บทที่ 1837 ราชันมังกรรับสมัครฟางหยวน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1837 ราชันมังกรรับสมัครฟางหยวน

 

ราชันมังกรถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต

 

แต่การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับราชันมังกร

 

ย้อนกลับไปฟางหยวนเคยใช้ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตโจมตีจักรพรรรดินีอสูรสายฟ้าในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและทําให้นางเสียชีวิตทันที ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิต ฟางหยวนรวมถึงเทพธิดาจื่อเว่ย เฉินอี้ และฟงจิวเก้อยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเสียชีวิต

 

แต่ครั้งนี้ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตกลับไม่ส่งผลกระทบต่อราชันมังกร สิ่งนี้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของฟางหยวน

 

อย่างไรก็ตามเขายังตอบสนองอย่างรวดเร็ว “ฟางหยวนมอบมันให้ข้า แต่ดูเหมือนมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?”

 

ราชันมังกรตอบ “ครั้งหนึ่งข้าเคยใช้ท่าไม้ตายอมตะมังกรสวรรค์ อายุขัยของข้าจะลดลงเรื่อยๆขณะที่ความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน นี่เป็นเหมือนผู้อมตะที่ใช้วิธียืดอายุขัยมามากเกินไป มันทําให้วิญญาณอายุยืนใช้ไม่ได้ผล ท่าไม้ตายอมตะมังกรสวรรค์ของข้าทําให้วิธียืดอายุขัยอื่นๆหยุดทํางานกับข้า”

 

“การขโมยชีวิตก็เป็นเพียงวิธีที่จะส่งอิทธิพลต่อร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เกี่ยวกับอายุขัย นี่อาจเป็นสาเหตุที่มันล้มเหลว”

 

“เป็นเช่นนั้น” ฟางหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “กลอุบายดังกล่าวใช้ไม่ได้กับเจ้า แต่มันค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการต่อต้านผู้อมตะของวังสวรรค์ ข้าจะเก็บมันไว้สําหรับอนาคต”

 

การแสดงออกของราชันมังกรกลายเป็นมืดครื้ม เขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

แม้ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตจะใช้ไม่ได้ผลกับเขา แต่มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสมาชิกวังสวรรค์ส่วนใหญ่

 

ในสถานการณ์ปัจจุบันฟางหยวนล้มเหลวในการเอาชนะราชันมังกรเนื่องจากการเข้าแทรกแซงของซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้ง ราชันมังกรตระหนักว่าสิ่งนี้น่าจะเกิดจากการเปลี่ยนโชคของฉินติงหลิงและการคงอยู่ของฟางเลิ้ง

 

อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากหากราชันมังกรต้องการทําลายวิญญาณอมตะขโมยชีวิต

 

เขาต่อสู้กับฟางหยวนมาเป็นเวลานาน เขารู้ว่าบรรพชนทะเลปราณแข็งแกร่งมาก คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดทั่วไป มันเป็นไปได้ที่จะเอาชนะ แต่การสังหารเขาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

ราชันมังกรไม่สามารถสร้างเขตแดนอมตะในเวลานี้ เขาไม่สามารถกักขังบรรพชนทะเลปราณ ในเวลาเดียวกันสองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกก็เฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ

 

ดังนั้นหลังจากถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต ราชันมังกรจึงไม่เคลื่อนไหว

 

เขากล่าวกับฟางหยวนอย่างอบอุ่น “ทะเลปราณ ดังคํากล่าวที่ว่ามิตรภาพมักเกิดขึ้นหลังการต่อสู้ เจ้าไม่สามารถเอาชนะข้า แต่ข้าก็ไม่สามารถทําสิ่งใดเจ้าเช่นกัน ความจริงก็คือเหตุใดเราต้องต่อสู้เป็นตาย?”

 

ฟางหยวนคิดก่อนกล่าว “ราชันมังกร เจ้าต้องการสงบศึกลั้นหรือ?”

 

เขาเข้าใจเจตนาของราชันมังกรและรู้สึกชื่นชมเล็กน้อย

 

เขาคิด “ราชันมังกรถูกข้าซุ่มโจมตี เขามีสถานะสูงส่ง ความแข็งแกร่งของเขาอยู่บนจุดสูงสุด แต่เขากลับไม่ยโส เขาสามารถรักษาความสงบและเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน เมื่อเขาตระหนักว่าการหยุดสู้รบมีประโยชน์มากกว่า เขาก็หยุดต่อสู้ทันที บุคคลที่สามารถควบคุมตนเองเช่นนี้ เป็นคนที่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง”

 

แม้ฟางหยวนจะคิดเช่นนี้แต่เขากล่าวอีกอย่าง “นั่นเป็นเพราะวังสวรรค์มารบกวนและยั่วยุข้า ข้าไม่ต้องการต่อสู้กับผู้ใด ข้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่วังสวรรค์ของเจ้าโลภมากเกินไป เจ้าต้องการกลืนกินทั้งห้าภูมิภาคและรวมโลกเป็นหนึ่ง ข้าเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจึงใช้อุบายหลอกลวงข้าและรวบรวมผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากเพื่อปิดล้อมและโจมตีข้า”

 

ราชันมังกรได้ยินเรื่องนี้และรู้สึกหมดหนทาง

 

เขารู้สึกราวกับถูกกล่าวหา วังสวรรค์ยังไม่ได้ทําสิ่งใดในเวลานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อบรรพชนทะเลปราณ แต่เขาไม่สามารถตําหนิฝ่ายตรงข้าม นั่นเป็นเพราะมันมีแนวโน้มที่วังสวรรค์จะทําเช่นนั้นในอนาคตจริงๆ

 

“นี่อาจเป็นเรื่องโกหกของฟางหยวน” ราชันมังกรกล่าว “แม้มันจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้า แต่ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น ในกรณีที่เรารู้แล้ว เหตุใดเราไม่เปลี่ยนมัน?”

 

ฟางหยวนหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? วังสวรรค์ของเจ้าไม่ได้ประกาศว่าตนเองเป็นผู้นําฝ่ายธรรมะงั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจะทําตามเจตจํานงสวรรค์และพยายามทุกวิถีทางเพื่อซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมเช่นนั้นหรือ? เจ้าต้องการเปลี่ยนอนาคต นั่นไม่ใช่การพยายามเปลี่ยนชะตากรรมงั้นหรือ?”

 

ฟางหยวนแสร้งทําเป็นไม่รู้ นี่เป็นข้อกล่าวหาที่เจ้าเล่ห์

 

ราชันมังกรยิ้ม “วังสวรรค์ทําตามเฝ้าสวรรค์ เราต้องการซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม แต่เต๋าสวรรค์ต้องการให้มนุษย์ปกครองโลก ชะตากรรมของเราคือการปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทะเลปราณ เราไม่เคยมีความแค้น เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและไม่รวบกวนกัน”

 

ราชันมังกรกล่าวอย่างจริงจัง

 

ที่ขอบสนามรบ การแสดงออกของสองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกเปลี่ยนแปลงไป เมื่อได้ยินเรื่องนี้

 

เฉินกงเจิ้งอ้าปากค้างด้วยความตกใจขณะที่การแสดงออกของซ่งฉีหยวนกลายเป็นน่าเกลียด

 

เดิมที่เมื่อพวกเขาตระหนักถึงการคงอยู่ของบรรพชนทะเลปราณซึ่งเป็นบุคคลที่สามารถต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียมกับราชันมังกร พวกเขามีความสุขมาก

 

ท่ามกลางห้าภูมิภาค ทะเลตะวันออกมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ที่สุด แต่ผู้อมตะไม่สามารถรวมตัวกัน พลังการต่อสู้ของพวกเขาแตกต่างกันมาก

 

เมื่อเส้นโลหิตปฐพีเคลื่อนไหว ร่องลึกใต้พิภพใหม่ถือกําเนิดขึ้นตลอดเวลา กําแพงภูมิภาคอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งห้าภูมิภาคจะรวมเป็นหนึ่งในอนาคต นี่ไม่ใช่ความลับสําหรับทุกคนในเวลานี้

 

เมื่อห้าภูมิภาครวมเป็นหนึ่ง อีกสี่ภูมิภาคต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ร้ายแรงจากภาคกลาง

 

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของกองกําลังใหญ่ พวกเขาสามารถมองเห็นภัยคุกคามในอนาคตได้อย่างชัดเจน

 

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากบรรพชนทะเลปราณต่อสู้กับวังสวรรค์ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อกองกําลังของทะเลตะวันออก

 

ประการแรก บรรพชนทะเลปราณมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น เขาสามารถต่อสู้กับราชันมังกรได้อย่างเท่าเทียม

 

ประการที่สอง บรรพชนทะเลปราณเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาไม่ปรากฏตัวมานานหลายปี นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความทะเยอทะยาน เขาอยู่เพียงลําพัง เขาสามารถเข้าร่วมกับทุกกองกําลังที่เขาต้องการ

 

ประการสุดท้าย บรรพชนทะเลปราณบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ เส้นทางสายนี้เสื่อมถอยมานานหลายปี ในแง่ของทรัพยากรการบ่มเพาะ มันไม่มีความขัดแย้งกับกองกําลังอื่นๆที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

 

“เป็นพันธมิตรกับวังสวรรค์งั้นหรือ?” ฟางหยวนแสร้งตกตะลึง เขาหยุดเคลื่อนไหวและเก็บกลิ่นอาย

 

ราชันมังกรกล่าวต่ออย่างกระตือรือร้น “ทะเลปราณ ความขัดแย้งระหว่างเราสามารถแก้ไขด้วยสันติวิธี เกี่ยวกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าในอนาคต วังสวรรค์ของเราจะชดเชยให้เจ้า”

 

ราชันมังกรเป็นคนมีประสบการณ์ ตอนนี้เขาเลือกกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและแสดงความใจกว้างออกมา

 

“เจ้าทําไม่ได้!” เฉินกงเจิ้งไม่สามารถควบคุมตนเองอีกต่อไป เขารีบบินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

ซ่งฉีหยวนตามไปอย่างใกล้ชิด “วังสวรรค์มีรากฐานที่ล้ําลึก สิ่งที่เรียกว่าการชดเชยไม่มีนัยสําคัญกับพวกเขา พวกเขามีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้พวกเขาเพียงต้องการทําให้สถานการณ์เกิดเสถียรภาพ ผู้อาวุโส ท่านไม่สามารถไว้ใจพวกเขา!”

 

“ถูกต้องแล้ว ผู้อาวุโส ก่อนหน้านี้เรารีบร้อนทําลายแผนการของท่าน ตอนนี้เราเสียใจอย่างสุดซึ้ง” เฉินกงเจิ้งเร่งกล่ว

 

“นอกจากนี้ข้อตกลงพันธมิตรก็เป็นเพียงเรื่องโป้ปด ข้อตกลงสามารถทําลายหากมีเวลาเพียงพอ วังสวรรค์ไม่สามารถเชื่อถือ” ซึ่งฉีหยวนกล่าวเสริม

 

ทั้งสองกล่าวราวกับตนเองเป็นผู้น้อยหลังจากเห็นความแข็งแกร่งที่ไม่น่าเชื่อของฟางหยวน

 

ฟางหยวนมีความสุขอยู่ในใจ เขาเข้าใจความคิดของคนทั้งสอง

 

ราชันมังกรพยักหน้า “แท้จริงแล้วในระดับของพวกเรา ข้อตกลงไม่สามารถผูกมัดพวกเรา จริงๆ สหายทะเลปราณมีวิญญาณอมตะขโมยชีวิต เจ้าต้องรู้ถึงคุณค่าของมัน ด้วยการคงอยู่ของสิ่งนี้ จุดอ่อนของวังสวรรค์จะอยู่ในกํามือของเจ้า นี่คือรากฐานของพันธมิตรระหว่างเรา แล้วเหตุใดเราจึงต้องทําลายข้อตกลง?”

 

ฟางหยวนประเมินราชันมังกรอย่างลึกซึ้ง ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนเห็นพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวของราชันมังกรมาแล้ว แต่ผู้ใดจะคิดว่าคนผู้นี้จะมีวาทศิลป์ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ความสามารถของเขาไม่ด้อยกว่าผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

 

ตามความเข้าใจของราชันมังกร วิญญาณอมตะขโมยชีวิตและท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตถูกมอบให้บรรพชนทะเลปราณโดยฟางหยวนเพื่อจัดการเขา แต่ตอนนี้ราชันมังกรกลับใช้สิ่งนี้เพื่อโน้มน้าวให้บรรพชนทะเลปราณเป็นพันธมิตร

 

ฟางหยวนเงียบ

 

เขาเข้าใจแผนการของราชันมังกร บรรพชนทะเลปราณไม่ใช่ปีศาจต่างโลก ตราบเท่าที่วิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้น เขาจะไม่สามารถทําสิ่งใด เขาต้องเข้าร่วมกับวังสวรรค์เพื่อความอยู่รอด กองกําลังอื่นไม่สามารถดึงตัวตนระดับบรรพชนทะเลปราณให้เข้าร่วม มีเพียงกองกําลังอันดับหนึ่งเช่นวังสวรรค์เท่านั้นที่มีพื้นฐานนี้

 

สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกกังวลมาก

 

ทั้งสองไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเข้าใจสถานการณ์

 

ฟางหยวนยิ้มอยู่ในใจขณะมองราชันมังกรโดยไม่กล่าวสิ่งใด

 

ราชันมังกระดับแปดของทะเลตะวันออกด้วยสายตาเย็นชาและกดดัน

 

แต่ซ่งฉีหยวนกับเฉินกงเลิ้งไม่กลัว

 

แม้พวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันมังกร แต่ในชีวิตก่อนหน้า พวกเขายังกล้าต่อสู้เพื่อวังมังกร

 

นี่ไม่เกี่ยวกับความกล้าหาญแต่เกี่ยวกับผลประโยชน์

 

ท่าทีของบรรพชนทะเลปราณสําคัญเกินไป พวกเขาต้องกล่าวบางคํา

 

เฉินกงเจิ้งเผยรอยยิ้มเย็นชา “ท่านราชันมังกร เหตุใดท่านไม่ให้พวกเรากล่าวบางคํา? พวกเราทําให้ท่านปวดหัวงั้นหรือ?”

 

ซ่งฉีหยวนกล่าวเสริม “ผู้อาวุโส นี่คือทัศนคติของวังสวรรค์ พวกเขาเป็นคนเอาแต่ใจ”

 

ราชันมังกรหัวเราะ “หากไม่ใช่เพราะวังสวรรค์ มนุษย์จะมีทุกวันนี้ได้อย่างไร? แม้เจตจํานงสวรรค์จะมีอิทธิพล แต่มันจะมีอิทธิพลมากเพียงใด? มันสามารถฆ่าพวกเจ้าโดยตรงหรือไม่? หากเจตจํานงสวรรค์มีพลังดังกล่าว เราคงสามารถรวบรวมห้าภูมิภาคเป็นหนึ่งมานานแล้ว เหตุใดเราต้องรอมาถึงตอนนี้?”

 

“ณ จุดนี้ข้าจะเพิ่มข้อเสนอ สหายทะเลปราณ เหตุใดเจ้าไม่เข้าร่วมกับวังสวรรค์ของเรา หลังจากบ่มเพาะอย่างสันโดษมานานหลายปี เจ้าได้รับความแข็งแกร่งระดับนี้ นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเจ้า เจ้าต้องเข้าใจความเจ็บปวดของผู้บ่มเพาะสันโดษเป็นอย่างดี กล่าวถึงภัยพิบัติ มีกี่คนบนโลกใบนี้ที่สามารถช่วยเหลือเจ้า ในทะเลตะวันออกมีผู้ใดอยู่ระดับเดียวกับเจ้า? เจ้าสามารถพึ่งพาคนเหล่านั้นงั้นหรือ? แท้จริงแล้วสองคนนี้ถึงกับทําลายเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณของเจ้า”

 

“หากเจ้าเข้าร่วมกับวังสวรรค์ ข้าสามารถช่วยเจ้าเกี่ยวกับภัยพิบัติ แม้ข้าจะทําไม่ได้ แต่สุสานอมตะของวังสวรรค์ยังมีผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่จําศีลอยู่นับไม่ถ้วน เรามีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นเทพธิดาจื่อเว่ย นางครอบครองกระดานหมากรุกกลุ่มดาว นางสามารถช่วยอนุมานเส้นทางแห่งพลังปราณเสื่อมถอยลงแล้ว แต่วังสวรรค์มีมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิด หากเจ้าทําผลงานได้ดี เจ้าอาจได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดในอนาคต!”