บทที่ 1839 ต่อรองด้วยมรดกที่แท้จริง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1839 ต่อรองด้วยมรดกที่แท้จริง

 

“มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้า?” สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกเบิกตากว้าง

 

ราชันมังกรกัดฟันแน่น “ข้าขอถามได้หรือไม่?”

 

“มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ” บรรพชนทะเลปราณตอบทันที “หากเจ้าไม่เชื่อข้าสามารถแสดงเนื้อหาบางส่วน”

 

ราชันมังกรครุ่นคิดก่อนพยักหน้า “ข้าเชื่อ”

 

ในเวลาเดียวกันเขาคิดกับตนเอง “ปีศาจฟางหยวนช่างเจ้าเล่ห์นัก! เทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับโดยวังสวรรค์ ในอนาคตเราจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณเช่นกัน มรดกที่แท้จริงนี้มีค่าน้อยมากสำหรับฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงใช้มันเพื่อทำธุรกรรม แต่บรรพชนทะเลปราณไม่มีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะรับข้อเสนอ

 

บรรพชนทะเลปราณกล่าวต่อ “ราชันมังกร หากเจ้าต้องการให้ข้าหลีกทาง เจ้าจะมอบมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าให้ข้าด้วยหรือไม่?”

 

ราชันมังกรกัดฟันอีกครั้ง “แน่นอน”

 

“จริงหรือ?” ดวงตาของบรรพชนทะเลปราณส่องประกายขึ้น “กล่าวตามตรง เทพอมตะแรกกำเนิดเป็นคนที่ข้าชื่นชมมากที่สุด”

 

ริมฝีปากของราชันมังกรกระตุก เขาคิด “เจ้าแก่ผู้นี้เจ้าเล่ห์เช่นกัน หากเขาชื่นชมเทพอมตะแรกกำเนิดจริง เหตุใดเขาต้องต่อสู้อย่างไร้ปรานีก่อนหน้านี้ เขาถึงกับใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตเขาต้องการฆ่าข้า! แต่เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องการมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกำเนิดและใช้สิ่งนี้เพื่อต่อรองกับข้า”

 

“สหาย พวกเจ้าคงไม่รู้ มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกำเนิดเหลืออยู่ค่อนข้างน้อย เนื่องจากยุคสมัยเปลี่ยนไป สิ่งเหล่านั้นจึงไม่สามารถใช้งานได้อีก” ราชันมังกรกล่าว

 

ฟางหยวนขมวดคิ้วและแสดงออกด้วยความผิดหวัง “นั่นหมายความว่าเจ้าไม่สามารถมอบมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกำเนิดให้ข้างั้นหรือ? แล้ววังสวรรค์จะเสนอสิ่งใด? มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะกลุ่มดาวหรือเทพอมตะบัวสวรรค์?”

 

ไม่ว่าจะเป็นมรดกที่แท้จริงใด มันก็มีประโยชน์ต่อฟางหยวนทั้งสิ้น

 

ราชันมังกรหัวเราะคิกคัก เขาให้ความหวังบรรพชนทะเลปราณด้วยคำตอบที่คลุมเครือ “เราสามารถพูดคุยเรื่องนี้”

 

สองผู้อมตะของทะเลตะวันออกมองหน้ากัน พวกเขารู้สึกลำบากใจ ราชันมังกรต้องการรับสมัครบรรพชนทะเลปราณและกระทั่งเสนอมรดกที่แท้จริงของเหล่าเทพ!

 

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซึ่งไม่สามารถยื่นข้อเสนอดังกล่าว

 

ราชันมังกรเป็นผู้นำของวังสวรรค์ เขามีความมั่งคั่งอันเป็นที่สุด เขาสามารถใช้ทรัพยากรหรือมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าเพื่อล่อลวงบรรพชนทะเลปราณ

 

นี่เป็นรากฐานที่วังสวรรค์สะสมมาตลอดหลายล้านปี ตระกูลข่งและตระกูลเฉินไม่สามารถเปรียบเทียบ

 

ฟางหยวนรู้สึกพอใจมาก

 

นั่นทำให้เขากับราชันมังกรเข้าสู่การเจรจาที่ซับซ้อน

 

ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องการถ่วงเวลาให้กับร่างแยกมนุษย์มังกร

 

สองผู้อมตะของทะเลตะวันออกทำได้เพียงเฝ้ามอง พวกเขารู้สึกวิตกแต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

 

แต่ฟางหยวนไม่ลืมพวกเขา ระหว่างการสนทนากับราชันมังกร เขายังพูดคุยและให้ความหวังกับพวกเขาเล็กน้อย

 

ราชันมังกรสังเกตเห็นปัญญาและแสดงออกด้วยใบหน้ามืดครื้ม

 

เขารู้ว่าบรรพชนทะเลปราณต้องการใช้สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกเพื่อรับประโยชน์มากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาตราบเท่าที่บรรพชนทะเลปราณยินดีเจรจา มันเป็นสัญญาณที่ดี

 

“แต่ฟางเจิ้งอยู่ในมือของเฉินกงเจิ้ง นี่เป็นปัญหาเล็กน้อย ข้าต้องนำเขากลับมา” ราชันมังกร

 

ฟางหยวนคิดถึงฟางเจิ้งเช่นกัน

 

ก่อนหน้านี้สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกกล่าวถึงฟางเจิ้ง แต่การแสดงของฟางหยวนยอดเยี่ยมเกินไป เขาทำเหมือนไม่สนใจโดยปราศจากข้อบกพร่อง

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับคิดกับตนเอง น้องชายของข้าผู้นี้ไม่เพียงรอดชีวิตจากวังสวรรค์แต่เขายังได้รับการเลี้ยงดูจนกลายเป็นผู้อมตะงั้นหรือ? น่าสนใจมาก!”

 

“ข้าไม่รู้สาเหตุที่วังสวรรค์ให้ความสำคัญกับเขา แต่มันไม่ใช่ปัญหา ข้าจะนำเขากลับมาและค้นวิญญาณเขาในภายหลัง

 

ฟางหยวนต้องการปรับแต่งฟางเลิ้งให้เป็นเทพโลหิตของเขามานานแล้ว แต่เนื่องจากแรงกดดันของวังสวรรค์และเหตุผลหลายประการ ฟางเจิ้งจึงถูกทิ้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นเวลานาน สุดท้ายฟงจิวเก้อก็นำตัวเขาไป

 

นี่ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เมื่อฟางหยวนพบฟางเจิ้งแล้ว เขาจึงต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม

 

ฟางเลิ้งไม่ได้สำคัญกับฟางหยวนมากนัก แต่เนื่องจากวังสวรรค์ให้ความสำคัญกับเขามาก ฟางหยวนจึงต้องฆ่าเขา นี่คือความระวังตัวของฟางหยวน

 

สำหรับเส้นทางแห่งเลือด ความสนใจเกี่ยวกับเส้นทางสายนี้ของฟางหยวนในปัจจุบันลดน้อยลงมาก

 

หากเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด ตราบเท่าที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะหอพิพากษาปีศาจยังอยู่ วังสวรรค์จะได้รับข้อมูลของเขาและรู้ว่าเขาอยู่ที่ใด

 

บางครั้งฟางหยวนก็เดาว่าในชีวิตห้าร้อยปีของเขา เขาบ่มเพาะเส้นทางแห่งเลือดเพราะอิทธิพลของเจตจำนงสวรค์ที่ต้องการใช้มันเป็นกับดักเพื่อจัดการเขา

 

โชคดีที่ฟางหยวนระวังตัวเสมอ เขาไม่พยายามใช้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดจากชีวิตก่อนหน้าเพื่อเป็นทางลัดในชีวิตนี้

 

ยิ่งราชันมังกรกล่าวมากเท่าใด คำกล่าวของเขาก็ยิ่งมีพลังมากเท่านั้น

 

ราชันมังกรตระหนักว่าฝ่ายตรงข้ามให้ความสนใจมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าเป็นอย่างมาก

 

“บรรพชนทะเลปราณผู้นี้แข็งแกร่งมาก ในโลกนี้อาจมีเพียงมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกสนใจ ทะเลตะวันออกมีคนเช่นนี้อยู่จริงๆ ข้าต้องตรวจสอบภูมิหลังของเขาหลังจากกลับไป

 

บรรพชนทะเลปราณคือฟางหยวน เขาไม่เพียงต้องการมรดกที่แท้จริงของวังสวรรค์แต่เขายังต้องการกำจัดฟางเลิ้ง

 

หากราชันมังกรรู้เรื่องนี้ เขาอาจกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธทันที

 

อาณาจักรแห่งความฝันของวังมังกร

 

ห้องทำงานเต็มไปด้วยบรรยากาศอันหนักหน่วง

 

ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนที่แสดงเป็นอู่ส่วยมองบิดาของเขาด้วยท่าทางน่าเกลียดเขาถาม “เราจะมอบยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ให้คนสารเลวฟานชื่อจริงๆงั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าข้าชนะ การแข่งขัน เขาเป็นหัวขโมยที่พยายามฉกชิงมัน หากข้าไม่อดกลั้นเขาคงตายไปแล้ว!”

 

บิดาของเขาส่ายศีรษะ “ยอดเขาวิจารณ์ศิลป์เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาลและความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน นิกายวิหารสวรรค์สีดำปฏิเสธที่จะยอมแพ้ สิ่งที่แย่กว่านั้นคือท่านหญิงวังอักษรศิลป์และนักพรตมดเขียวไม่ช่วยเรากดดันพวกเขา”

 

“บัดซบ!” อู่ส่วยกำหมัดแน่น “ข้าเป็นศิษย์ของนักพรตมดเขียว ตอนนี้ข้ากำลังพบปัญหาแต่อาจารย์กลับไม่แยแส

 

“ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ยิ่งเลวร้ายกว่า ข้าเป็นบุตรเขยของนางขณะที่ฟานจือเป็นคนที่ทำร้ายบุตรสาวของนาง แต่นางกลับไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว”

 

พ่อของอู่ส่วยถอนหายใจ “เราจะมีอิทธิพลต่อผู้อมตะระดับแปดได้อย่างไร? ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของข้า ก่อนหน้านี้ข้าไร้เดียวสาเกินไป นักพรตมดเขียวกับท่านหญิงวังอักษรศิลป์จะไม่รู้เจตนาของพวกเราได้อย่างไร? พวกเขาเพียงเล่นไปตามเกมส์เท่านั้น”

 

“นั่นเป็นเหตุผลของท่านพ่อ!” อู่ส่วยมองบิดาของเขาด้วยดวงตาส่องประกาย “มีเพียงผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์มังกรของเราเท่านั้นที่พึ่งพาได้ เผ่ามนุษย์มังกรของเราสามารถมีทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เพราะอิทธิพลของบรรพชนราชันมังกรงั้นหรือ?”

 

พ่อของอู่ส่วยพยักหน้า “บุตรของข้า เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่ผู้อมตะระดับแปดหายากเกินไปแม้เผ่ามนุษย์มังกรของเราจะแข็งแกร่งกว่าเผ่ามนุษย์ แต่เรายังขาดแคลนผู้อมตะระดับแปด”

 

อู่สวยกล่าว “นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถรอคอยได้อีกต่อไป ผู้อมตะระดับแปดภายนอกไม่สามารถพึ่งพาขณะที่เรายังไม่มีผู้อมตะระดับแปด เราจำเป็นต้องใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นสิ่งสนับสนุน”

 

พ่อของอู่ส่วยถอนหายใจและสายศีรษะอีกครั้ง “คฤหาสน์วิญญาณอมตะงั้นหรือ? เราเคยคิดที่จะสร้างมันมาก่อน แต่การสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดใช้ทรัพยากรมากเกินไป เราไม่สามารถจ่าย ความแข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์มังกรสร้างความโกลาหลมามากแล้ว นั่นทำให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เกลียดชังพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ ในสถานการณ์นี้หากเรายังสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะพวกเขาจะไม่เสียสติงั้นหรือ?”

 

“ท่านพ่อ!” อู่สวยมองบิดาของตนด้วยดวงตาเบิกกว้าง “เราจะไม่สร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพียงเพราะทรัพยากรและข่าวลือเหล่านั้นงั้นหรือ?”

 

“มันยังไม่พองั้นหรือ? บุตรของข้า เผ่ามนุษย์มังกรของเราอาศัยอยู่กับเผ่ามนุษย์ เราไม่สามารถแสดงความก้าวร้าว หากเราสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันจะทำลายความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ต้องกล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด เพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับหกก็ยังเป็นเรื่องยาก เห้อ…หลายปีที่ผ่านมาข้าอยู่ในจุดนี้และต้องจัดการกับพวกเขามาตลอด เจ้าไม่เข้าใจความรู้สึกของข้า” บิดาของอู่ส่วยถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง

 

อู่ส่วยรู้สึกผิดหวัง เขาโต้แย้ง “ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด เราก็ต้องมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด ไม่ มันต้องเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด! นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถสร้างรากฐานให้กับเผ่าพันธุ์ของเรา!”

 

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า บุตรของข้า ข้ามีความสุขมากที่ได้เห็นทัศนคติของเจ้า แต่บางอย่างไม่สามารถเร่งรีบ ทุกสิ่งต้องใช้เวลา เห้อ…ลืมเรื่องยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ไปซะ” พ่อของอู่ส่วยโบกมือ

 

อู่ส่วยคิดก่อนพยักหน้า “ข้าเกรงว่าเราคงไม่มีทางเลือก”

 

ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนต้องการถ่วงเวลาเพื่อให้ร่างหลักช่วยเหลือเขา แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือร่างหลักของเขากำลังถ่วงเวลาเพื่อให้เขาได้รับวังมังกรเช่นกัน

 

วังมังกรเป็นเหมือนหลุมทรายดูด ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนค่อยๆจมลงไปโดยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง

 

เขาค่อยๆกลายเป็นอู่ส่วยอย่างช้าๆ เขารู้สึกเหมือนกำลังประสบกับสถานการณ์ทั้งหมดด้วยตัวเอง

 

หลังจากเรื่องของยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ อู่ส่วยตระหนักว่านักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์ไม่สามารถพึ่งพา แม้แต่พ่อของเขาเองก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือสิ่งใด เขาไม่สามารถเชื่อถือคนเหล่านี้

 

เขาทำได้เพียงพึ่งพาตนเองเท่านั้น

 

อู่ส่วยเริ่มให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของตนเอง

 

เขามีทั้งพรสวรรค์และความเฉลียวฉลาด ด้วยการทำงานหนักและพึ่งพาทรัพยากรจากเครือข่าย นอกจากเขาจะแข็งแกร่งขึ้น เขายังกลายเป็นผู้นำกองกำลังเผ่ามนุษย์มังกรที่โดดเด่น

 

ในวันที่อู่ส่วยก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด เขากลายเป็นคนชั้นสูงของเผ่ามนุษย์มังกรและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่อายุน้อยที่สุด