คนที่เดิมทีก็มีความคิดที่จะอยู่ฝ่ายตระกูลหาน ได้รีบเดินไปยังด้านหลังของหานเทียนฟ่างทันที
อย่างไรก็ตาม ยังเหลือมากว่าครึ่งที่ยังไม่ขยับตัว พวกเขากำลังสังเกตการณ์อยู่ อย่างไรเสีย ไม่มีใครอยากอยู่ใต้อำนาจคนอื่น
ดวงตาของหานเทียนฟ่างฉายแววเย็นชา “ดูแล้วพวกคุณนั้นไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา คุณเผย เชิญคุณออกมาหน่อย!”
ทุกคนตกตะลึงในทันที!
พวกเขาได้ข่าวมานานแล้ว ตระกูลหานได้รับความช่วยเหลือจากปรมาจารย์บู๊คนหนึ่ง เริ่มแรกพวกเขานั้นยังมีความสงสัย ตอนนี้ได้ยินหานเทียนฟ่างเรียกชื่อของปรมาจารย์บู๊คนนั้นออกมา ทุกคนก็หมดความสงสัยแล้ว
เจี่ยจวินเซี่ยกระซิบอย่างเป็นห่วง “พ่อครับ ดูแล้วไอ้จิ้งจอกเฒ่าหานเทียนฟ่างได้เตรียมการเคลื่อนไหวนานแล้ว!”
เจี่ยว่างชวนที่สีหน้าหนักใจ พูดด้วยเสียงต่ำ “เฝ้ามองสถานการณ์และเตรียมรับมือ!”
เฉินโม่รู้สึกถึงบางอย่างและมองไปยังทิศทางของมุมห้องจัดเลี้ยง เขาสามารถรู้สึกได้ถึงปรมาจารย์บู๊ที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ
อีกอย่างเหมือนจะถึงขึ้นปรมาจารย์แดนคุ้มกายแล้วด้วย
“ใครที่ไม่ยอม?”
ทันทีที่ปรมาจารย์เดินเข้ามาในห้องโถง เขาก็ตะโกนพูดอย่างเย็นชา และเสียงที่กล้าหาญดังก้องในห้องโถง ทำให้ทุกคนตกตะลึง!
เดิมทีพวกที่เป็นกลาง ก็ได้เดินไปยังด้านหลังของหานเทียนฟ่างทันที อยู่ต่อหน้าปรมาจารย์ พวกเขาก็เหมือนมด
แต่ก็ยังคงมีคนกว่าครึ่งหนึ่ง ไม่ได้เลือกไปอยู่กับหานเทียนฟ่าง พวกเขากำลังรอ รอให้เจี่ยว่างชวนเลือก
หานเทียนฟ่างทำท่าคารวะให้กับชายวัยกลางคนคนนั้น “คุณเผย!”
เผยซื่อหาวพยักหน้า สายตามที่ขุ่นมัวกวาดมองไปยังพวกของเจี่ยว่างชวน มันทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาถูกสัตว์ดุร้ายจ้องอยู่ และรู้สึกขนลุกซู่
“ใครไม่ยอม?”
เผยซื่อหาวมองไปยังเจี่ยว่างชวน ทันใดนั้นก็ตะโกนพูดไปอีกหนึ่งครั้ง เสียงดังกว่าเมื่อกี้ และได้เพิ่มพลังชี่แท้เข้าไปด้วย
คนเหล่านี้พื้นฐานก็เป็นคนธรรมดาอยู่แล้ว จะไปทนแรงกดขี่ของปรมาจารย์บู๊อย่างไรกัน?
บางคนที่จิตใจไม่แน่วแน่ ตกใจจนเข่าอ่อน และรีบเดินไปยืนอยู่ด้านหลังของหานเทียนฟ่างทันที
แม้แต่เจี่ยว่างชวนยังหน้าซีด กำหมัดแน่น เห็นได้ชัดว่าแรงกดขี่ของปรมาจารย์บู๊คนทำให้เขาทรมานมาก
ขณะนี้ มีเพียงส่วนน้อยที่ยังอยู่ฝั่งเจี่ยว่างชวน ที่กัดฟันฝืนทน
สีหน้าของเผยซื่อหาวดูแย่เล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาที่ใช้พลังชี่แท้เพื่อกดขี่คนธรรมดาพวกนี้ แต่ก็ยังมีคนมากขนาดนี้ที่ยังกล้าต่อต้านเขา
มันทำให้เขารู้สึกขายหน้า
“ใครไม่ยอม?” เผยซื่อหาวตะโกนเสียงดังอีกครั้ง สะเทือนไปทั้งห้องจัดเลี้ยง
เฉินโม่ที่สีหน้าเปลี่ยน พลังกดขี่ระดับนี้ มันเพียงพอที่จะทำร้ายคนธรรมดาพวกนี้แล้ว
เป็นจริงเช่นนั้น เจี่ยจวินเซี่ยที่ไอไปหนึ่งที มุมปาก็มีเลือดไหลออกมา
เฉินโม่โบกมือเบาๆ พลังไร้รูปได้ไปปกคลุมคนที่ยืนอยู่รอบๆตระกูลเจี่ย มองเผยซื่อหาวที่โกรธจัด เสียงที่เรียบเฉยดังขึ้น “ฉันไม่ยอม!”
ตามติดมาด้วย เฉินโม่ก็ค่อยๆเดินไปข้างหน้า ไปยืนอยู่ตรงด้านหน้าของเจี่ยว่างชวน เผชิญหน้ากับเผยซื่อหาวโดยตรง
หืม?
สายตาของเผยซื่อหาวและคนอื่นๆ ต่างไปรวมตัวอยู่ที่ร่างของเฉินโม่
“นี่มันคือลูกบ้านไหน? กล้ามาล่วงเกินพลังกดขี่ของปรมาจารย์? ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่มั้ย!” มีคนพูดอย่างดุดัน
“หรือว่าเจี่ยว่างชวนจะหวังใช้ไอ้หนูคนนี้ไปต่อกรกับคุณหาน? ดูเหมือนเจี่ยว่างชวนจะยิ่งอยู่ยิ่งเลอะเลือนแล้ว!” มีคนพูดเยาะเย้ย
เจี่ยว่างชวนรีบหันไปทางเจี่ยจวินเซี่ย กระซิบอย่างร้อนใจ “นี่มันเรื่องอะไร? เพื่อนลูกช่างไม่รู้ความเลย!”
เจี่ยจวินเซี่ยขมวดคิ้ว เรื่องของเฉินโม่เขายังไม่เคยเล่าให้เจี่ยว่างชวนฟัง
อย่างไรก็ตาม เล่าตอนนี้ก็ไม่สาย
“พ่อครับ พ่ออย่าเพิ่งร้อนใจ เฉินโม่ไม่ใช่คนธรรมดา เขาก็เป็นนักบู๊เหมือนกัน ครั้งนี้เขาเดินทางไกลมาหาผม ก็เพื่อจะช่วยผม!” เจี่ยจวินเซี่ยพูดด้วยเสียงที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม เจี่ยว่างชวนไม่เชื่อเลย “จุ้นจ้าน เขาอายุแค่นี้ ต่อให้เขาก็เป็นนักบู๊ แล้วจะใช่คู่ต่อสู้ของเผยซื่อหาวเหรอ? มันไม่เท่ากับมารนหาที่ตายเหรอ? รีบเรียกเขากลับมา!”
ถูกพ่อสั่งสอน เจี่ยจวินเซี่ยก็ลืมคำพูดของเฉินโม่ไปหมดเลย ตะโกนเรียกอย่างร้อนใจ “เฉินโม่ กลับมา!”