ในห้อง เจี่ยจวินเซี่ยรินน้ำให้กับเฉินโม่ จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าที่กลุ้มใจ

เฉินโม่มองเจี่ยจวินเซี่ยอยู่เงียบๆ และไม่ได้ถามอะไรอีก ในเมื่อเจี่ยจวินเซี่ยพาเขาเข้ามาในนี้แล้ว เฉินโม่เชื่อว่า เจี่ยจวินเซี่ยต้องเล่าให้เขาฟังอย่างแน่นอน

“เฉินโม่ ครั้งนี้ครอบครัวฉัน ไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน!” เจี่ยจวินเซี่ยมองเฉินโม่ น้ำเสียงหนักใจ

เฉินโม่สีหน้าราบเรียบ ถามด้วยน้ำเสียงที่เบา “ไม่ควรล่วงเกินยังไง? นายค่อยๆเล่า”

เจี่ยจวินเซี่ยมองเฉินโม่ “นายเป็นนักบู๊ น่าจะเคยได้ยินปรมาจารย์บู๊มาก่อนใช่มั้ย?”

เฉินโม่พยักหน้า “เคยได้ยิน ทำไมเหรอ!”

เจี่ยจวินเซี่ยกล่าว “คนที่ครอบครัวฉันล่วงเกิน ก็คือปรมาจารย์บู๊ท่านหนึ่ง!”

ได้ยินคำว่าปรมาจารย์บู๊ เฉินโม่ไม่ได้มีอาการตกใจใดๆเลย ถือว่าได้เข้าใจความทุกข์ใจของเจี่ยจวินเซี่ยแล้ว

“ที่แท้ไอ้เจี่ยกลัวว่าจะทำให้พวกเราเดือดร้อน!”

จี่ยจวินเซี่ยพูดต่อ “อันที่จริงปรมาจารย์บู๊คนนี้ ไม่ใช่ว่าครอบครัวของฉันไปล่วงเกินเขาก่อน แต่เป็นตระกูลหานคู่แข่งอันดับหนึ่งของเรา ไปหาตัวมันมาจากไหนก็ไม่รู้!”

“พรุ่งนี้ ตระกูลหานจะจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมฮุยหวงอินเตอร์ และเชิญผู้มีอำนาจมากที่สุดในเหลียวโจวมาร่วมงาน และในงานเลี้ยง ตระกูลหานต้องอาศัยปรมาจารย์บู๊ข่มขู่ให้ทุกคนยอมจำนนต่อพวกเขาอย่างแน่นอน!”

“พรุ่งนี้ มันเป็นโอกาสสุดท้ายของตระกูลเจี่ยแล้ว ฉันก็ไม่ปิดบังนายแล้ว พ่อของฉันก็ได้เตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว โดยการเรียกทุกคนที่เป็นศัตรูกับตระกูลหานมารวมตัวกัน พรุ่งนี้หากเราชนะ ตระกูลหานก็ถอยออกไป หรือไม่ก็เป็นพวกเราที่ตาย แล้วตระกูลหานก็ครองเหลียวโจว!”

เฉินโม่ลุกขึ้น เดินไปยังข้างกายของเจี่ยจวินเซี่ย ตบบ่าของเขาแล้วพูด “สบายใจได้เลย พรุงนี้ฉันจะไปกับนาย!”

เจี่ยจวินเซี่ยขมวดคิ้ว มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าที่หนักใจ “เฉินโม่ นายต้องเข้าใจนะ พรุ่งนี้ครอบครัวฉันไม่ได้ไปร่วมงาน แค่พ่ายแพ้ ก็เท่ากับว่าจะไม่มีวันได้กลับมาอีก!”

เฉินโม่มองเจี่ยจวินเซี่ย ถามอย่างเรียบเฉย “แล้วยังไงล่ะ?”

เจี่ยจวินเซี่ยเหมือนจะทนไม่ได้กับสายตาที่บีบคั้นของเฉินโม่แล้ว จึงก้มหน้าแล้วพูด “ฉันไม่อยากทำให้นายเดือดร้อนไปด้วย!”

“สบายใจเถอะ ฉันรู้ตัวเองดี พรุ่งนี้หากสถานการณ์มันเกินกว่าที่จะรับมือได้ ฉันจะตัดขาดความสัมพันธ์กับนาย แบบนี้นายสบายใจหรือยัง?” เฉินโม่ยิ้มพูด

เจี่ยจวินเซี่ยแววตามืดมน แต่ก็ผ่อนคลายในไม่ช้า ถอนหายใจในใจ “เฉินโม่นายสามารถมาหาฉัน นับว่ามีความเมตตาและรักษาสัจจะจนถึงที่สุดแล้ว แล้วฉันจะให้นายไปตายกับครอบครัวของฉันได้อย่างไร?”

หลังจากที่คิดได้แล้ว เจี่ยจวินเซี่ยก็มองเฉินโม่ พยักหน้าอย่างจริงจัง “โอเค!”

กลางคืน เฉินโม่กับเจี่ยจวินเซี่ยกำลังเมาอยู่ร้านอาหารริมทาง เจี่ยจวินเซี่ยพูดไปเยอะมาก กังวลเรื่องวันพรุ่งนี้ และก็รู้สึกซาบซึ้งใจที่เฉินโม่มาหาเขา แน่นอน สิ่งที่มากไปกว่านั้นก็คือยังไม่อยากไปจากโลกศรีวิไลนี้

เฉินโม่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอด เป็นครั้งแรกที่เห็นเจี่ยจวินเซี่ยที่สุขุมดื่มจนเมาขนาดนี้ การที่ชาติที่แล้วไม่ได้ข่าวคราวของไอ้เจี่ย อาจจะเป็นเพราะ……..

เฉินโม่มองไอ้เจี่ยที่เมาไม่รู้เรื่องที่ฟุบอยู่บนโต๊ะ แล้วพูดขึ้นอย่างเสียงเบา “สบายใจเถอะ มีฉันอยู่ ชาตินี้จะไม่มีใครสามารถแตะต้องเพื่อนของฉันได้แม้แต่ปลายเล็บ!”

เฉินโม่หามเจี่ยจวินเซี่ยกลับไปที่โรงแรม และแอบใช้พลังทิพย์ช่วยทำให้เขาหายเมา รับประกันว่าพรุ่งนี้เจี่ยจวินเซี่ยจะมีพลังเต็มเปี่ยมในการไปร่วมงานเลี้ยง

ฮุยหวงอินเตอร์ มีชื่อเสียงอย่างมากในเหลียวโจว โดยส่วนใหญ่การจัดงานของสังคมชั้นสูงทั้งหมด ล้วนจะเลือกมาจัดที่นี่

เจี่ยจวินเซี่ยพาเฉินโม่ เดินตามเจี่ยว่างชวนพ่อของเขา มาถึงยังห้องจัดเลี้ยงชั้นสามของฮุยหวงอินเตอร์

เจี่ยว่างชวนรูปร่างสูงใหญ่ รูปร่างหน้าตาก็คือเจี่ยจวินเซี่ยในเวอร์ชั่นแก่ ดูแล้วมีความลุ่มลึกและสุขุมกว่า