“ช่างเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย ที่พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อยืมโลกวิญญาณของเจ้าฟื้นพลังจิตวิญญาณ เจ้ายินดีต้อนรับไหมล่ะ?” ฉินเกอพูดด้วยรอยยิ้ม
จ้าววิญญาณส่ายหัวและยิ้ม “ทำไมจะไม่ล่ะ? ยินดีต้อนรับไม่ทันด้วยซ้ำ”
“งั้นก็รบกวนหน่อยนะ” ฉินเกอยิ้ม
เพื่อนเก่าทั้งสองได้กลับมาพบกัน ความรู้ใจที่พวกเขามีต่อกันทำให้เข้าใจกันได้โดยไม่ต้องพูด
“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนกันเถอะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราค่อยมาหารือรายละเอียดกัน” ฉินเกอยืนขึ้นและกล่าวลา จากนั้นเขาก็จากไปพร้อมหลงจิ่วและซือถูเหิง
หลังจากนั้นไม่นาน จ้าววิญญาณก็กลับไปเช่นกัน งานเลี้ยงสิ้นสุดลงอย่างช้าๆ เมื่อผู้คนเริ่มกลับไปมากขึ้น จวินอู๋เสียกลับไปที่พักของนางซึ่งจ้าววิญญาณได้จัดไว้ให้โดยมีพวกเฉียวฉู่ล้อมรอบนาง หลังจากที่พวกเขากลับไปพักผ่อนที่ห้องของตน จวินอู๋เสียก็เดินออกจากห้องของนาง นางมองดูโลกวิญญาณที่คุ้นเคยด้วยแววตาเย็นชาและเศร้าซึม เสี่ยวเฮยแปลงร่างเป็นแมวดำอีกครั้งและกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของจวินอู๋เสีย จากนั้นก็มองไปรอบๆด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“เราจะไปตอนนี้เลยไหม?” เจ้าแมวดำถามพลางแกว่งหางไปมา
จวินอู๋เสียไม่ตอบ แต่ทันใดนั้น ร่างของนางก็แวบหายไปจากตรงที่ยืนอยู่ในชั่วพริบตา
ในวังจ้าววิญญาณ แม้ว่าควรเป็นเวลาพักผ่อน แต่กลับมีคนหลายคนอยู่ในห้องโถงใหญ่ของวัง ฉินเกอ หลงจิ่ว และซือถูเหิงที่ออกจากงานเลี้ยงเป็นกลุ่มแรกกำลังยืนอยู่ในห้องโถง จ้าววิญญาณที่มีสีหน้าจริงจังเงยหน้าขึ้นมองไปยังทางเข้าของห้องโถงใหญ่ ไม่นาน ร่างของจวินอู๋เสียก็ปรากฏขึ้นในสายตาของทั้งสี่คน
“มาแล้วหรือ?” ฉินเกอมองจวินอู๋เสียพร้อมกับยิ้ม
จวินอู๋เสียพยักหน้าให้เขา ระหว่างงานเลี้ยงเมื่อครู่ พวกฉินเกอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงความผิดปกติของร่างกายนาง แต่กลับขอออกจากงานเลี้ยงก่อน ในตอนนั้นทั้งจ้าววิญญาณและจวินอู๋เสียต่างก็คาดเดาได้ถึงความตั้งใจของฉินเกอ
“คุยกับคนฉลาดนี่ง่ายกว่าจริงๆ” ฉินเกอหัวเราะ จ้าววิญญาณกับเขารู้จักกันมานานหลายปี จ้าววิญญาณย่อมเข้าใจการกระทำของเขาอย่างแน่นอน แต่การที่จวินอู๋เสียก็เข้าใจความตั้งใจของเขาด้วยนั้น ทำให้เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันง่ายจริงๆ
“เรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าไม่สะดวกใจที่จะพูดเมื่อกี้?” จ้าววิญญาณขมวดคิ้ว เขารู้ถึงความตั้งใจของฉินเกอที่ออกมาก่อน แต่เขาคิดแค่ว่าเพราะฉินเกอมีบางอย่างจะพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว ไม่คิดว่าจวินอู๋เสียจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
สีหน้าของฉินเกอจริงจังขึ้น เขามองไปที่จวินอู๋เสีย เมื่อเห็นนางพยักหน้าให้ เขาก็พูดกับจ้าววิญญาณว่า “พวกเรามาที่โลกวิญญาณ อย่างแรกคือมาฟื้นพลังจิตวิญญาณของพวกเรา อย่างที่สองคือมีเรื่องสำคัญที่ต้องการให้เจ้าช่วย”
“หือ? เรื่องอะไรหรือ?” จ้าววิญญาณถาม
ฉินเกอหรี่ตา รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาจางหายไป
“ตอนที่พวกเราพบคุณหนูจวิน พวกเราได้ตกลงกันว่าเราจะช่วยนางแก้แค้น หลังจากนางแก้แค้นสำเร็จ นางจะคืนเมล็ดของต้นวิญญาณให้พวกเรา ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้แล้วว่าพลังจิตวิญญาณของคุณหนูจวินแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อห้าปีก่อน ใช่ไหม?”
จ้าววิญญาณพยักหน้า เป็นความจริงที่พลังจิตวิญญาณของจวินอู๋เสียแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า แต่จ้าววิญญาณก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ พอฉินเกอพูดถึงมันขึ้นมา เขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าพลังจิตวิญญาณของจวินอู๋เสียนั้นพัฒนาเร็วเกินไปจริงๆ
“ความจริงแล้ว จุดประสงค์ที่สองของเราในการมาที่นี่ก็เพื่อมาถามเจ้าว่าเจ้าสามารถทำให้พลังจิตวิญญาณและพลังวิญญาณของคุณหนูจวินที่ใช้วิธีฝึกของดินแดนแห่งวิญญาณมีความเสถียรขึ้นได้รึเปล่า” ฉินเกอพูด
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” จ้าววิญญาณสังหรณ์ว่ากำลังจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น พลังจิตวิญญาณและพลังวิญญาณเอามาพูดรวมกันได้เมื่อไร?