ตอนที่ 1190

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ฉือหมิงถูกผนึกไม่ให้ปลดปล่อยพลังต่อสู้ทั้งหมดได้ ดังนั้นตอนนี้พลังต่อสู้ของเขาจึงฟื้นฟูมาอยู่ในราวๆระดับสุริยันจันทราขั้นต้นเท่านั้น

แต่ในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ พลังเท่านี้ก็ถือว่าไร้พ่ายแล้ว

ตูม!

หลิงฮันถูกโจมตีจนลอยกระเด็น โลหิตในร่างของเขาปั่นป่วนไม่ปกติ

ตอนนี้เขามีพลังต่อสู้เก้าดาวซึ่งห่างจากสิบดาวเล็กน้อย แต่ความห่างเล็กน้อยที่ว่านั้นกลับกว้างใหญ่ พลังต่อสู้เก้าดาวยังคงอยู่ในระดับของภูผาวารี… มีเพียงสิบดาวเท่านั้นถึงจะเทียบได้กับระดับสุริยันจันทรา

แม้จะเป็นอัจฉริยะดั่งปีศาจเช่นหลิงฮันก็ไม่สามารถสู้ข้ามระดับระหว่างภูผาวารีกับสุริยันจันทราได้

เขาสามารถใช้ยันต์อาคมราชสีห์คลั่งได้ก็จริง ซึ่งหากทำเช่นนั้นพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดทันทีและจะตกเป็นเป้าหมายของเจตแดนลี้ลับ

เพียงแต่ว่าต่อให้อีกฝ่ายจะมีพลังของระดับสุริยันจันทราก็ตาม ตราบใดที่ยังเป็นเพียงขั้นต่ำ อีกฝ่ายก็ทำได้เพียงทำให้เขากระอักโลหิตออกมาเท่านั้น หากจะคุกคามเขาได้จริงๆต้องเป็นพลังระดับภูผาวารีขั้นกลาง

หลิงฮันลุกขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาปัดฝุ่นตามร่างกายและยิ้ม “ก็แข็งแกร่งอยู่หรอกนะ.. แต่เท่านี้ยังไม่พอจะทำร้ายข้า!”

อะไรกัน!

ฉือหมิงตกตะลึงจนตาแทบจะถลน หลิงฮันรับการโจมตีของเขาได้ง่ายๆเช่นนี้?

นี่เป็นพลังของระดับสุริยันจันทราที่สมควรลบจอมยุทธระดับภูผาวารีทุกคนให้หายไปได้ไม่ใช่รึไง? เหตุใดหลิงฮันจึงไม่เป็นอะไรเลย?

สัตว์ประหลาด! เขาต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ๆ!

“อ้ากกก!” ฉือหมิงโอดครวญ เมื่อครู่เขาใช้การโจมตีระดับสุริยันจันทราออกไปจึงตกเป็นเป้าของผนึกเขตแดนทันที ร่างของเขาในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยโลหิต

เพียงแต่ว่าความเจ็บปวดแค่นี้เขายังคงสติเอาไว้ได้ เขาจ้องมองหลิงฮันด้วยความโกรธและจิตสังหาร

“ตาย!” เขาปล่อยการโจมตีใส่หลิงฮันด้วยร่างที่เต็มไปด้วยโลหิต เขาเผาผลาญแก่นโลหิตของตนเองเพื่อต่อต้านผนึกเขตแดนทำให้มีพลังเพียงพอกำราบหลิงฮัน

หลิงฮันส่ายหัว นอกจากตัวเขาแล้วไม่มีใครรู้ว่ากายหยาบของเขาทรงพลังเพียงใด

คิดจะใช้พลังระดับสุริยันจันทราขั้นต้นสังหารเขา?

ยังไม่เพียงพอ!

หลิงฮันนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา ตัวดาบเปล่งเปล่งประกายไปด้วยอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุดและใช้ป้องกันการโจมตีของฉือหมิง

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

การกระหน่ำโมตีของฉือหมิงทำได้เพียงส่งให้ร่างหลิงฮันลอยกระเด็น หลิงฮันบาดเจ็บอย่างมากก็แค่กระอักโลหิตออกมา แต่ในด้านของฉือหมิงนั้นเขาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่มากกว่าเดิม ผนึกเขตแดนทำให้อวัยวะภายใน กระดูก และเส้นเลือดของเขาได้รับความเสียหาย

‘ตูม’ เมื่อการโจมตีครั้งที่ยี่สิบถูกปล่อยออกไป แขนทั้งสองข้างของฉือหมิงก็ขาดออกจากไหล่พร้อมกับโลหิตที่สาดกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังของระดับสุริยันจันทรานั้นแข็งแกร่งมาก โลหิตของเขาแฝงไว้ด้วยอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว

คนของกองกำลังก่าวที่ยืนอยู่ใกลถูกโลหิตเหล่านี้สาดเข้าใส่จนร่างแหลกกลายเป็นกองโลหิต มีเพียงคนเดียวที่โชคดีรอดชีวิต

ฉือหมิงที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หลงเหลือความคิดอยู่อย่างเดียวคือต้องสังหารหลิงฮันให้ได้ ไม่ว่าร่างของเขาจะได้รับบาดเจ็บขนาดไหนแววตาก็ยังคงจ้องเขม็งไปยังหลิงฮัน

‘โพล๊ะ’ แขนที่หลุดของเขาระเบิดออกทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นจอมยุทธไร้แขน

เขายังคงไม่คิดหยุดโจมตีและใช้เท้าเตะเข้าใส่หลิงฮัน

‘โพล๊ะ โพล๊ะ’ ผ่านไปไม่นานขาของฉือหมิงก็ระเบิดเป็นกองลหิต เขาใช้พลังปราณควบคุมร่างของตัวเองให้กระแทกใส่หลิงฮันโดยหวังจะสังหารให้สิ้น

หลิงฮันรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย เหตุใดอีกฝ่ายถึงน่าเวทนายิ่งนัก?

‘โพล๊ะ!’

เขายังไม่ทันได้ตอบโต้ ผนึกเขตแดนก็ระเบิดร่างของฉือหมิง แต่แววตาของอีกฝ่ายยังคงจ้องมองหลิงฮันอยู่และปล่อยโจมตีครั้งสุดท้าย เพียงแต่ว่าการโจมตีนี้ไม่เป็นผลแม้แต่น้อยเพราะในพริบตาต่อมาหัวของเขาก็ระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อ

กองกำลังก่าวที่เหลืออยู่คนเดียวหวาดกลัวและหันหลังวิ่งหนีทันที ที่นี่อันตรายเกินไปเขาต้องหนีกลับไปยังทางเข้าเขตแดนและรอให้ปรมาจารย์สามวิถีเปิดประตูทางออก… เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อแล้ว

หลิงฮันส่ายหัวและเดินไปหาสุ่ยเยี่ยนยวี่กับหูเฟยหยิน

หากเป็นคนนิสัยอย่างก่าวฮวง การได้เหยียบย่ำอีกฝ่ายคงทำให้เขามีความสุขไม่น้อย แต่กับฉือหมิงแล้ว สภาพการตายของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกสงสารเล็กน้อยและเกิดอารมณ์บูดบึ้ง

“คนเช่นนั้นไม่มีค่าพอให้สงสารหรอก เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไร”

หลิงฮันละทิ้งความคิดฟุ้งซ่าน เขายิ้มให้กับสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินก่อนจะกล่าว “ไปกันเถอะ”

ทั้งสามคนเดินทางไปได้สักพักจู่ๆหลิงฮันก็เกิดรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายและแทงดาบลงไปที่พื้นดิน

ตูม! บริเวณพื้นดินปรากฏรอยแตกร้าวรูปใยแมงมุมทันที

“บัดซบ เมื่อครู่เจ้าเกือบจะแทงโดนรูก้นของนายท่านโสมแล้ว!” เงาสีขาวกระโดดลอยขึ้นมาจากพื้นดิน “รับฝ่าเท้าของท่านปู่ไปซะ!” เงาสีขาวโจมตีใส่หลิงฮัน

มันคือเจ้าโสมลามก!

มันตั้งใจจะดักรอซุ่มโจมตีหลิงฮันแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะหลิงฮันเป็นฝ่ายโจมตีก่อนจนเกือบจะทิ่มก้นของมัน

หลิงฮันใช้บัญญัติดาบไวโจมตีใส่โสมเฒ่า

“คิดจะจัดการนายท่านโสมยังเร็วไปหมื่นปี!” โสมเฒ่ากล่าวดูถูกและโจมตีสวนอย่างรวดเร็ว อำนาจแห่งกฎเกณฑ์แปรสภาพเป็นกระบี่ หอก และลูกศรโจมตีหลิงฮัน

“ไม่ใช่ครั้งก่อนเจ้าพูดว่าแปดร้อยปีหรอกรึ?” หลิงฮันยิ้ม

“ฮ่าๆ นั่นข้าแค่พูดเล่น!” ความเร็วของมันน่าอัศจรรย์มาก

หลิงฮันเค้นเสียงกล่าว “ถ้าไม่ยอมเข้ามาในหม้อดีๆก็อย่ากล่าวโทษว่าข้ารุนแรงแล้วกัน!”

“กล้าขู่นายท่านโสมงั้นรึ ช่างรนหาที่ตาย!” โสมเฒ่าเกรี้ยวกราดและบุกเข้าไปโจมตีระยะประชิด

หลิงฮันไม่ออมมืออีกต่อไป ‘พรึบ’ เปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของเขา รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์พัวพันไปทั่วเปลวเพลิง

“ให้ตายเถอะ สิ่งที่น่ารำคาญสำหรับนายท่านโสมที่สุดคือเปลวเพลิง!” โศมเฒ่าโอดครวฯและรีบล่าถอยกลับไปหลายสิบฟุต มันแสดงท่าทีหวาดกลัวต่อเปลวเพลิง

แม้มันจะรวดเร็ว แต่พลังธาตุไฟและน้ำแข็งเป็นสิ่งที่สามารถรั้งการเคลื่อนไหวของมันเอาไว้ได้

“โสมลามก เจ้าจงใจมาหาข้าที่นี่ทำไม?” หลิงฮันถาม

โสมเฒ่านั่งลงบนก้อนหินในท่าขัดสมาธิด้วยท่าทางอวดดีและก่อน “นายท่านโสมจะมอบโอกาสให้เจ้า”

หลิงฮันยิ้ม “โอ้ เจ้าจะมอบอะไรให้ข้ากัน? เจ้าจะเสียสละร่างของเจ้าลงมาอยู่ในหม้อสินะ”

“บัดซบ นายท่านโสมไม่ใช่ชายรักชายที่จะยอมมอบร่างกายให้เจ้า!” โสมเฒ่ากระโดดขึ้นมาทันที

หลิงฮันส่ายหัว โสมลามกต้นนี้เติบโตขึ้นในเขตแดนลี้ลับแท้ๆ เหตุใดมันถึงได้มีนิสัยก้าวร้าวเช่นนี้?

หรือว่าจะเป็นนิสัยติดตัวตั้งแต่เกิด?

“ถ้าหากเจ้าพานายท่านโสมออกไปจากเขตแดนลี้ลับด้วย นายท่านโสมจะมอบหยดหล่อเลี้ยงวิเศษให้เจ้าเล็กน้อย” โสมเฒ่ายื่นข้อเสนอ