“บริษัทพ่อมันชื่ออะไร?” เฉินโม่ถามอย่างอดกลั้น
“ว่างชวนกรุ๊ป!” จี๋ต๋าจิ่วตูหัวเราะแฮ่ๆ “ฉันฉลาดใช่มั้ย!”
“นายรอให้ฉันกลับไปกระทืบนายเถอะ!” เฉินโม่วางสายในทันที
เป็นดั่งที่เฉินโม่คาดการณ์ไว้เลย บริษัทของพ่อเจี่ยจวินเซี่ยมีชื่อเสียงมากในพื้นที่ เมื่อพูดถึงว่างชวนกรุ๊ป คนส่วนใญ่ต่างก็รู้จัก
เฉินโม่เรียกแท็กซี่ไปที่ว่างชวนกรุ๊ปโดยตรง
หลังจากที่เข้าในว่างชวนกรุ๊ปแล้ว เฉินโม่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติทันที หน้าบริษัทกลับไม่มีรปภแม้แต่คนเดียว ตรงล็อบบี้ก็ไม่มีคน
“ดูแล้วว่างชวนกรุ๊ปต้องเกิดเรื่องแล้วอย่างแน่นอน”
เฉินโม่อยากที่จะไปถามผู้บริหารระดับสูงของว่างชวนกรุ๊ปโดยตรง บ้านของเจี่ยจวินเซี่ยเกิดเรื่องอะไรกันแน่น แต่เขาก็ไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ตอนนี้ควรที่จะรีบหาคนมาถามดูก่อน
ในขณะนี้ ทันใดนั้นเฉินโม่มีความรู้สึกบางอย่าง จึงหันหลังกลับไป
“เฉินโม่ นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เจี่ยจวินเซี่ที่ในมือถือข้าวไว้หนึ่งกล่อง กำลังเดินเข้ามาจากด้านนอก
เฉินโม่มองเจี่ยจิวนเซี่ย แล้วพูดอย่างราบเรียบ “ไอ้เจี่ย นายไม่เห็นพวกเราเป็นเพื่อนเลย!”
เจี่ยจวินเซี่ยก้มหน้าลง แววตามีความรู้สึกผิด แต่เขาก็เงยหน้าขึ้นในไม่ช้า มองเฉินโม่แล้วยิ้มๆ “เฉินโม่ ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดอะไร ใช่แล้ว นายมาที่นี่ได้ยังไง?”
“อย่าเปลี่ยนประเด็น พูดมาเถอะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เฉินโม่จ้องมองเจี่ยจวินเซี่ย แววตาเปล่งประกาย
เจี่ยจวินเซี่ยพูดอย่างไม่รู้เรื่อง “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดอะไรจริงๆ? ฉันจะเกิดเรื่องอะไรได้ล่ะ ฉันก็แค่ไม่อยากจะเรียนมหาวิทยาลัยระดับสองอย่างหัวหนานแล้วก็เท่านนั้น ดังนั้นจึงกลับมาเลย!”
ขณะที่พูด เจี่ยจวินเซี่ยก็ชี้ไปโดยรอบ พูดอย่างเย่อหยิ่ง “เห็นแล้วใช่มั้ย? นี่คือบริษัทของบ้านฉัน ฉันบอกพวกนายตามตรงเลย จริงๆแล้วฉันเป็นลูกชายของเศรษฐีหมื่นล้าน ก็เป็นลูกเศรษฐีที่พวกนายชอบพูดถึงน่ะ ฉันก็แค่สนุกไปชั่วครู่ ถึงได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยระดับสองอย่างหัวหนาน ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว ก็แค่นั้นเอง!”
เฉินโม่จ้องเจี่ยจวินเซี่ย เขารู้ว่าเจี่ยจวินเซี่ยเป็นคนที่หนักแน่นที่สุดในกลุ่ม และคาดเดาความคิดได้ยาก เขากลับใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจแบบนี้มาปกปิดความจริง เห็นได้ชัดว่าบ้านของเจี่ยจวินเซี่ยนั้นเกิดเรื่องแล้ว และเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมากด้วย
“พอได้แล้วไอ้เจี่ย ไอ้อ้วนบอกกับฉันแล้ว นายได้โอนเงินให้เขาไปหนึ่งล้าน บอกฉันมา มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เฉินโม่จ้องเจี่ยจวินเซี่ย แล้วถามอย่างจริงจัง
เจี่ยจวินเซี่ยอึ้งไปก่อน จากนั้นก็หัวเราะฮ่าๆ “เฉินโม่ ฉันบอกว่าไม่มีอะไร ก็แค่หนึ่งล้านเอง ฉันแค่สงสารจี๋ต๋าจิ่วตู ดังนั้นจึงทำทานให้มันหน่อย เงินแค่นั้นสำหรับฉันแล้ว มันก็แค่เงินค่าขนมหนึ่งเดือนของฉันเอง นายอย่าคิดมากเลย!”
เฉินโม่ไม่รู้จะทำอย่างไร เขายิ่งแน่ใจว่าเจี่ยจวินเซี่ยกำลังประสบปัญหาที่แก้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางที่จะพูดแบบนี้อย่างแน่นอน
เฉินโม่พูดจากใจจริง “ไอ้เจี่ย มีอะไรก็นายก็บอกฉัน ฉันสามารถช่วยนายได้ นายดูสภาพที่วังเวงนี้สิ นายรู้สึกว่ามันปกติมั้ย? คำพูดของนายหลอกฉันได้เหรอ?”
“อีกอย่างความสามารถของฉันนายก็รู้ดี พูดออกมา ฉันสามารถช่วยนายได้” เฉินโม่พูดอย่างมั่นใจ
เจี่ยจวินซือมองเฉินโม่ มีความลังเล เขาเคยเห็นความสามารถของเฉินโม่มาแล้ว บางทีครั้งนี้เฉินโม่อาจจะสามารถช่วยครอบครัวของเขาได้จริงๆ
“ไม่ได้ เขาเป็นปรมาจารย์ของเผยซื่อหาว แม้ว่าเฉินโม่จะเก่งไม่น้อย อย่างไรเสียเขาก็อายุยังน้อย ไม่มีทางที่จะสู้ปรมาจารย์ที่เก่งขนาดนั้นได้ ฉันไม่ควรที่จะทำให้เขาลำบาก!”
เฉินโม่มองออกว่าเจี่ยจวินเซี่ยกำลังลังเล จึงพูดขึ้น “นายบอกฉันมาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากฉันไม่สามารถช่วยนายได้ ฉันจะกลับไปทันที และไม่ยุ่งเรื่องของนายอีก!”
ได้ยินเฉินโม่พูดถึงขนาดนี้แล้ว เจี่ยจวินเซี่ยก็ไม่อาจจะปฏิเสธอีก ถอนหายใจไปหนึ่งที “โอเค ฉันจะบอกนาย!”