บทที่ 1838 ต่อสู้เพื่อฟางหยวน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1838 ต่อสู้เพื่อฟางหยวน

 

ราชันมังกรยื่นข้อเสนอครั้งใหญ่!

 

แต่ไม่มีผู้ใดแปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเห็นได้ชัด ทัศนคติของเขาอาจส่งผลกระทบต่อทะเลตะวันออกและกระทั่งภาคกลาง

 

นี่คือคุณค่าของเขา ในโลกของผู้ใช้วิญญาณ ความแข็งแกร่งสำคัญที่สุด

 

ซ่งฉีหยวนกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาหัวเราะเสียงเย็น “ท่านราชันมังกร ท่านช่างไร้ยางอายนักก่อนหน้านี้ท่านต่อสู้กับผู้อาวุโสทะลปราณอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ตอนนี้ท่านกลับต้องการรับสมัครเขา ผู้ใดจะเชื่อคำกล่าวของท่าน”

 

ราชันมังกรเผยรอยยิ้มบาง “จะเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล พวกเจ้าทั้งสองไม่เชื่อข้าเพราะพวกเจ้าเกรงว่าวังสวรรค์จะฉกฉวยผลประโยชน์ของพวกเจ้า พวกเจ้าทั้งสองมีกองกำลังและอาณาเขตของตนเอง พวกเจ้าเป็นเจ้าของทะลมากมายและต้องปกป้องกองกำลังของพวกเจ้า แต่ทะเลปราณอยู่เพียงลำพัง เขาไม่เหมือนพวกเจ้า”

 

“น่าขัน ผู้อาวุโสทะเลปราณเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออก หากเขาเข้าร่วมกับวังสวรรค์ เขาจะถูกพวกเจ้าโดดเดี่ยวและถูกกีดกันอย่างแน่นอน!” เฉินกงเจิ้งตะโกน

 

“โดดเดี่ยวและกีดกันงั้นหรือ?” ราชันมังกรมองเฉินกงเจิ้งด้วยสายตารังเกียจ “ด้วยหัวใจที่คับแคบเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ตระกูลเฉินไม่เคยทำสิ่งสำคัญหลังจากที่เจ้าเป็นผู้นำมานานหลายปีระบบนิกายยอมรับคนนอกเป็นอย่างมาก เรามองเพียงพรสวรรค์ สำหรับเรื่องของภาคกลางกับทะเลตะวันออก? อีกไม่นานห้าภูมิภาคจะรวมเป็นหนึ่ง ทุกคนบนโลกใบนี้จะอยู่ในภูมิภาคเดียวกันทั้งหมด”

 

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งเงียบ

 

อย่างไรก็ตามแม้คำกล่าวของราชันมังกรจะมีเหตุผลแต่ฟางหยวนจะเข้าร่วมกับวังสวรรค์ได้อย่างไร

 

หากราชันมังกรรู้ว่าเขากำลังคุยกับฟางหยวน ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะแสดงออกอย่างไร

 

เฉินกงเจิ้งต้องการกล่าวอีกครั้ง เขายังไม่ยอมแพ้

 

ราชันมังกรก่นเสียงเย็น “ตระกูลเล็กๆของเจ้าต้องการยึดครองบางส่วนของโลกใบนี้สั้นหรือ? ความทะเยอทะยานของคนผู้หนึ่งต้องพอดีกับกำลังของตน มิฉะนั้นเจ้าจะดึงดูดปัญหาในอนาคตแท้จริงแล้วข้าสามารถทำหน้าที่เป็นปัญหานั้นในขณะนี้และมอบสิ่งที่สมควรแก่ตระกูลเฉินของเจ้า”

 

เฉินกงเจิ้งทั้งโกรธและตกใจเมื่อถูกคุกคาม แต่เขาไม่โต้ตอบ เขามาที่นี่เพื่อโน้มน้าวบรรพชนทะเลปราณ เขาไม่ต้องการยั่วยุวังสวรรค์ มิฉะนั้นเมื่อสงครามห้าภูมิภาคเริ่มขึ้น ตระกูลเฉินจะกลายเป็นตัวหมากเบี้ยที่ถูกสังเวยซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

 

ซ่งฉีหยวนตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถแสดงความอ่อนแอออกมาในเวลานี้ เขาป้องหมัดขึ้น “ราชันมังกร ในฐานะผู้อมตะภาคกลาง ท่านกำลังคุกคามผู้อมตะระดับแปดสามคนของทะเลตะวันออก ท่านต้องการยั่วยุพวกเราจริงๆงั้นหรือ?”

 

ฟางหยวนกันเสียงเย็นและแสดงออกด้วยท่าทางน่าเกลียด “ข้าคุ้นเคยกับน้ำเสียงนี้เช่นกันในอนาคตเมื่อผู้อมตะของวังสวรรค์โจมตีข้า พวกเจ้าจะใช้น้ำเสียงนี้ พวกเขาคิดว่าตนเองเป็นผู้ปกครองโลกและทุกคนต้องยอมจำนนต่อพวกเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข

 

เฉินกงเจิ้งและซ่งฉีหยวนรู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้

 

สถานการณ์กลายเป็นแปลกประหลาด ก่อนหน้านี้ราชันมังกรต่อสู้กับฟางหยวนอย่างดุเดือดแต่ตอนนี้ราชันมังกรและสองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกกลับกำลังต่อสู้เพื่อฟางหยวน

 

ฟางหยวนมีความสุขที่ได้เห็นสถานการณ์นี้ เขายืนอยู่ตรงกลางเฝ้ามองทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันและจะก้าวออกไปช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่อ่อนแอกว่าในจังหวะที่เหมาะสม

 

“นี่เป็นโอกาสที่หายากจริงๆ หากข้าจัดการเรื่องนี้ได้ดี บางทีตระกูลเฉินและตระกูลซึ่งอาจกลายเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์

 

ฟางหยวนตัดสินใจที่จะหว่านความไม่ลงรอย เขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความขัดแย้งและส่งอิทธิพลต่อโลกผู้อมตะของทะเลตะวันออกทั้งหมด

 

ราชันมังกรรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของบรรพชนทะเลปราณ

 

เขาไม่รำคาญบรรพชนทะลปราณแต่เป็นฟางหยวน

 

“ปีศาจฟางหยวนมีเจตนาร้าย เขาเก่งในเรื่องวางแผนล่อลวง หากบรรพชนทะเลปราณช่วยเขา เรื่องนี้จะแย่ลง

 

“สหายทะเลปราณ” ราชันมังกรคิดก่อนกล่าว “หากมีผลประโยชน์ร่วมกัน เราก็สามารถทำงานร่วมกัน หากเราทำร้ายกัน เราก็จะเป็นศัตรู คนเหล่านี้พยายามหว่านความขัดแย้งและใช้เจ้าเป็นเหงื่อสังเวช”

 

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่จริงจัง เขาไม่ได้สัญญาว่าจะให้รางวัลและยังชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของวังสวรรค์

 

ในทางตรงข้ามเมื่อเห็นบรรพชนทะเลปราณสนับสนุนพวกเขา สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกก็กล้าที่จะตอบโต้มากกว่าก่อนหน้า

 

ฟางหยวนเฝ้ามองทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันด้วยวาจา หลังจากชั่วครู่บรรยากาศก็ร้อนแรงมากขึ้นคำกล่าวของพวกเขากลายเป็นแข็งกร้าวมากขึ้น

 

ฟางหยวนสังเกตการแสดงออกของราชันมังกรและตระหนักว่าราชันมังกรเริ่มร้อนรน “เหตุใดข้าจะไม่รู้ว่ามันเป็นแผนการของฟางหยวน? แต่เด็กผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจ เขาสัญญากับข้าหลายสิ่งเขายังมอบมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าให้ข้า แม้ข้าจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณแต่ข้าก็มีบุตรหลานอยู่ในมิติช่องว่างของข้า มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะเตรียมการล่วงหน้าสำหรับพวกเขา”

 

ฟางหยวนกล่าวถ้อยคำที่ไร้ยางอายออกมาโดยไม่กระพริบตา

 

ราชันมังกรตระหนักว่าฟางหยวนพยายามรับสมัครบรรพชนทะเลปราณเช่นกัน

 

แต่นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก บรรพชนทะเลปราณผู้นี้แข็งแกร่งมาก ในสถานการณ์ที่ไม่มีผู้อมตะระดับเก้า แทบไม่มีผู้ใดสามารถคุกคามเขา กระทั่งราชันมังกรก็ยังอยู่ในระดับเดียวกับเขาเท่านั้นแม้ท่าไม้ตายอมตะของบรรพชนทะเลปราณอาจไม่งดงามหรือซับซ้อนมากนักแต่เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งที่ไร้สาระมาก มันเป็นเรื่องลึกลับอย่างแท้จริงที่คนผู้หนึ่งสามารถบ่มเพาะได้ถึงระดับ

 

ราชันมังกรหัวเราะ “ฟางหยวนเป็นเพียงคนโชคดี เขาเป็นตัวหมากเบี้ยชั้นต่ำที่คิดจะใช้ประโยชน์จากเจ้า ในแง่ของรากฐาน เขาจะเปรียบเทียบกับวังสวรรค์ได้อย่างไร?”

 

“ทะเลปราณ หากเจ้าเข้าร่วมกับวังสวรรค์ เจ้าไม่จำเป็นต้องสละมิติช่องว่างของเจ้า เจ้าสามารถเก็บมันไว้ เอาล่ะ ยังไม่ต้องกล่าวถึงการเข้าร่วมกับวังสวรรค์ในตอนนี้ ข้าเพียงต้องการแสดงความจริงใจ ในอนาคตหากเจ้าต้องการเข้าร่วมกับพวกเรา ข้าจะเชิญเจ้าอย่างเปิดเผย”

 

“ตั้งแต่เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ วังสวรรค์ของข้าก็ยินดีจัดหาทรัพยากรระดับแปดบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่สูญพันธุ์ไปแล้วตลอดจนมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งพลังปราณให้เจ้า”

 

ราชันมังกรตัดสินใจที่จะค่อยๆโน้มน้าวบรรพชนทะเลปราณ

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้

 

เส้นทางแห่งพลังปราณเสื่อมถอยไปแล้ว อาจมีเพียงวังสวรรค์เท่านั้นที่สามารถเก็บทรัพยากรจากอดีตกาลเอาไว้

 

กองกำลังอื่นไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์ พวกเขาจะไม่เก็บสมบัติดังกล่าวเอาไว้

 

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งเห็นฟางหยวนถูกล่อลวง พวกเขารีบร้อนกล่าว “ผู้อาวุโสทะเลปราณท่านรู้ว่าราชันมังกรมาที่ทะเลตะวันออกอย่างลับๆเพราะเขาต้องการวังมังกร เราพึ่งจับฟางเลิ้งได้ก่อนหน้านี้ เราค้นวิญญาณของเขาและได้รับข้อมูลมากมาย”

 

“ถูกต้อง ราชันมังกรเพียงต้องการสร้างเสถียรภาพในเวลานี้เพื่อนำวังมังกรกลับไป เมื่อภารกิจของเขาประสบความสำเร็จ ผู้ใดจะรู้ว่าทัศนคติของเขาจะเป็นอย่างไร?” ซ่งฉีหยวนเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ

 

ฟางหยวนรู้สึกมีความสุข “วังมังกรเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งย่อมกังวลมากและต้องการหยุดราชันมังกร

 

แต่ภายนอกฟางหยวนยังแสดงออกด้วยท่าทางจริงจัง “ข้ารู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับวังมังกรข้ายังได้รับมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าจากฟางหยวน เราทำข้อตกลงกัน ราชันมังกร หยุดอยู่ที่นี่หากเจ้าต้องการแสดงความจริงใจ เราสามารถสงบศึก ข้าจะไม่เอาความเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตของชีวิตก่อนหน้า มิฉะนั้นแม้ข้าจะไม่สามารถเอาชนะเจ้า แต่ข้าก็จะเป็นฝ่ายไปเยี่ยมภาคกลางก่อน”

 

ราชันมังกรคิด “บรรพชนทะเลปราณผู้นี้ดูเหมือนเยือกเย็นแต่แท้จริงแล้วเขามีบุคลิกที่ไร้ยางอาย”

 

ฟางหยวนกล่าวว่าเขาจะไปเยี่ยมภาคกลาง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ไปเพื่อเยี่ยมชม

 

วังสวรรค์มีอาณาเขตกว้างใหญ่ พวกเขาไม่ต้องการให้ตัวตนเช่นบรรพชนทะเลปราณไปสร้างหายนะ

 

บรรพชนทะเลปราณเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาแข็งแกร่งมาก วังสวรรค์ไม่มีวิธีจัดการกับเขาอย่างมีประสิทธิภาพ

 

สำหรับคนอื่นๆหรือฟางหยวนที่วังสวรรค์คิดว่าเขายังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด ราชันมังกรไม่รู้สึกว่าคนเหล่านี้เป็นภัยคุกคามเพราะพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ แม้พวกเขาจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันมังกร

 

อย่างไรก็ตามบรรพชนทะเลปราณแตกต่างออกไป หลังการเผชิญหน้าครั้งนี้ ราชันมังกรต้องระวังเขาเป็นพิเศษ

 

ราชันมังกรมีท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนพลังปราณทั้งสามเป็นไพ่ตายแต่บรรพชนทะเลปราณจะไม่มีไพ่ตายงั้นหรือ?

 

เขาต้องมีอย่างแน่นอน!

 

ในฐานะผู้บ่มเพาะสันโดษ การบรรลุระดับนี้เป็นเรื่องยากมาก แม้เขาจะอยู่เพียงลำพังแต่เขายังถือเป็นอุปสรรคสำคัญของวังสวรรค์

 

ตามความคิดของราชันมังกร คนเช่นนี้ต้องถูกกำจัด!

 

ดังนั้นเมื่อฟางหยวนกล่าวว่าวังสวรรค์จะโจมตีบรรพชนทะเลปราณในอนาคต ราชันมังกรจึงรู้สึกเชื่อเรื่องนี้

 

อย่างไรก็ตามราชันมังกรไม่ต้องการยอมแพ้ต่อวังมังกร

 

แต่เขาควรทำอย่างไร?

 

ราชันมังกรรู้สึกปวดหัว

 

เขาตระหนักว่าฟางหยวนต้องการเห็นเขาต่อสู้กับบรรพชนทะเลปราณ แต่หากเขาไม่ต่อสู้ เขาต้องยอมแพ้ต่อวังมังกรงั้นหรือ?

 

เป็นไปไม่ได้!

 

“ทะเลปราณ สิ่งที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดงความจริงใจของวังสวรรค์” ราชันมังกรกล่าว “ต่อไปเราจะพูดคุยเกี่ยวกับธุรกรรมของเราที่เกี่ยวข้องกับวังมังกร ปีศาจฟางหยวนเจ้าเล่ห์เกินไป เขาจ่ายราคามหาศาลเพื่อทำให้เจ้าขัดขวางพวกเรา มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ดี แต่เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด มันน่าขันที่เขาคิดว่าเขาสามารถล้อเล่นกับผู้อมตะระดับแปด”

 

ราชันมังกรกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ทรัพยากรใดๆที่เขามอบให้เจ้า วังสวรรค์สามารถให้เจ้าได้มากกว่า! นอกจากนี้ข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าเคลื่อนไหว ข้าต้องการให้เจ้าเฝ้ามองอยู่ด้านข้าง”

 

“โอ้ งั้นหรือ?” ฟางหยวนแสร้างตกตะลึงเล็กน้อย

 

“แน่นอน!” ราชันมังกรกล่าวด้วยความมั่นใจ

 

“ผู้อาวุโสทะเลปราณ” สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกต้องการแทรกแซงแต่ฟางหยวนโบกมือหยุดพวกเขา

 

ฟางหยวนมองราชันมังกรและเผยรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย “ราชันมังกร ฟางหยวนมอบมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าให้ข้า”