เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1120

สีหน้าเทียนชิงหยางเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดด้วยความหงุดหงิดนิดหน่อย “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง สหายสุ่ยเข้าใจอะไรมากมายจริงๆ”

สุ่ยสือฉวนหัวเราะเบาๆ ไม่พูดอะไรอีก เขาดูออกว่าเหมือนเทียนชิงหยางไม่พอใจที่เขาพูดมาก คนจิตใจคับแคบแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเยอะอีก

ทั้งสองเดินมาถึงหน้าจวนแรก แท่นศิลาร่วงลงมาหน้าประตูจวน

ด้านบนเขียนว่า “คนคลั่งหวางเหมิ่งเกิดและตายที่นี่ อยากได้การถ่ายทอดของฉัน คำนับหัวโขกพื้นหน้าประตูก่อน 999 ครั้ง จากนั้นเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม คำนับหัวโขกพื้นอีก 9,999 ครั้ง ไม่งั้นก็ไสหัวไปซะ!”

คำพูดหยาบคายขนาดนี้ เทียนชิงหยางเห็นแล้วขมวดคิ้วทันที “นี่คือคำพูดที่เซียนบู๊ผู้ยิ่งใหญ่ทิ้งเอาไว้อย่างนั้นเหรอ ทำไมฉันคิดว่าเหมือนคำพูดของคนไร้ความรู้ตามตลาดเลยล่ะ”

สุ่ยสือฉวนหัวเราอยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “แท่นศิลาเป็นศิลาจารึกคำพูดศักดิ์สิทธิ์ของประเทศอู่อาน ตั้งใจให้ผู้แข็งแกร่งเซียนบู๊ใช้ฝากคำพูดเอาไว้ ไม่ใช่ของปลอมแน่นอน คนคลั่งหวางเหมิ่ง ฉันเคยได้ยินปู่พูด เขาเป็นคนที่ได้รับการถ่ายทอดจากเซียนบู๊ชื่อหยาง วิทยายุทธทั้งตัวเขาแข็งแกร่งดุดันมาก มือเดียวสามารถดึงภูเขาและแม่น้ำ เป็นผู้แข็งแกร่งแห่งยุค!”

เทียนชิงหยางส่ายหน้าพูด “การถ่ายทอดจากคนคลั่งหยาบคายแบบนี้ ไม่ต้องดูก็ได้”

เทียนชิงหยางสะบัดมือ แล้วเดินไปด้านบนต่อ สุ่ยสือฉวนก็ไม่อยากไปโขกหัวคำนับหน้าประตูอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินไปด้านบนต่อพร้อมกับเทียนชิงหยาง หลังจากพวกเขาออกไป กลับมีนักบู๊สิบกว่าคนพุ่งเข้ามา เอาหัวโขกพื้นดังพลั่กๆ ไม่หยุด!

เดินเป็นเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป ทั้งสองมาถึงหน้าจวนอีกแห่งหนึ่ง

ตอนนี้หน้าประตูจวนมีคนสี่คน แต่เมื่อเห็นสุ่ยสือฉวนกับเทียนชิงหยางเดินมาด้วยกัน ก็รีบหลบให้ทันที

เทียนชิงหยางเดินเข้ามาดูแท่นหิน

ลายมืองดงาม เห็นได้ชัดว่าเป็นข้อความที่เซียนบู๊หญิงทิ้งไว้

“หลุมศพเทพธิดาถูหลิง ทิ้งวิชากระบี่พลิ้วไหวไว้บนโลก”

มีคำว่าพลิ้วไหวขนาดใหญ่อยู่ด้านล่างแท่นศิลา

เห็นได้ชัดว่าความต้องการของเซียนบู๊หญิงคนนี้คือ ทำความเข้าใจคำว่าพลิ้วไหวให้ถ่องแท้เสียก่อน หลังจากนั้นค่อยถ่ายทอดวิชากระบี่

“เทพธิดาถูหลิง ที่แท้เป็นเซียนบู๊กระบี่น้ำ สหายชิงหยาง ได้โปรดอย่าแย่งกับฉันเลย ฉันต้องการการถ่ายทอดนี้!”

สุ่ยสือฉวนพูดพลาง นั่งลงหน้าแท่นศิลาทันที

เทียนชิงหยางพูดด้วยรอยยิ้ม “สหายสุ่ยหาการถ่ายทอดที่ตัวเองต้องการ ได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ น่ายินดีจริงๆ ฉันไม่แย่งกับสหายสุ่ยอยู่แล้ว การถ่ายทอดวิชากระบี่พลิ้วไหวนี้ ไม่เหมาะสมกับฉันด้วย ฉันต้องการวิชากระบี่ทะยานเมฆาของบรรพบุรุษตระกูลเทียนของฉัน”

สุ่ยสือฉวนพูดด้วยรอยยิ้ม “สหายชิงหยางห้าวหาญจริงๆ นี่คงเป็นความปรารถนาของลูกหลานตระกูลเทียนนับไม่ถ้วนสินะ ฉันขอให้สหายชิงหยางประสบความสำเร็จ!”

เทียนชิงหยางอมยิ้มแล้วหันหลังเดินไป ก่อนไปยังพูดกับสี่คนที่ยืนบื้ออยู่ข้างๆ ว่า “จะยืนอยู่ทำไมล่ะ พวกนายจะรบกวนการฝึกฝนอย่างสงบของสหายสุ่ยเหรอ”

ทั้งสี่คนแอบกัดฟัน แต่เมื่อมองเทียนชิงหยาง แล้วมองสุ่ยสือฉวน ก็ทำได้เพียงเดินออกไปด้วยความจำใจ

เทียนชิงหยางเงยหน้ามองยอดเขา เขารู้ว่าจวนของบรรพบุรุษตระกูลเทียนอยู่ที่นั่น ตอนนี้เขาต้องไปดูให้เต็มตา

คนที่ทำเหมือนกับเขา หานหยวนหนิงก็มาถึงหน้าจวนแห่งหนึ่งเช่นกัน จวนมืดไร้แสง เหมือนไร้การถ่ายทอดไปนานแล้ว

“สุสานจิ่วหวาผู้เป็นอิสระ ไม่มีการถ่ายทอด ไม่ชอบก็ไม่ต้องเข้ามา!”

หานหยวนหนิงดูตัวอักษรบนแท่นศิลา แล้วยิ้มบางๆ

“เซียนบู๊จิ่วหวา หาท่านมานานแล้ว ให้ผมเก็บการถ่ายทอดของท่านไว้เถอะ ความปรารถนาสุดท้ายของท่าน ผมจะไม่ทำให้ผิดหวัง!”

เมื่อพูดเช่นนี้ หานหยวนหนิงเอากระบี่หักเล่มหนึ่งออกมากดลงบนหิน

วินาทีต่อมา แท่นศิลาสว่างขึ้น ตัวอักษรด้านบนหายไปทันที

หลังจากนั้นภายใต้การมุงดูของนักบู๊สิบกว่าคนข้างๆ ประตูจวนเปิดออกเสียงดัง จากนั้นดึงหานหยวนหนิงเข้าไปทันที!