เฉินโม่หันไปมองเจี่ยจวินเซี่ย พูดอย่างยิ้มๆ “วางใจเถอะ ฉันรู้ตัวเองดี!”
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังหานเทียนฟ่างก็หัวเราะ “ฮ่าๆ เขาบอกว่าเขารู้ตัวเองดี ฉันอยากจะหัวเราะ!”
“ไอ้หนูคนนี้ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงจริงๆ!” มีคนส่ายหัว ทำเหมือนกับว่าเฉินโม่นั้นได้ตายไปแล้ว
เผยซื่อหาวมองเฉินโม่ สีหน้าโกรธจนถึงขีดสุด ถ้าหากเฉินโม่คือนักบู๊ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน เขาก็มีสิทธิ์ที่จะไปยืนตรงหน้าของเผยซื่อหาว
แต่ว่าบนตัวของเฉินโม่ เขาไม่สามารถสัมผัสถึงคลื่นพลังชี่แท้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เห็นได้ชัดว่าไอ้หนูตรงหน้าเป็นเพียงแค่คนธรรมดา
คนธรรมดาที่เหมือนมดตัวหนึ่งยังกล้าต่อกรกับเขา เผยซื่อหาวรู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูกอย่างมาก!
“ไอ้หนู หาที่ตายเองนะ!” แววตาของเผยซื่อหาวเกือบจะเปล่งเปลวไฟออกมาแล้ว
หานเทียนฟ่างหัวเราะอยู่ด้านหลังของเผยซื่อหาว “เจี่ยว่างชวน คนนี้ก็คือคนที่นายหามาช่วย? มันช่างทำให้ฉันได้เปิดโลกกว้างจริงๆ!”
“ฮ่าๆ………”
ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน
เจี่ยว่างชวนมองไปทางเจี่ยจวินเซี่ยอีกครั้ง สีหน้าโกรธเล็กน้อย “เพื่อนลูกคนนี้จุ้นจ้านเกินไปแล้ว รีบไปดึงตัวเขากลับมา หากช้าเกินไป เกรงว่าจะไม่มีชีวิตรอด!”
เจี่ยจวินเซี่ยยิ้มเจื่อนๆ หากเฉินโม่ยอมฟังเขา ก็คงไม่มาปรากฏตัวตรงนี้
เฉินโม่ยืนอยู่ตรงหน้าของเผยซื่อหาวอย่างเงียบๆ ด้วยท่าทางที่เกียจคร้าน ราวกับว่าไม่ได้เห็นปรมาจารย์บู๊ที่น่าเกรงขามคนนี้อยู่ในสายตาเลย
“แกมันแค่ปรมาจารย์แดนคุ้มกายคนหนึ่งเท่านั้น ยังกล้าพูดแบบนี้กับฉัน? ฉันว่าคนที่มาหาที่ตายน่าจะเป็นแกนะ” น้ำเสียงของเฉินโม่ราบเรียบไม่มีความกลัว ราวกับว่ากำลังพูดเรื่องจริงอยู่
สีหน้าของเผยซื่อหาวไม่เปลี่ยน แต่ว่าในแววตานั้นมีความตกตะลึง เขามองเฉินโม่ด้วยสีหน้าที่จริงจัง ถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ไอ้หนู ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง “พูดประวัติของนายออกมา บางทีฉันอาจจะไว้ชีวิตนายก็ได้!”
เฉินโม่รู้ว่า เผยซื่อหาวกำลังเป็นห่วง เป็นห่วงพลังที่อยู่เบื้องหลังของเขา
อย่างไรเสีย คนที่สามารถพูดถึงพลังบำเพ็ญของเขาในแวบแรก ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
จุดนี้ เผยซื่อหาวนั้นเข้าใจดี!
เฉินโม่ต้องการที่จะสะสางเรื่องในวันนี้โดยเร็ว จากนั้นก็กลับไปยังมหาวิทยาลัยหัวหนานพร้อมกับเจี่ยจวินเซี่ย
เฉินโม่มองไปยังเผยซื่อหาว กล่าวอย่างราบเรียบ “ในเมื่อแกก็มีพลังบำเพ็ญในระดับปรมาจารย์แดนคุ้มกายแล้ว ก็ต้องเคยได้ยินอันดับของหอเทียนจีใช่มั้ย?”
เผยซื่อหาวพยักหน้า “เคยได้ยินอย่างแน่นอน”
“ฉันชื่อเฉินโม่ มาจากฮ่านหยาง” น้ำเสียงของเฉินโม่ราบเรียบ แต่ว่าในน้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยพลังความมั่นใจ ราวกับว่าชื่อของเขาจะมีพลังเวทมนตร์อันยิ่งใหญ่ ทำให้คนที่ได้ยินแล้วยอมสยบโดยไม่มีเงื่อนไข
“เฉินโม่?” เผยซื่อหาวขมวดคิ้วครุ่นคิด ครู่หนึ่งเขาก็มองเฉินโม่ พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ไอ้หนู นายกำลังหลอกฉันอยู่ใช่มั้ย ในอันดับของปรมาจารย์ ฉันจำชื่อได้ตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่มีชื่อนี้เลย!”
เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบ “ฉันบอกเมื่อไหร่เหรอว่าฉันอยู่อันดับของแดนปรมาจารย์?”
เผยซื่อหาวยิ้มเยาะ “ไม่อยู่ในอันดับของแดนปรมาจารย์ หรือว่านายอยู่ในรายชื่อแดนเทพ? ตลก………”
เมื่อพูดคำพูดสุดท้ายแล้ว เผยซื่อหาวเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆก็พูดไม่ออก สายตาที่มองเฉินโม่มีความหวาดกลัว!
ทันใดนั้นเผยซื่อหาวก็คิดถึงใครคนหนึ่งในอันดับแดนเทพ ตอนนี้มันมีแค่คนเดียว นั่นก็คือเฉินไต้ซือ
แม้ว่าเผยซื่อหาวจะไม่รู้ว่าเฉินไต้ซือคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่ แต่เขาจำได้ว่าเฉินไต้ซือน่าจะเป็นคนฮ่านหยาง
เผยซื่อหาวไม่ได้สนใจเฉินโม่ชื่ออะไร แต่กลับไปให้ความสนใจที่เฉินโม่แซ่เฉิน และเฉินไต้ซือในอันดับแดนเทพ ก็แซ่เฉินเช่นกัน
ในเมื่อเฉินโม่บอกว่าเขาไม่ได้อยู่ในอันดับแดนปรมาจารย์ ที่เหลือก็มีแต่อันดับแดนเทพ สำหรับอันดับแดนใน เผยซื่อหาวไม่จำเป็นต้องคิดเลย นักบู๊แดนใน ไม่มีทางที่จะมองพลังบำเพ็ญของเขาออกได้ในแวบเดียว