่งดงามของเธอก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างความฮือฮาได้มากขนาดนี้
สุดท้ายคณะเดินทางนี้ก็ไปหยุดอยู่หน้าปราสาทภายในเมือง
พระสันตะปาปาพลิกตัวลงจากหลังม้าแล้วค่อยๆ เดินขึ้นบันไดไป ส่วนคนที่ยืนต้อนรับเธออยู่ที่ประตูก็คือราชาของเกรย์คาสเซิล โรแลนด์ วิมเบิลดัน
ทั้งสองคนยื่นมือออกมาจับกันอย่างง่ายๆ ถึงแม้หลายๆ คนจะเพิ่งเคยเห็นการทำความเคารพที่แปลกประหลาดแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่พวกเขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเท่าเทียมกัน ในอีกแง่หนึ่งนี่เป็นการยืนยันข่าวลือที่ว่าการขึ้นครองตำแหน่งของพระสันตะปาปาองค์ใหม่นั้นได้รับการสนับสนุนจากเกรย์คาสเซิล ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายกลับมาดีกันอีกครั้ง
ท่ามกลางเสียงปรบมืออันดังสนั่น ทั้งสองคนเดินเคียงคู่กันเข้าไปในปราสาท
“ขออภัยเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันล่วงเกินแล้ว”
หลังเดินประตูเข้ามา หญิงสาวย่อตัวลงไปเตรียมจะคุกเข่า แต่ก็ถูกโรแลนด์รั้งเอาไว้ “ไม่ ข้ากลับคิดว่าแบบนี้ดีออก ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ใช่ผู้บริสุทธ์อย่างในอดีตแล้ว สโมสรแม่มดไม่ต้องการพิธีรีตองที่วุ่นวายขนาดนี้ หรือว่าเจ้าอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์มานานจนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว?”
อีกฝ่ายก็คืออิสซาเบลลาที่ถูกย้ายไปยังเฮอร์มีสเพื่อให้ดูแลเมืองศักดิ์สิทธิ์ในฐานะผู้รักษาการแทนพระสันตะปาปา และคอยรับผิดชอบจัดที่อยู่อาศัยให้กับนางชีและเด็กกำพร้า และป้องกันไม่ให้ยาคุ้มคลั่งหลุดออกมาสู่ภายนอก
“ไม่เพคะ” หลังพูดจบ อิสซาเบลลาก็ตกตะลึงไปทันที เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ “ฝ่าบาท เมื่อครู่พระองค์ตรัสว่า…”
“ใช่ เจ้าฟังไม่ผิดหรอก ก่อนหน้านี้เวนดี้ได้พูดเรื่องที่จะรับเจ้าเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของสโมสรแม่มด และข้าก็เห็นด้วยกับความคิดของนาง” โรแลนด์พยักหน้า “ถึงแม้โทษของเจ้าคือห้าปี แต่เจ้าก็ทำงานในเฮอร์มีสได้ดีมาก คิดซะว่าเป็นรางวัลแล้วกัน”
อิสซาเบลลายืนนิ่งไปครู่ ก่อนจะตอบออกมาว่า “แต่ว่าฝ่าบาท หม่อมฉัน…”
“หลังเข้าร่วมสโมสรแม่มดแล้ว ทุกเดือนเจ้าจะมีการแจกเครื่องดื่มยุ่งเหยิงให้”
“เอ่อ….” คำว่า ‘แต่ว่า’ ของอีกฝ่ายคาอยู่ในลำคอ
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร จริงๆ เลยเชียว…” โรแลนด์ถอนหายใจออกมา “พวกผู้บริสุทธิ์อย่างเจ้ามักจะชอบไปอยู่ขังตัวเองอยู่ในที่แปลกๆ พูดอีกอย่างก็คือทรมานตัวเอง อีกอย่างการไถ่โทษมันก็ไม่จำเป็นต้องล่ามโซ่เอาไว้ ถ้าต้องเตรียมของแบบนี้ให้เจ้าตลอด ข้าคงจะต้องปวดหัวอย่างมากแน่ ดังนั้นในเวลาแบบนี้ แค่ไปพูดขอบคุณเวนดี้เหมือนคนอื่นๆ ก็พอแล้ว”
“เพคะ…” อิสซาเบลลากัดริมฝีปาก ก่อนจะค่อยๆ ก้มหน้าลงไป “หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
“ข้ารู้ว่าในอดีตเจ้าใช้ชีวิตอยู่ในหน้าที่และคำสั่งมาโดยตลอด แต่ว่าไม่เป็นไร ยังไงวันหนึ่งเจ้าก็จะเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบใหม่นี้แน่นอน” โรแลนด์เปลี่ยนประเด็น “การเจอกันครั้งนี้เป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์ที่หาได้ยาก เดิมควรจะจัดให้มันใหญ่โตกว่านี้ แต่ข้าไม่อยากจะเอาเวลามาเสียกับพิธีและงานเลี้ยงอีก เจ้าน่าจะรู้เรื่องที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ถูกสัตว์อสูรโจมตีใช่ไหม”
“เพคะ?” พอพูดถึงเรื่องงาน สีหน้าชองอิสซาเบลลาก็จริงจังขึ้นมาทันที “ที่พระองค์ทรงตามหม่อมฉันมาก็เพราะทรงอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับสัตว์อสูรใช่ไหมเพคะ?”
“ถูกต้อง เพราะในอดีตร้อยปีที่ผ่านมา เฮอร์มีสคือกำลังสำคัญในการต่อสู้กับสัตว์อสูร ข้าคิดว่าศาสนจักรจะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับมันไม่น้อยแน่”
อิสซาเบลลาตอบอย่างไม่ลังเล “หม่อมฉันจะทูลพระองค์ทุกอย่างที่หม่อมฉันรู้เพคะ”
เมื่อสี่วันก่อนในตอนที่รู้ว่าเมืองเนเวอร์วินเทอร์ถูกสัตว์อสูรบุกโจมตี ตอนแรกโรแลนด์ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เขาผ่านเดือนแห่งปีศาจในดินแดนตะวันตกมาหลายครั้งแล้ว เมื่อหลายปีก่อนมนุษย์ก็สามารถใช้หอกและอาวุธปืนในการรับมือกับพวกมันได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกองทัพในตอนนี้เลย ถึงแม้การที่มีสัตว์อสูรจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นมาในช่วงเวลานอกเหนือเดือนแห่งปีศาจมันจะค่อนข้างผิดปกติ แต่กองทัพที่หนึ่งกำลังสู้รบอยู่กับปีศาจในหลายๆ พื้นที่ เขาเองก็ไม่มีเวลาที่จะมานั่งหาเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
แต่เรื่องราวมันกลับผิดไปจากที่เขาคิดเอาไว้มาก
ในคืนวันนั้นเขาได้รับโทรเลขจากทางหอโทรเลขเนินทิศเหนือหลายฉบับ สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างมาก สัตว์อสูรจำนวนมากข้ามทาคิลาเข้ามาแล้วบุกโจมตีพื้นที่ที่บุกเบิกขึ้นมาใหม่ กองกำลังที่ประจำการอยู่ตรงนั้นทำการตอบโต้ แต่กลับไม่สามารถหยุดการโจมตีของศัตรูได้ ถ้าไม่เป็นเพราะรถไฟหุ้มเกราะมาช่วยได้ทันเวลา ความเสียหายที่เกิดขึ้นคงจะมากกว่านี้แน่
ยิ่งไปกว่านั้นในรายงานยังระบุเอาไว้ว่ามีพยานหลายคนที่บอกว่ามองเห็นสัตว์ประหลาดที่เป็นเหมือนวิญญาณ พวกมันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วและไร้ซุ่มเสียง แทบจะไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีแต่ตอนที่เปื้อนเลือดเท่านั้นถึงจะปรากฏร่างกายขึ้นมา
นี่ทำให้โรแลนด์รู้ว่าเขาได้ประมาทความสามารถของสัตว์อสูรอย่างมาก
…..
ในตอนที่อิสซาเบลลาบรรยายจบแล้ว โรแลนด์พบว่าการคาดเดาของตัวเองได้รับการยืนยัน เมื่อเทียบกับเมืองศักดิ์สิทธิืเฮอร์มีส เดือนแห่งปีศาจที่ดินแดนตะวันตกของเกรย์คาสเซิลนั้นเป็นแค่เพียงกระแสน้ำในมหาสมุทรเท่านั้น ชนิดของสัตว์อสูรมีมากกว่าปีศาจ สัตว์อสูรพันธุ์ผสมบางตัวแทบจะมองดูไม่รู้เลยว่าเมื่อก่อนมันเคยเป็นสัตว์อะไรมา
อย่างเช่นอสูรป่าเถื่อนที่มีร่างกายยาวจนผิดปกติ สามารถมุดดินปีนขึ้นกำแพงเมืองได้ หรืออสูรนกฮูกหิมะที่มีร่างกายเป็นนกและมีเขาแพะ อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างมาก สัตว์อสูรแบบนี้ล้วนแต่เป็นสัตว์ประหลาดที่ดินแดนตะวันตกไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะเดียวกันเขายังพอจะเดาสาเหตุที่การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างปุบปับโดยไม่ทันตั้งตัวได้ มีความเป็นไปได้สูงที่อสูรป่าเถื่อนจะเป็นสาเหตุที่ทำให้จู่ๆ สัตว์อสูรจำนวนมากไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังพื้นที่บุกเบิก
แต่นี่ก็ยังไม่อาจอธิบายได้ว่าทำไมสถานการณ์ของทางเนเวอร์วินเทอร์ถึงได้เลวร้ายลงขนาดนี้ ต่อให้ด้านหลังจะไม่มีกำแพงเมืองอันสูงใหญ่เหมือนอย่างเฮอร์มีส อีกทั้งทหารของกองทัพที่หนึ่งก็เป็นทหารใหม่ที่ขาดประสบการณ์ แต่ความแตกต่างในเรื่องของอาวุธก็น่าจะชดเชยในจุดนี้ได้ บางทีตอนแรกพวกชาวบ้านอาจจะพากันแตกตื่น แต่หลังจากใช้แผนฉุกเฉิน กองทัพที่หนึ่งก็น่าจะเข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วนี่นา
นอกจากนี้เขายังสังเกตเห็นว่าอิสซาเบลลาไม่ได้พูดถึงสัตว์ประหลาดที่เหมือนวิญญาณนั่นเลย นี่ทำให้เขาสงสัยว่านั่นเป็นศัตรูใหม่หรือว่าพวกชาวบ้านพากันแตกตื่นกันจนเข้าใจผิดกันแน่?
ทันใดนั้นเอง คนรับใช้คนหนึ่งได้หอบเอาซองกระดาษซองหนึ่งเข้ามาในห้อง
“ฝ่าบาท ทางเมืองเนเวอร์วินเทอร์ส่งจดหมายใหม่มาพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่โทรเลขหรอ?” โรแลนด์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ อัศวินอากาศเป็นคนส่งมาพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่างนั้นเปิดมันออก”
สิ่้งที่อยู่ในซองกระดาษคือรูปภาพปึกหนึ่ง โรแลนด์เอามันมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะพบว่ามันรูปเหมือนของผู้โจมตีในครั้งนี้ ภาพเหล่านี้เป็นฝึมือการวาดของโซโรยาอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเทียบกับรายงานที่เป็นตัวหนังสือแล้ว รูปภาพนั้นทำให้มองเห็นได้ชัดเจนมากกว่าอย่างแน่นอน
ดูเหมือนต่อให้ไม่มีพลังเวทมนตร์ในการต่อสู้ พวกนางก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องบ้านของตัวเองอยู่
ไม่นานภาพซากศพของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของโรแลนด์เอาไว้
มันเหมือนจะถูกรถไฟชนจนตาย ร่างกายครึ่งหนึ่งแนบติดไปกับตัวรถ รูปร่างภายนอกของมันดูแล้วไม่เหมือนกับสัตว์อสูรที่อิสซาเบลลาบอกเล่ามาเลย
“พันธุ์ผสมแบบนี้ เจ้าเคยเห็นที่เฮอร์มีสบ้างไหม?” เขาดึงรูปภาพออกมาแล้ววางไปตรงหน้าอิสซาเบลลา
เธอมองดูอย่างละเอียดรอบหนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหัว
กลายเป็นไนติงเกลที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหลังโรแลนด์ที่จู่ๆ ก็ส่งเสียง ‘เอ๋’ ออกมาเบาๆ
…………………………………………………………..