เฉินโม่มองเผยซื่อหาวที่ใบหน้าหวาดกลัว ถามอย่างยิ้มๆ “ยังไง จำได้แล้วใช่มั้ย?”

เผยซื่อหาวมองเฉินโม่ มีความรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าที่หนักใจ “จำได้แล้ว”

“แต่วัน ฉันไม่เชื่อว่านายก็คือเฉินไต้ซือ เฉินไต้ซือเป็นนักบู๊คนแรกในโลกฝึกบู๊ของหัวเซี่ย ไม่ใช่ไอ้หนูอย่างนายที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบจะมาแอบอ้างได้!”

เฉินโม่พยักหน้า “ก็ใช่ ฉันก็รู้ว่าแกไม่มีทางเชื่อ แต่แกต้องเข้าใจให้ชัดเจน หากแกต้องการพิสูจน์ว่าฉันใช่เฉินไต้ซือหรือเปล่า แกต้องจ่ายค่าตอบแทนที่หนักหนาสาหัสมาก”

เฉินโม่ยิ่งพูดแบบนี้ เผยซื่อหาวก็ยิ่งไม่เชื่อ เขารู้สึกว่าเฉินโม่กำลังขู่ให้เขากลัว

“ฮึ่ม หากนายเป็นเฉินไต้ซือจริงๆ ต่อให้ต้องจ่ายค่าตอบแทนแล้วยังไง? หากชาตินี้สามารถประมือกับเฉินไต้ซือ ฉันก็สมความปรารถนาแล้ว!”

แววตาของเผยซื่อหาวเผยให้เห็นถึงความนับถือ ราวกับว่าเขากำลังแสดงความเคารพผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของแดนเทพ

ผู้คนที่ฟังการสนทนาของเฉินโม่กับเผยซื่อหาว งงกันทุกคน พวกเขาไม่รู้เลยว่าอะไรคืออันดับเทพ แต่ว่า โลกฝึกบู๊คนที่หนึ่งของหัวเซี่ยที่เผยซื่อหาวพูดถึง พวกเขากลับได้ยินมันอย่างชัดเจน

หานเทียนฟ่างมองเฉินโม่ ใบหน้ามีความตกตะลึง พูดพึมพำ “โลกฝึกบู๊คนที่หนึ่ง!” เป็นไปได้ไง?”

ใบหน้าของเจี่ยว่างชวนก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ มองเฉินโม่ไปแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางเจี่ยจวินเซี่ย ถามด้วยเสียงต่ำ “คนนี้เป็นเพื่อนของลูกจริงๆเหรอ?”

เจี่ยจวินเซี่ยก็ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาเคยเห็นการต่อสู้ของเฉินโม่ รู้ว่าเฉินโม่นั้นเก่งมาก แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าความสามารถของเฉินโม่จะเก่งถึงระดับนี้แล้ว

จุดนี้ก็ไม่โทษเจี่ยจวินเซี่ย อย่างไรเสียคนเราก็มักจะเชื่อและยอมรับในสิ่งที่ได้ยินมาก่อน ในมุมมองของเขา เฉินโม่ก็คือนักศึกษาคนหนึ่ง ถ้าหากเฉินโม่มีความสามารถที่สะเทือนโลกขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องเรียนที่มหาวิทยาลัย อีกอย่างมหาวิทยาลัยหัวหนานก็เพียงมหาลัยระดับสอง

ตอนนั้นเป็นเพราะเขาอยากจะออกมาจากการถูกพันธนาการจากครอบครัว จึงประชดโดยการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหัวหนาน

อย่างไรก็ตาม ฟังความหมายของเผยซื่อหาว เขานั้นไม่เชื่อในสิ่งที่เฉินโม่พูด

เจี่ยจวินเซี่ยตอบคำถามพ่อของเขา “เราเรียนห้องด้วยกัน และพักอยู่ห้องเดียวกัน แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาจะมีเก่งกาจขนาดนี้ บางทีเขาอาจจะแค่ขู่เผยซื่อหาว?”

เจี่ยว่างชวนส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ ขู่เผยซื่อหาวในเวลานี้ก็เท่ากับหาที่ตายชัดๆ! เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเผยซื่อหาวที่อยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน เขายังจะทำเรื่องแบบนี้เหรอ?

เจี่ยจวินเซี่ยที่มีความสงสัย แล้วพูด “ทั้งๆที่รู้ว่าบนเขามีเสือ แต่ก็จะขึ้นไป บางทีเฉินโม่อาจจะคิดว่าทุกคนคิดว่าเขาไม่กล้าที่จะโกหก ดังนั้นเขาจึงโกหกในเวลานี้ มันถึงจะทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาพูดความจริง!”

เจี่ยว่างชวนที่สีหน้ากำลังครุ่นคิด “ดูก่อนค่อยว่ากัน หวังว่าเพื่อนคนนี้ของลูกจะไม่พูดโกหก ไม่อย่างนั้นวันนี้ชีวิตเขาคงต้องจบลงที่นี่แล้ว!”

เจี่ยจวินเซี่ยมองเฉินโม่ แววตาลึกๆมีความเป็นห่วง “เฉินโม่ นายห้ามเป็นอะไรนะ ไม่อย่างนั้น ต่อให้ไปถึงยมโลก ฉันก็ยังคงรู้สึกผิด!”

ฝั่งโน้น คนที่อยู่ข้างหานเทียนฟ่างก็เริ่มสงสัยตัวตนของเฉินโม่กันแล้ว

“ประธานหาน ไอ้หนูคนนี้อายุยังน้อย จะเป็นคนเก่งขนาดนั้นได้ยังไง? ผมรู้สึกว่าเขาก็แค่กำลังคุยโวโอ้อวด คุณต้องเตือนเผยไต้ซือนะ อย่าให้เขาถูกไอ้หนูคนนี้หลอก!” มีคนเตือนหานเทียนฟ่าง

หานเทียนฟ่างพยักหน้า กล่าว “วางใจเถอะ ฉันเชื่อว่าคุณเผยเขาตัดสินใจเองได้!”

หานเทียนฟ่างรู้ดี ระยะห่างแค่นี้ ด้วยพละกำลังของเผยซื่อหาว คำพูดของพวกเขาไม่มีทางที่จะเล็ดลอดไปจากหูเขาได้

เป็นจริงเช่นนั้น เผยซื่อหาวมองเฉินโม่ แล้วพูดอย่างเย็นชา “ไอ้หนู นายว่านายคือเฉินไต้ซือ งั้นก็ให้ฉันพิสูจน์หน่อย!”

พูดจบ บนร่างของเผยซื่อหาวก็แผ่กระจายพลังที่แข็งแกร่งออกมา

“รับหมัดนี้ฉันก่อน!”