บทที่ 700 ปมในใจจากเคเอฟซี + ตอนที่ 701 รักเขาก็ต้องรักของเขาด้วย

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 700 ปมในใจจากเคเอฟซี + ตอนที่ 701 รักเขาก็ต้องรักของเขาด้วย โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 700 ปมในใจจากเคเอฟซี

ผู้ใหญ่บ้านกับคนตระกูลโม่ได้ยินแล้วพูดไม่ออก เงินไม่กี่พันยังซื้อเปียโนไม่ได้ เปียโนนี่ทำจากทองหรืออย่างไรถึงได้ขายแพงขนาดนี้!

ฝีมือการแสดงของเหมยเหมยถือว่าใช้ได้ทีเดียว  ถือเป็นการแสดงบทบาทคุณหนูเอาแต่ใจจากตระกูลร่ำรวยได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้ใหญ่บ้านจะไม่เชื่อได้อย่างไร รีบวิ่งแจ้นไปติดต่อทันที

ช่วงบ่ายบ้านตระกูลโม่แออัดไปด้วยชาวบ้านที่อยากมาขายภูเขา ชาวบ้านเหล่านี้อิจฉาตาร้อนกันตั้งแต่ช่วงสายแล้ว ต่างคิดกันว่าจะไปถามบ้านโม่ว่าอยากซื้อภูเขาอีกไหม คาดไม่ถึงว่าผู้ใหญ่บ้านก็จะเอากับเขาด้วย จึงรีบตอบตกลงอย่างไม่ลังเลแล้วเร่งฝีเท้ามาที่บ้านโม่

ความจริงราคาไม่ได้ถูกไปกว่ากันเท่าไรนัก พอๆ กับบ้านโม่ป๋อเฉียง เหยียนหมิงซุ่นคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเงินแค่นี้ อย่างไรเสียก็คนหมู่บ้านเดียวกันแถมส่วนใหญ่ยังเป็นผู้อาวุโสรุ่นลุงของเขาอีกต่างหาก ถือว่าให้เป็นกำไรแก่ชาวบ้านพวกนี้แล้วกัน!

น่าจะได้ภูเขามาสักสิบลูกได้อีกทั้งยังมีเนื้อที่กว้างขวาง และด้วยความที่เนื้อที่กว้างใหญ่ชาวบ้านพวกนี้ถึงรู้สึกแย่ที่ไม่มีรายได้จากตรงส่วนนี้ คิดไปคิดมาก็ช่างมันเถอะ แค่ภูเขาลูกเล็กต้นไม้ไม่กี่ต้นเท่านั้น ปล่อยช่างมันไปเถอะ

ภูเขาทั้งหมดตกอยู่ในภายใต้ชื่อเหยียนหมิงซุ่น ทำให้คนบ้านโม่รู้สึกไม่ค่อยดีนัก  ในเมื่อเงินมาจากเด็กสาวทั้งนั้น ไม่เขียนชื่อของเด็กสาวคงไม่สมเหตุสมผล คุณตาโม่จึงเรียกเหยียนหมิงซุ่นไปคุยไม่กี่ประโยคแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับตอบเพียงประโยคเดียวว่า

“ผมกับเหมยเหมยไม่ต้องแยกกันชัดเจนขนาดนั้นก็ได้ครับ ยังไงวันหน้าก็ต้องรวมกันอยู่ดี!”

ประโยคเดียวทำเอาคุณตาโม่ใบ้กินพูดอะไรไม่ออก ลูกหลานย่อมมีบุญวาสนาของลูกหลานเอง ตาแก่อย่างเขาไปยุ่งอะไรไม่ได้แล้ว!

สยงมู่มู่กลับไม่เห็นด้วย กระชากเหมยเหมยไปกระซิบกระซาบที่หลังบ้าน “เหยียนหมิงซุ่นกำลังคิดเอาเปรียบเธออย่างน่าไม่อาย เงินพวกนี้ของเธอนะ ทำไมไม่เขียนชื่อของเธอ? เรื่องนี้จะทำแบบนี้ไม่ได้!”

เหมยเหมยที่ซาบซึ้งใจหน่อยๆ ตัดสินใจบอกความจริงไป “ไม่ใช่เงินของฉัน เป็นของพี่หมิงซุ่น เขาไม่อยากให้คนในหมู่บ้านรู้ว่าเขามีเงินถึงได้บอกว่าเป็นเงินของฉัน”

สยงมู่มู่เบิกตาโต พูดด้วยเสียงตกตะลึงว่า “เหยียนหมิงซุ่นเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ? เขาไปปล้นธนาคารมาเหรอ?”

“นายสิปล้นธนาคารมา พี่หมิงซุ่นสุดยอดจะตายไป หาเงินเองได้ตั้งนานแล้ว จะเหมือนใครบางคนที่โตป่านนี้แล้วยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลย แล้วยังคุยโม้ไปวันๆ ว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะหนึ่งเดียวในโลก”

เหมยเหมยพูดชมเหยียนหมิงซุ่นไประลอกหนึ่งแล้วพูดกระแนะกระแหนใครบางคนไปด้วย สยงมู่มู่เริ่มทำหน้าตาบูดบึ้งแต่กลับเถียงไม่ได้ เขาโตป่านนี้แล้วแต่ยังแบมือขอเงินพ่อแม่ไม่มีผิด เมื่อก่อนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกเขินอาย ทว่าตอนนี้กลับถูกเปรียบเทียบกับเหยียนหมิงซุ่นจนกลายเป็นเศษขี้เลื่อยแทบหาที่ยืนไม่ได้

“ก็แค่หาเงินไม่ใช่หรือไง คนอย่างพี่หาได้สบายๆ อยู่แล้ว เรื่องแค่นี้เอง!”

สยงมู่มู่ไม่ยอมแพ้ แพ้ได้แต่ห้ามเสียหน้า ต่อหน้ายายนี่จะเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด

เหมยเหมยกลอกตาใส่เขาแวบหนึ่ง แล้วจงใจพูดจาถากถางใส่เขาว่า “อย่าเก่งแต่ปาก ลองหาเงินได้สักร้อยหนึ่งค่อยมาพูด แค่พูดใครพูดไม่เป็นบ้าง!”

“เธอรอดูเลยนะ พี่เป็นถึงอัจฉริยะ เงินหนึ่งร้อยแค่แป๊บเดียวก็หาได้ เชอะ!”

“งั้นฉันจะรอ เงินหนึ่งร้อยนายมาเลี้ยงเคเอฟซีฉันนะ!”

เหมยเหมยตัดสินใจการใช้เงินหนึ่งร้อยนี้อย่างมีความสุข เมื่อปีที่แล้วมีเคเอฟซีมาเปิดเป็นร้านแรกในเมืองหลวงของประเทศจีน แม้มีเมนูอาหารที่ไม่หลากหลายแต่รสชาติอร่อยเหาะ เหมยเหมยต้องไปทานทุกครั้งเมื่อไปเมืองหลวง

เมืองจินต้องรอปีหน้าถึงจะมีเคเอฟซี ตั้งอยู่ที่ร้านอาหารตงเฟิง เธอจำได้ว่าช่วงวัยเด็กเหอปี้อวิ๋นมักพาอู่เยวี่ยไปทานที่นั่นอยู่บ่อยครั้ง  โดยที่เธอไม่เคยได้ทานเลยสักครั้งเดียว ทุกครั้งที่อู่เยวี่ยทานเสร็จก็จะกลับมาจะโอ้อวดต่อหน้าเธอเหมือนจงใจ

เคเอฟซีจึงกลายเป็นปมในใจในสมัยวัยเยาว์ทั้งสองชาติของเธอ ไม่ว่าจะอดีตชาติหรือชาตินี้เธอก็โปรดปรานมันมาก ต่อให้ทานเท่าไรก็ไม่เบื่อ!

……………………

 ตอนที่ 701 รักเขาก็ต้องรักของเขาด้วย

อยู่หมู่บ้านโม่สามวันพวกเขาถึงเตรียมตัวกลับเมืองจิน สยงมู่มู่กับอู่เชาต่างอาลัยอาวรณ์ไม่อยากกลับ คาดว่าให้พวกเขาพักที่นี่อีกหนึ่งเดือนก็ไม่มีปัญหา เด็กเมืองกรุงเห็นอะไรในชนบทก็แปลกตา ราวกับคนที่เพิ่งเคยได้เปิดหูเปิดตา

คุณยายโม่ถือคติว่าหากรักเขาก็ต้องรักของเขาด้วย หากหลานรักใครชอบใครเธอก็จะชอบไปด้วย  ดังนั้นจึงปฏิบัติกับเหมยเหมยเป็นอย่างดี พอรู้ว่าพวกเขาจะกลับยังอุตส่าห์บดแป้งจากข้าวหนึ่งถังและต้มถั่วแดงเละๆ หนึ่งหม้อเพื่อทำขนมข้าวถั่วแดงกับคุณป้าสะใภ้ใหญ่ข้ามคืน

ของว่างชนิดนี้ไม่ใช่ของว่างขึ้นชื่อของหมู่บ้านโม่แต่อย่างใด  แต่เป็นของดีประจำบ้านเกิดของคุณยายโม่และคุณป้าสะใภ้ใหญ่ หรือบ้านเกิดของหนึ่งในสี่สาวงามซีซือ สถานที่ขึ้นชื่อเรื่องสาวงาม มีของกินเล่นขึ้นชื่อมากมาย  ขนมข้าวถั่วแดงก็เป็นหนึ่งในนั้น

หนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงงานเทศกาลผีหรือวันสารทจีนทุกปี คนในพื้นที่จะบดข้าวและต้มถั่วแดงเพื่อทำขนมข้าวถั่วแดงแสนอร่อยไว้เซ่นไหว้บรรพบุรุษ และเป็นของฝากประจำเทศกาลไว้สำหรับบรรดาญาติมิตร แต่ภายหลังเริ่มกลายเป็นของว่างอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีคนทำทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี หาซื้อได้แม้แต่กับร้านอาหารเช้า

แต่ยุคสมัยนี้ขนมข้าวถั่วแดงกลับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากไปแล้ว  โดยปกติเป็นคนทั้งครอบครัว ช่วยกันนึ่ง หนึ่งคนก่อไฟ หนึ่งคนนึ่งขนม รองผ้ากรองไว้บนตะกร้าไผ่ก่อนจะเทแป้งลงหนึ่งช้อนเพื่อนึ่งเป็นแผ่นแป้งด้วยไฟแรงสูง ก่อนจะเทถั่วแดงที่ต้มเละชั้นหนาๆ แล้วนึ่งอีกสักพัก จากนั้นเทแป้งลงอีกหนึ่งช้อน แล้วค่อยใช้ไฟแรงนึ่งจนสุกถ้วนดี เท่านี้ก็เอาออกจากหม้อได้

ขนมที่สำเร็จแล้วมีขนาดเทียบเท่ากะละมังล้างหน้าที่มีความหนาขนาดหนึ่งนิ้ว ชั้นบนชั้นล่างถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นแป้งจากข้าวสีขาวเนียน ตรงกลางเป็นถั่วแดงสีเข้ม กัดลงไปให้ความรู้สึกเหนียวหนึบ รสชาติหวานและถั่วแดงเนื้อหยาบ รสชาติดีมากจริงๆ

คุณยายโม่นึ่งอยู่ประมาณยี่สิบกว่าชิ้น วุ่นอยู่ในครัวถึงกลางดึก อาหารเช้าก็คือขนมข้าวถั่วแดง สยงมู่มู่กับอู่เชาทานไปคนละสองชิ้นถ้วน ระหว่างทางกลับปล่อยเรอออกมาไม่หยุด

เหมยเหมยที่รู้สึกเกรงอกเกรงใจสบโอกาสที่ทุกคนไม่สนใจหยดน้ำยาวิเศษลงในน้ำที่คุณยายโม่ดื่มสามหยด หวังว่าคุณยายจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างสุขสบาย

เพราะคุณยายดีกับเหยียนหมิงซุ่น เธอถึงยอมทำดีกับคุณยาย

คุณยายโม่เหลือไว้ให้ครอบครัวตัวเองเพียงไม่กี่ชิ้น ให้พวกเหมยเหมยพกส่วนที่เหลือกลับไปสิบกว่าชิ้นจนเต็มตะกร้าอย่างหนักอึ้ง เปรียบดั่งความรักที่คุณยายมีต่อเหยียนหมิงซุ่น

คุณยายส่งพวกเขาขึ้นรถแทรกเตอร์ด้วยดวงตาแดงก่ำ เหยียนหมิงซุ่นเองก็ตาแดงบ้างเล็กน้อยเพราะกลับไปครั้งนี้เขาจะไม่ได้กลับมาอีกสักพักใหญ่

คุณตาคุณยายอายุมากแล้ว โอกาสที่ได้พบเจอกันน้อยลงทุกที!

เหมยเหมยกระซิบปลอบเขาข้างหู “พี่หมิงซุ่นอย่าเศร้าไป คุณตาคุณยายพี่อายุยืนนับร้อยปีแน่ๆ”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มแต่ไม่ได้เก็บมาคิดมาก คิดว่าเหมยเหมยแค่พูดเป็นมงคลเท่านั้น

เหมยเหมยเองก็ไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อ  ในเมื่อความจริงมักเห็นผลกว่าการถกเถียง รออนาคตคุณตาโม่กับคุณยายโม่อายุร้อยปี เหยียนหมิงซุ่นไม่เชื่อคงไม่ได้

เหมยเหมยที่กลับถึงบ้านถูกจ้าวเสวียหลินด่ากราดใหญ่อย่างเดือดพล่าน “พี่บอกกับเธอว่าไง ให้เธอนอนคืนเดียวก็กลับมา แต่เธอไปอยู่ตั้งสามวัน นี่สนุกจนลืมไปเลยหรือไง!”

เหมยเหมยรู้ตัวดีว่าเป็นฝ่ายผิดจึงไม่เถียงกลับแม้แต่คำเดียว ปล่อยให้เขาด่าไป จ้าวเสวียหลินด่าไปไม่กี่ประโยคก็ทำใจด่าไม่ลง แต่ไฟโทสะต้องหาที่ระบายใช่ไหมล่ะ สยงมู่มู่กับอู่เชาซวยล่ะสิ

จ้าวเสวียหลินด่าพวกเขาทางโทรศัพท์จนสองคนเริ่มสงสัยในตัวเอง ไม่กล้าปริเสียงให้ได้ยินสักนิดเดียว

กำหนดวันไปเมืองหลวงไว้แล้วเป็นวันที่สิบเดือนเจ็ด อีกสามวันก็ออกเดินทาง วันนี้เหยียนซินหย่าพาเหมยเหมยไปเดินซื้อของเพื่อเตรียมของฝากประจำถิ่นกลับไปให้คุณปู่คุณย่าเหมยเหมย

……………………