ตอนที่ 1420 ผู้ยกระดับคนใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy
“ทำไม” โรแลนด์เหลียวหน้ามา “มีอะไรเหรอ?”
“มันดูแล้วเหมือนสัตว์ประหลาดบางตัวที่หม่อมฉันเคยฆ่าไปก่อนหน้านี้เลยเพคะ” ไนติงเกลผายมือ “เพียงแต่เจ้าสัตว์ประหล่ดนั้นมันตัวเล็กกว่านี้มาก แล้วก็ไม่ได้มีหน้าตาแปลกประหลาดขนาดนี้ด้วย…”
“เดี๋ยวๆๆ เจ้าหมายถึงตอนที่ไปสำรวจภูเขาหิมะเหรอ?”
ไนติงเกลพยักหน้า “แล้วก็ตอนที่ไปค้นหาอกาธาก่อนหน้านั้นเพคะ ถ้าดูจากที่มันหายตัวได้ การที่มันจะถูกมองว่าเหมือนวิญญาณก็เหมือนจะใช่ตัวเดียวกันเพคะ”
“จุดที่แตกต่างของสัตว์ประหลาดสองชนิดนี้อยู่ตรงไหน เจ้าพอจะบอกอย่างละเอียดหน่อยได้ไหม?” โรแลนด์ไล่ถามต่อ
“เอ่อ…หม่อมฉันขอคิดก่อนนะเพคะ เพราะว่านั่นมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว” ไนติงเกลหยิบรูปภาพขึ้นมา “เจ้าตัวที่หม่อมฉันเคยเจออย่างมากก็สูงแค่ครึ่งเดียวของเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ กรงเล็บข้างหน้าก็เป็นรูปเคียวเหมือนกัน เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า ขาตรงท้องก็แค่ใช้ปีนหน้าผาเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้มีกรงเล็บเยอะขนาดนี้ด้วย ส่วนตรงหัว…ใช่แล้วเพคะ ตอนนั้นเจ้าแมลงเคียวไม่ได้มีปากขนาดใหญ่และเขี้ยวที่แหลมคมแบบนี้ เจ้าตัวที่อยู่บนรูปนั้นเหมือนเป็นพวกนักล่ามากกว่า ถ้าไม่เป็นเพราะกรงเล็บอันใหญ่กับเรื่องที่มันหายตัวได้ หม่อมฉันก็คงไม่มีทางเชื่อมโยงพวกมันทั้งสองตัวเข้าด้วยกันได้ ตอนนั้นหม่อมฉันยังนึกว่าพวกมันอาจจะเป็นสัตว์อสูรพันธุ์ผสมซักชนิดนี่แหละเพคะ”
โรแลนด์สีหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมามากกว่าเดิม “แต่ตอนหลังพบว่าสัตว์ประหลาดเหล่านั้นเป็นของอาณาจักรซีสกาย”
ถ้าบอกว่าภัยอันตรายที่เกิดจากสัตว์อสูรนั้นมีจำกัด อย่างนั้นภัยอันตรายจากอาณาจักรซีสกายนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นคนละเรื่องเลย พวกมันเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมสงครามแห่งโชคชะตาและกำลังเล่นงานพวกปีศาจอย่างหนักหน่วงอยู่ในที่ๆ มนุษย์มองไม่เห็น ความแข็งแกร่งของพวกมันจึงไม่อาจมองข้ามได้เลย ถ้ามีกองกำลังของอาณาจักรซีสกายมาปรากฏตัวอยู่ในดินแดนตะวันตก นี่จะต้องไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน
แต่พื้นที่ทางด้านเหนือของที่ราบลุ่มบริบูรณ์ถึงปีศาจยึดครองมาตั้งแต่หลังสงครามแห่งโชคชะตาครั้งแรก แล้วพวกอาณาจักรซีสกายมันจะบุกเข้ามายังด้านในแผ่นดินได้ยังไง?
หรือว่า…
ความคิดที่น่าตกใจผุดขึ้นมาในหัวเขา
“ใช่แล้ว พูดถึงสัตว์อสูร…ตอนที่เข้าไปในซากโบราณสถานในภูเขาหิมะครั้งที่แล้ว กองทัพที่หนึ่งก็ถูกสัตว์อสูรโจมตีเหมือนกัน” ไนติงเกลเลิกคิ้วขึ้นมา “จะบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญก็ดูจะบังเอิญมากเกินไป สัตว์อสูรกับอาณาจักรซีสกายคงจะไม่ใช่พวกเดียวกันมาแต่แรกใช่ไหมเพคะ?”
โรแลนด์กับอิสซาเบลลาหันมามองไนติงเกลทันที
อีกฝ่ายมุ่ยปาก “หม่อมฉันเพียงแค่พูดไปเรื่อยเท่านั้น พระองค์ไม่ต้องใส่พระทัยหรอกเพคะ”
“เอาเป็นว่าเรื่องนี้มันยุ่งยากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียแล้ว” โรแลนด์เคาะโตีะเบาๆ ไม่ว่ายังไง เมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็เป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมของมนุษย์ ห้ามไม่ให้มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเด็ดขาด ถ้าการลอบโจมตีครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรซีสกายจริงๆ ไม่ว่าจะใช้แผนการรับมือที่ระมัดระวังมากแค่ไหนก็ไม่ถือว่าทำเกินไปทั้งนั้น “อิสซาเบลลา ข้อมูลที่เจ้าให้มามีประโยชน์อย่างมาก…เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะให้ผู้รับผิดชอบของทีมที่ปรึกษาติดต่อเจ้าไป”
แต่อิสซาเบลลากลับยังไม่ยอมออกไป “ฝ่าบาท หม่อมฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องรายงานพระองค์เพคะ”
“เรื่องอะไร? ว่ามาสิ”
“ในช่วงเวลาที่อยู่ที่เฮอร์มีส หม่อมฉันไม่ได้หยุดทำการทดลองหินอาญาสิทธิ์เลยเพคะ” เธอหยิบเอากระดาษปึกหนึ่งจากในเสื้อออกมาวางไว้บนโต๊ะ “พระองค์ยังทรงจำข้อสรุปที่อกาธาให้เอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหมเพคะ? ที่มันสามารถสกัดการใช้พลังเวทมนตร์ได้ ไม่ได้เป็นเพราะว่ามันมีพลังเวทมนตร์ที่เข้มข้นมากเกินไป หากแต่เป็นเพราะปัจจัยอื่นเพคะ หม่อมฉันได้ทำการทดลองบนพื้นฐานนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายพบว่าปัจจัยที่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับความถี่เพคะ”
“ความถี่เหรอ?” โรแลนด์ถามอย่างแปลกใจ
“หม่อมฉันอ้างอิงมาจาก ‘ทฤษฎีพื้นฐานวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ’ ที่พระองค์ทรงเขียนขึ้นมาเพคะ บางทีมันอาจจะไปถูกต้องนัก แต่หม่อมฉันหาคำนิยามอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ได้จริงเพคะ” จากนั้นอิสซาเบลลาก็บรรยายสิ่งที่ตัวเองค้นพบออกมาอย่างง่าย “ความจริงแล้ว หลังได้ข้อสรุปนี้ไม่นาน พลังเวทมนตร์ของหม่อมฉันก็เกิดการรวมตัวเพคะ”
ไนติงเกลกพริบตาอย่างแปลกใจ เธอสำรวจดูอยู่ครู่ก่อนจะพูดออกมาว่า “จริงด้วยเพคะ…ก่อนหน้านี้หม่อมฉันไม่ทันสังเกตเห็น”
โรแลนด์ยิ้มขึ้นมา “อย่างนั้นสโมสรแม่มดก็มีแม่มดที่วิวัฒนาการเพิ่มขึ้นมาอีกคนน่ะสิ? ยินดีด้วยนะ ก้าวข้ามตัวเองได้สำเร็จแล้ว”
อิสซาเบลลาส่ายหัว “นี่เป็นเพราะพระองค์ทรงมอบโอกาสนี้ให้หม่อมฉันเพคะ”
“แต่เจ้าเป็นคนตัดสินใจที่จะทดลองต่อเอง” เขาพูดปฏิเสธ “หลังความสามารถวิวัฒนาการแล้ว เจ้ามีความรู้สึกอะไรเพิ่มขึ้นมาไหม?”
อิสซาเบลลายื่นนิ้วออกมานิ้วหนึ่ง บนนิ้วกลางเล็กของเธอมีแแหวนอยู่วงหนึ่ง บนแหวนมีอัญมณีที่ส่องประกายเป็นหนึ่งฝังอยู่ตรงกลางแหวน
เป็นไปได้สูงว่ามันจะเป็นหินเรืองแสง บางทีคนอื่นอาจจะรู้สึกประหลาดใจ แต่โรแลนด์กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เขาแค่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย หินเวทมนตร์เม็ดนี้หมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนหินเวทมนตร์อื่น
“หินนี่…ไม่ได้มาจากปีศาจ!” ไนติงเกลอุทานออกมาเบาๆ
โรแลนด์เองก็คิดตามขึ้นมาได้ สำหรับปีศาจแล้ว หินเวทมนตร์คือแหล่งกำเนิดพลังสำหรับการต่อสู้และการยกระดับ พวกมันไม่จำเป็นต้องคิดคำนึงถึงความสวยงาม ด้วยเหตุนี้หินเวทมนตร์ส่วนใหญ่จึงมีลักษณะกลมๆ แต่หินเม็ดนี้มีร่องรอยที่ถูกตัดมาอย่างชัดเจน มีลักษณะเป็นปริซึมหลายหน้าเหมือนกับอัญมณีที่ถูกเจียระไนมา ส่วนใหญ่มีแต่มนุษย์เท่านั้นถึงจะทำแบบนี้
แต่มนุษย์ไม่มีความสามารถในการสร้างหินเวทมนตร์ หินเวทมนตร์ที่มีอยู่ทั้งหมดในตอนนี้ล้วนแต่มาจากการยึดได้ในการสู้รบและการขุดมาจากซากโบราณสถาน และการเจียระไนหินเวทมนตร์จะทำให้โครงสร้างของหินเวทมนตร์เกิดความเสียหาย พูดอีกอย่างก็คือมันจำเป็นต้องเจียระไนก่อน แล้วค่อยทำให้กลายเป็นหินเวทมนตร์
“นี่คือผลงานทดลองแรกหลังจากที่หม่อมฉันวิวัฒนาการเพคะ” อิสซาเบลลาพูดเหมือนทอดถอนใจเล็กน้อย “เดิมมันเป็นกุญแจหินอาญาสิทธิ์ที่มีอยู่ในคุกใต้ดินของศาสนจักร แต่ตอนนี้มันไม่สามารถใช้ขังแม่มดคนไหนได้อีกแล้ว”
โรแลนด์อ้าปากค้างอย่างตกใจ “เจ้าเปลี่ยนหินอาญาสิทธิ์ให้กลายเป็นหินเวทมนตร์งั้นเหรอ?”
“ใช่เพคะ ฝ่าบาท” อิสซาเบลลาพยักหน้า “เมื่อก่อนหม่อมฉันทำได้เปลี่ยนทำให้คลื่นกระเพื่อมของหินอาญาสิทธิ์สงบลง แต่ตอนนี้หม่อมฉันสามารถทำให้ความถี่ของคลื่นกระเพื่อมนั้นลดลงไปอยู่ที่ระดับใดระดับหนึ่งได้ และผลที่ได้รับออกมาก็คือสิ่งที่เรียกว่าหินเวทมนตร์ แต่ตอนนี้มีหินเวทมนตร์แค่บางส่วนเท่านั้นที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ด้วยวิธีนี้ หม่อมฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะความเข้าใจของหม่อมฉันมันไม่ถูกต้องทั้งหมดเพคะ”
โรแลนด์สรุปผลการทดลองและถามคำถาม ใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าถึงจะพอเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายอย่างคร่าวๆ ได้ พูดง่ายๆ ก็คือความรู้และการค้นคว้าเกี่ยวกับหินอาญาสิทธิ์ของอิสซาเบลลาล้วนแต่ตั้งอยู่บนความสามารถของตัวเธอเอง ในสายตาของเธอ คลื่นกระเพื่อมของหินอาญาสิทธิ์นั้นมีความรุนแรงจนกระทั่งทำให้คลื่นกระเพื่อมอื่นๆ ไม่สามารถแสดงออกมาได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หินอาญาสิทธิ์สามารถตัดความสามารถทางเวทมนตร์อื่นๆ ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็น ‘คลื่นกระเพื่อม’ หรือว่า ‘ความถี่’ ก็ล้วนแต่เป็นคำนิยามหลังจากที่ใช้พลังเวทมนตร์ ‘แปล’ ออกมา อิสซาเบลลาเหมือนจะค้นพบความแตกต่างของทั้งสอง แต่เธอกลับไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้เนื่องจากถูกจำกัดด้วยความรู้ที่มีอยู่อย่างจำกัด เพราะคลื่นนั้นก็คือสิ่งที่สามารถแสดงออกมาให้เห็นได้ง่ายๆ แต่พลังเวทมนตร์นั้นไม่ใช่ เธอได้แต่ต้องพยายามเลือกใช้คำที่ใกล้เคียงที่สุดในความคิดของเธอมานิยามมัน
นี่ทำให้โรแลนด์คิดขึ้นมาได้ว่ามิสต์เองก็เหมือนจะเคยพูดคำพูดแบบนี้เหมือนกัน
ทันทีที่ระบบความรู้ของคู่สนทนานแตกต่างกันมากเกินไป อย่าว่าแต่จะเข้าใจเลย แม้แต่การอธิบายมันออกมาก็ยังทำได้ยาก
แต่การวิวัฒนาการของอิสซาเบลลาได้พิสูจน์ให้เห็นในจุดนี้ หินเวทมนตร์นั้นไม่ใช่สิ่งที่มีแต่ปีศาจเท่านั้นที่มี
ถ้าวันใดวันหนึ่งพลังเวทมนตร์กลายเป็นศาสตร์วิชาใหม่ขึ้นมา อย่างนั้นการทดลองเหล่านี้ของเธออาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิชาพลังเวทมนตร์ก็ได้
“เส้นทางนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ แต่ก็เพราะแบบนี้มันถึงคุ้มค่าที่จะลองดู” โรแลนด์พูดให้กำลังใจ
“หม่อมฉันจะพยายามเต็มที่เพคะ” อิสซาเบลลาพูดพร้อมเอามือขึ้นมาทาบอก “สุดท้าย ในระหว่างการทดลองหม่อมฉันยังพบปรากฏการณ์ที่น่าเหลือเชื่ออย่างหนึ่งด้วยเพคะ การคาดเดาของอกาธาอาจจะไม่ผิด หินอาญาสิทธิ์อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ ก็ได้เพคะ”
……………………………………………………………………….