“เป็นคุนหลุนอย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ!”
หลิงหยุนพึมพำออกมาด้วยแววตาเป็นประกายเขาพยักหน้าเล็กน้อย และเริ่มรู้สึกว่านเองเข้าใกล้ความลับเมื่อสี่สิบปีก่อนของประเทศนี้เข้าไปทีละเล็กทีละน้อยแล้ว
“น้าหญิงเย่ท่านพอจะบอกสาเหตุให้ข้าทราบได้หรือไม่ แต่หากท่านไม่สะดวกที่จะกล่าวก็ไม่เป็นไร ข้าจะค่อยๆสืบด้วยตัวเอง..”
ที่หลิงหยุนต้องพูดเช่นนี้เพราะเมื่อสามเดือนก่อน หากเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับความลับเมื่อสี่สิบปีก่อนของประเทศนี้ แม้แต่ฉินชางชิงแห่งตระกูลฉิน หลิงลี่แห่งตระกูลหลิง หรือแม้แต่โจวเหวินอี้หัวหน้าหน่วยนภา ยังไม่มีผู้ใดต้องการจะพูดถึงเลยสักคนเดียว..
การที่หลิงหยุนกับเย่ชิงซินได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกแต่นางกลับสามารถเปิดเผยชื่อศัตรูอันดับหนึ่งของตระกูลหลิงให้หลิงหยุนรู้ว่าเป็นคุนหลุนนั้น ก็นับว่าเหนือความคาดหมายของหลิงหยุนมากแล้ว แต่ในเมื่อโอกาสดีเช่นนี้มาถึง หากหลิงหยุนไม่ลองถามดู คงจะต้องกลับไปนั่งนึกเสียดายเป็นแน่..
“ข้าบอกได้เพียงแค่ว่าเหตุผลของคุนหลุนน่าจะเกี่ยวข้องกับความลับของประเทศจีนเมื่อสี่สิบปีก่อน!”
เย่ชิงซินทำสีหน้าอึดอัดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงฟังคล้ายการคาดเดา “ครั้งนั้น คนตระกูลหลิงได้เดินทางไปคุนหลุน แต่แล้วก็เงียบหายไม่ได้ข่าวคราว คนตระกูลหลิงจะได้เข้าไปที่คุนหลินจริงหรือไม่นั้น ก็ไม่มีผู้ใดมั่นใจ! รวมถึงฉู่ซานของข้าด้วย..”
“แต่จากเมื่อวันเวลาผ่านไป”
“แต่หลังจากเวลาผ่านมากว่าสิบปีผู้คนก็เริ่มมั่นใจว่าพวกเขาน่าจะเข้าไปในคุนหลุนแล้ว นั่นเพราะมีข่าวลือว่าผู้นำในโลกยุทธภพได้มีคำสั่งออกมาว่า ห้ามไม่ให้สำนักบ่มเพาะใดรับคนตระกูลหลิงเป็นศิษย์!”
“หลังจากข่าวลือเรื่องคำสั่งนี้ปรากฏออกมาอีกหกปีให้หลังก็มีคำสั่งใหม่ว่า หากพบเห็นคนตระกูลหลิงคนใดฝึกบ่มเพาะตน ให้สังหารได้ทันที และจะได้รับรางวัลจากคุนหลุนอย่างมากมาย..”
‘สิบปี..และอีกหกปีให้หลัง..’
หลิงหยุนค่อยๆพิจารณาตามอย่างละเอียดและคำนวณเวลาอยู่ในใจเงียบๆคนเดียว แล้วแววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
หลิงหยุนรู้เรื่องที่ยอดฝีมือตระกูลหลิงยี่สิบกว่าคนได้เดินทางไปคุนหลุนเมื่อสี่สิบปีก่อนและเขากำลังคาดเดาว่า หลังจากที่ยอดฝีมือตระกูลหลิงเข้าไปในคุนหลุนได้แล้ว ความแข็งแกร่งของคนตระกูลหลิงทั้งหมดคงจะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับคุนหลุนอย่างมาก ทำให้คุนหลุนต้องการที่จะสยบตระกูลหลิงไว้แต่เนิ่นๆ อีกทั้งมรดกของตระกูลหลิงก็นับเป็นสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งนัก!
หลิงหยุนไม่เห็นเหตุผลอื่นนอกจากนี้ตระกูลหลิงฝึกวิชาตามคัมภีร์เสวียนหวง และเวลานี้หลิงหยุนเองก็สามารถยืนยันได้ว่า คัมภีร์เสวียนหวงของตระกูลหลิงนั้น เป็นวิชาบ่มเพาะที่ทรงพลังยิ่งนัก ไม่เพียงเท่านั้น มรดกที่ตระกูลหลิงสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน ยังเป็นหลิวเทวะวิญญาณที่สัมพันธ์กับวิชาบ่มเพาะตามคัมภีร์เสวียนหวงอีกด้วย แต่ก่อนหน้านี้หลิวเทวะวิญญาณยังคงเป็นเพียงแค่ซากไม้ตายต้นหนึ่งเท่านั้น จึงไม่ได้แสดงพลังใดๆออกมาให้เห็น การที่ทายาทตระกูลหลิงรุ่นหลังๆฝึกวิชาตามคัมภีร์เสวียนหวง จึงไม่ได้ผลมากนัก และแทบไม่ส่งผลต่อการบ่มเพาะพลังเลยแม้แต่น้อย
หลิงหยุนเชื่อว่าพรสวรรค์และความเก่งกาจของเหล่าอาวุโสตระกูลหลิงในครั้งนั้นจะต้องน่าอัศจรรย์ยิ่ง ไม่แน่ว่าเมื่อสิบปีที่แล้วอาจมีผู้ที่เข้าสู่ขั้นแก่นเต๋าทองคำแล้วก็เป็นได้ และหากปล่อยให้ล่วงเลยมาอีกหกปี ย่อมเป็นไปได้สูงที่จะเข้าสู่ขั้นก่อตั้งวิญญาณได้!
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนก็ถึงกับแสยะยิ้มออกมาเขาเชื่อว่าครั้งนั้นเหล่าอาวุโสตระกูลหลิงทั้งยี่สิบกว่าคนนั้น ต้องเข้าสู่ขั้นก่อตั้งวิญญาณแล้วด้วยซ้ำไป และนั่นเป็นเหตุให้คุนหลุนสั่นสะเทือนเพราะความอับอาย..
ผู้บ่มเพาะตนขั้นก่อตั้งวิญญาณมากถึงยี่สิบกว่าคนหากเป็นเช่นนั้นจริง อย่าว่าแต่ในโลกใบนี้เลย แม้แต่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ก็นับว่าเป็นกองกำลังที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
หลิงหยุนคาดว่าอาวุโสตระกูลหลิงยี่สิบกว่าคนนั้นไม่น่าจะยังอยู่ในคุนหลุน เพราะหากอาวุโสที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นยังอยู่ในคุนหลุน เหตุใดพวกเขาจึงปล่อยให้ตระกูลหลิงถูกถล่มทำลายเช่นนั้นเล่า
แต่สิ่งที่หลิงหยุนคิดหลังจากนั้นก็คือเมื่อสี่สิบปีก่อนที่เหล่าอาวุโสตระกูลหลิงยี่สิบกว่าคนอยู่ในระหว่างเดินทางไปคุนหลุน หรือหลังจากเดินทางกลับจากคุนหลุนแล้ว อาจประสบกับหายนะบางอย่าง ซึ่งอาจเป็นภัยพิบัติก็ได้ หรือการถูกซุ่มทำร้ายด้วยกลุ่มของยอดฝีมือที่ล้ำเลิศเป็นจำนวนมากก็ได้..
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้สีหน้าของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที.. “หลิงหยุนนี่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่งั้นรึ”
เย่ชิงซินสังเกตเห็นท่าทางที่ผิดปกติไปของหลิงหยุนจึงได้แต่เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ไม่มีอะไรมากนัก..ข้าเพียงแค่กำลังครุ่นคิดว่า ตระกูลหลิงก็เป็นเพียงแค่ตระกูลฝึกวรยุทธธรรมดาๆเท่านั้น เหตุใดคุนหลุนจึงให้ความสนใจมากถึงเพียงนี้”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยสีหน้าและแววตาที่แค้นเคืองเย่ชิงซินจ้องหน้าหลิงหยุนนิ่งพร้อมกับถามขึ้นว่า “เพียงแค่ผู้ฝึกวรยุทธธรรมดาๆ! เจ้าแน่ใจรึ?!”
หลิงหยุนทำสีหน้าอึกอักพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศรีษะเมื่อถูกจับได้..
เย่ชิงซินส่ายหน้าพร้อมกับพูดต่อทันที“เอาล่ะช่างเถิด!”
“เวลาล่วงเลยผ่านไปสี่ปี..ห้าปี.. จนกระทั่งเมื่อสิบแปดปีก่อน คุนหลุนจึงได้อาศัยข้ออ้างเรื่องความรักของพ่อแม่เจ้า ออกคำสั่งให้สำนักต่างๆที่เป็นพันธมิตรของคุนหลุน ไม่ว่าจะเป็นสำนักกระบี่คุนหลุน และอีกมากมายหลายสำนัก รวมตัวกันบุกไปถล่มทำลายล้างตระกูลหลิง และเรื่องนี้ต่างก็เป็นที่โจษจันไปทั่วทั้งยุทธภพ!”
เวลานี้หลิงหยุนเริ่มเข้าใจสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนได้ชัดเจนยิ่งขึ้นจึงเอ่ยออกมาว่า
“สรุปแล้วก็คือเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเพราะว่าเหล่าอาวุโสตระกูลหลิงเดินทางไปยังคุนหลุน หลังจากนั้นคุนหลุนจึงมีคำสั่งออกมาติดต่อกันถึงสองครั้งสองครา และครั้งสุดท้ายถึงกับสั่งให้สังหารคนตระกูลหลิงของข้าให้หมดสิ้น!”
การเดินทางไปคุนหลุนของเหล่าอาวุโสตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนคือสาเหตุและผลก็คือตระกูลหลิงถูกทำลายล้างเมื่อสิบแปดปีก่อน ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลิง ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของคุนหลุนทั้งสิ้น! เย่ชิงซินพยักหน้ายิ้มๆแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ตลอดหลายสิบปีมานี้ คุนหลุนจ้องที่จะสยบตระกูลหลิงให้ได้ และไม่เคยคิดที่จะปล่อยตระกูลหลิงไว้ ไม่เช่นนั้นแล้ว.. สิบแปดปีต่อมาก็จะไม่เกิดโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับตระกูลหลิงเช่นนั้น
“เป็นเพราะคุนหลุนไม่สามารถส่งของตนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับยุทธภพได้โดยตรงหาไม่แล้วพวกเขาคงไม่ปล่อยให้เนิ่นนานเช่นนี้แน่..”
“โศกนาฏกรรมเมื่อสิบแปดปีของตระกูลหลิงจึงมีคุนหลุนอยู่เบื้องหลัง และให้สำนักกระบี่คุนหลุนเป็นผู้ออกหน้า ส่วนชาวยุทธคนอื่นๆต่างก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย ในขณะที่ตระกูลเย่ก็เอาแต่นิ่งดูดาย ส่วนตระกูลหลงก็ฉวยโอกาสใส่ไฟอย่างเงียบๆ ทั้งหมดนี้จึงทำให้ตระกูลหลิงถูกทำลายล้างได้สำเร็จ!”
เย่ชิงซินเป็นฝ่ายสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้หลิงหยุนฟัง..
“น้าหญิงเย่ในเมื่อตระกูลหลงแอบใส่ไฟอยู่เงียบๆ เหตุใดยังต้องช่วยเหลือตระกูลหลิงด้วยเล่า”
หลิงหยุนเองก็พอที่จะคาดเดาคำตอบได้แต่ต้องการฟังความเห็นจากปากของเย่ชิงซิน..
“หลิงหยุน..อย่าลืมว่าในอดีตตระกูลหลิงมีอำนาจมากเพียงใดในประเทศนี้ และมีทรัพยากรกับธุรกิจในมือมากมายมหาศาลเพียงใด หากปล่อยให้ล้มครืนลงในทันที ย่อมต้องสร้างปัญหามากมายให้กับประเทศนี้ เจ้าคิดว่าตระกูลหลงจะยอมให้เป็นเช่นนั้นหรือไม่?”
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมตอบกลับไปทันที“ย่อมไม่ต้องการแน่นอน!”
เย่ชิงซินพยักหน้าพร้อมตอบหลิงหยุนไปว่า“ถูกต้อง!”
“เหตุผลข้อที่สอง..หากตระกูลหลงยื่นมือเข้าไปช่วยตระกูลหลิงเช่นนี้ ในขั้นตอนการแบ่งทรัพยากรและธุรกิจในครอบครองของตระกูลหลิง ตระกูลหลิงย่อมต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตระกูลหลงแทนการขอบคุณไม่ใช่รึ”
“เหตุผลข้อที่สามในปีนั้นหาใช่ตระกูลหลิงตระกูลเดียวที่ประสบกับหายนะ แม้แต่ตระกูลฉินเองก็เช่นกัน ระยะเวลาห่างกันไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำไป หากทั้งสองตระกูลล้มครืนลงมาพร้อมกันเช่นนี้ ประเทศจีนคงต้องตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายครั้งใหญ่ แม้แต่ตระกูลหลงก็ยากที่จะรับมือได้ไหว..”
“และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดคนตระกูลฉินและตระกูลหลิง จึงไม่ถูกสังหารตายจนหมดสิ้น!”
หลิงหยุนอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ว่า“น้าหญิงเย่.. นี่คือการวิเคราะห์ของท่านเพียงผู้เดียวอย่างนั้นรึ”
เย่ชิงซินส่ายหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า“หาใช่การวิเคราะห์ของข้าไม่ แต่เป็นเย่ชิงเฟิง!”
หลิงหยุนได้รับรู้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับผู้นำตระกูลเย่คนปัจจุบันมาอีกหนึ่งอย่าง.. “แล้วฉู่ซานเล่าร่ำลือกันว่าฉู่ซานมีผู้ฝึกบ่มเพาะตนอยู่มากมาย ประเทศจีนเกิดเหตุการณ์ใหญ่โตถึงสองเรื่องใหญ่ๆพร้อมกันเช่นนี้ เหตุใดฉู่ซานของท่านยังได้นิ่งเฉย?”
ในเมื่อถามเรื่องคุนหลุนและตระกูลหลงไปแล้ว หลิงหยุนจึงวกมาถามถึงฉู่ซานของเย่ชิงซินบ้าง..
“นี่เจ้าเด็กตัวแสบถึงกับกล้าถามถึงฉู่ซานเชียวรึ”
“แต่เอาเถิด..ข้าจะบอกกับเจ้าตามความจริง แม้ฉู่ซานของเราจะทำหน้าที่ปกป้องประเทศนี้มาตั้งแต่โบร่ำโบราณ แต่ก็ทำหน้าที่ปราบปรามปีศาจเพื่อไม่ให้ประเทศเกิดภัยพิบัติเท่านั้น แต่หากเป็นเรื่องของชาวยุทธ ฉู่ซานจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว!”
“เช่นนั้นแล้ว..การที่ยอดฝีมือสองคนของคุนหลุนปรากฏตัวในคืนวันชุมนุมชาวยุทธ ก็คงต้องการที่จะมาดูว่าข้าฝึกบ่มเพาะพลังหรือไม่สินะ และหากข้าไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้..” เย่ชิงซินตอบกลับมาทันที“เจ้าก็ต้องตาย..!”
“เพราะไม่ว่าจะเป็นหลี่คุนหลุนหรือจางคุนหลุน ข้าก็สามารถช่วยเจ้าต้านทานไว้ได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น หากเจ้าไม่สามารถเอาชนะคนที่เหลือได้ เจ้าก็ต้องถูกพวกมันสังหารตายอย่างแน่นอน!”
หลิงหยุนแสยะยิ้มและเริ่มมั่นใจว่าศัตรูที่แท้จริงของตระกูลหลิงนั้นหาใช่ใครอื่นไม่ แต่เป็นคุนหลุน!
และแน่นอนว่ายังเหลือคำถามสุดท้ายจากหลิงหยุน..
“น้าหญิงเย่คุนหลุนอยู่ที่ใดรึ”
แต่เย่ชิงซินกลับตอบไปว่า“คำถามข้อนี้เจ้าอย่าหวังว่าจะได้คำตอบจากข้า คุนหลุนอยู่ที่ใดนั้นไม่เพียงข้าไม่รู้แจ่มแจ้ง และต่อให้ข้ารู้ดี ข้าก็ไม่มีทางปล่อยให้เข้าไปตายแน่!”
“…”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกจึงได้ถามเรื่องอื่นแทน “เช่นนั้นแล้วข้าขอถามว่า คุนหลุนคืออะไร เป็นสำนักฝึกบ่มเพาะพลังงั้นรึ? หรือเป็นถ้ำสุขาวดี? หรือจะเป็นโลกอีกใบ?”
เย่ชิงซินถึงกับถอนหายใจนางลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า “ข้าบอกเจ้าได้เพียงแค่ว่า คุนหลุนคือสถานที่ที่ผู้บ่มเพาะพลังต่างก็โหยหาที่จะไป”
“ส่วนเรื่องอื่นๆรอให้เจ้าเข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่เสียก่อน ข้าจึงจะอธิบายให้เจ้าฟังเพิ่ม แต่เจ้าเองก็ฝึกฝนก้าวหน้ารวดเร็วมากไม่ใช่รึ น่าจะใช้เวลาเพียงแค่สองสามเดือน..”
“ตกลง!”
หลิงหยุนได้แต่ล้มเลิกความตั้งใจเขาจ้องมองเย่ชิงซินแน่นิ่งพร้อมกับเอ่ยออกมาจากใจ “ขอบคุณน้าหญิงเย่ที่บอกเล่าความลับเหล่านี้ให้ข้าฟัง ท่านช่างใจดียิ่งนัก!”
เย่ชิงซินเพียงแค่ยิ้มไม่ตอบอะไรแล้วยกมือขึ้นตบบ่าหลิงหยุนอย่างอ่อนโยน..