ไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยาไปสัมผัสโดนสิ่งใดของมังกรไฟ มังกรไฟเงยหน้ากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และพาเยี่ยโยวเหยาถลาเข้าไปในกองไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ในระยะไกล
ซูจิ่นซีตกใจอย่างมาก “เยี่ยโยวเหยา… ”
ทว่าความเร็วของพวกเขารวดเร็วอย่างมาก อีกทั้งระยะทางก็ไกลเกินไป ซูจิ่นซีไม่มีเวลาเข้าไปขัดขวางพวกเขา
วินาทีต่อมาที่พวกเขาเข้าไปในเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ปัง’ เปลวเพลิงปะทุขึ้น ซูจิ่นซีเห็นเพียงแสงสว่างเจิดจ้า
ซูจิ่นซีไม่สามารถประเมินพลังของเปลวเพลิงที่ปะทุเหล่านั้นได้ ทว่าตามสามัญสำนึกของมนุษย์ ปรากฏการณ์ครั้งนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่ามังกรไฟจะเป็นอันใดหรือไม่ ทว่าร่างกายมนุษย์อย่างเยี่ยโยวเหยาต้องตายแน่นอน
เยี่ยโยวเหยาตายแล้ว…
ดวงตาของซูจิ่นซีแดงก่ำ นางรีบวิ่งไปที่เปลวเพลิงโดยไม่ครุ่นคิดอันใดอีกแล้ว
“พระชายาโยวอ๋อง… ”
เด็กน้อยทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ พวกเขายังไม่ทันตั้งสติจากอาการตกใจ เมื่อต้องการยับยั้งซูจิ่นซี ร่างของซูจิ่นซีก็หายเข้าไปในกองเพลิงแล้ว
ในแคว้นไหวเจียง จิตใจของอู๋จุนเริ่มกระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อยๆ “วันนี้ข้าต้องเอาไม้อมฤตมาให้ได้”
……
ที่หุบเขาเทียนอี แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่สายพิณขาด จิ่วหรงได้ขึ้นไปเหยียบบนลำตัวของกระเรียนสวรรค์และบินออกไปแล้ว
……
แคว้นตงเฉิน ภายในกระท่อมที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก
มู่หรงฉีตกตะลึงเหงื่อไหลท่วมตัวอยู่ครู่ใหญ่ ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็มองไปที่ใบหน้าของตงหลิงหวงอย่างเชื่องช้า “หวงเอ๋อร์ จิ่นซีไปที่หุบเขาหลูเหว่ยแล้วใช่หรือไม่? ”
หลายวันที่ผ่านมา ลูกน้องของตงหลิงหวงเฝ้าเขาโดยไม่คลาดสายตา ทำให้เขาไม่ทราบเรื่องราวภายนอกแม้แต่น้อย
ตงหลิงหวงมองสีหน้าของมู่หรงฉี หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า
มู่หรงฉีนิ่งงัน ทันใดนั้น เขาก็เปิดผ้าห่มและก้าวลงจากเตียง “นางต้องเกิดเหตุไม่ดีเป็นแน่ ข้าจะไปช่วยนาง”
ตงหลิงหวงคว้ามือมู่หรงฉี “สายไปแล้ว เจ้าไม่รู้หรือ หุบเขาหลูเหว่ยมีดินแดนลึกลับเสวียนคงคอยปกป้อง ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้ตามอำเภอใจ”
สีหน้าของมู่หรงฉีเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน “เจ้าทราบหรือไม่? จิ่นซีเป็นน้องสาวของข้า”
“มู่หรงฉี ท่านใจเย็นหน่อยเถิด มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น”
“พี่ชายและน้องสาวจิตใจสื่อถึงกัน”
มู่หรงฉียืนยันที่จะไป ตงหลิงหวงก็ยืนยันขัดขวาง ไม่ปล่อยให้เขาไป ทั้งสองจึงต่อสู้กันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม มู่หรงฉียังได้รับบาดเจ็บจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตงหลิงหวง ท้ายที่สุด ตงหลิงหวงก็จัดการเขาจนหมดสติ และประคองเขาขึ้นไปนอนบนเตียง
……
แคว้นจงหนิง เรือนชิงโยว หลังจากแม่นมฮวาครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นาน นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ความรู้สึกครั้งนี้รุนแรงอย่างมาก นางเชื่อในความสามารถของท่านอ๋องเสมอมา และไม่เคยกังวลใจเช่นนี้มาก่อน ทว่าครั้งนี้แตกต่างกัน
แม่นมฮวารีบออกคำสั่ง นางเรียกฉินเทียนเข้ามาอธิบายสถานการณ์ และรีบพาองครักษ์จำนวนหนึ่งจากวิหารวิญญาณตรงไปยังแคว้นหนานหลีในคืนนี้เลย
….
หุบเขาหลูเหว่ยในดินแดนลึกลับเสวียนคง วินาทีที่เยี่ยโยวเหยาและมังกรไฟตกลงไปในเพลิงลาวา ยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของดินแดนลึกลับเสวียนพลันเกิดเปลวเพลิงปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
บนพื้นดินมีซากศพไหม้เกรียมกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เจ้าหุบเขาฉู่และคุณชายฉู่พาคนจำนวนหนึ่งมาช่วยกันดับเปลวเพลิงบนยอดเขา พวกเขาพยายามทุกวิถีทาง ทว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้ยอดเขาได้เลย
อุณหภูมิบนยอดเขาเพิ่มสูงอย่างมาก เมื่อคนเข้าไปใกล้ภูเขา พวกเขาจะถูกไฟเผากลายเป็นเถ้าถ่านทันที
คุณชายฉู่และคนจำนวนหนึ่งพยายามเข้าใกล้ภูเขาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ จนทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
“หรือว่า… ครั้งนี้หุบเขาหลูเหว่ยของพวกเราต้องสูญสิ้นแล้ว? ”
ทั่วร่างกายของเจ้าหุบเขาฉู่เต็มไปด้วยบาดแผล เขามองไปยังเปลวเพลิงบนยอดเขา ภายในแววตาปรากฏความสิ้นหวัง ไม่นานเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น
“สวรรค์เบื้องบน หากสกุลฉู่ของข้ามีความผิด ข้าน้อย ผู้แซ่ฉู่ยินดีรับผลที่ตามมาทั้งหมด หากสวรรค์ต้องการลงโทษ ก็มาลงโทษที่ข้า! ชาวบ้านในหุบเขาหลูเหว่ยล้วนบริสุทธิ์ พวกเขาไม่ควรประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่เช่นนี้! ”
“ท่านพ่อ! ”
คุณชายฉู่ต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่าเมื่อมองความเศร้าโศกทั่วทั้งหุบเขา มองร่างที่เปราะบางตกลงไปในเปลวเพลิงที่ลุกโชนอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดอันใด
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลืมตาขึ้นมาและเหลือบมองไปยังห้องที่ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาพักอยู่ ห้องนั้นยังคงมีแสงสว่างเจิดจ้าดังเดิม ประตูไม่เคยเปิดออก ทั้งยังไม่ทราบความเป็นความตายของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาที่อยู่ในนั้น
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พวกเขาไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้เกิดจากสาเหตุอันใด
ทว่าสิ่งที่แปลกประหลาดคือ ห้องของโยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋อง เป็นไปได้หรือไม่… เขาเชิญพวกเขาสองคนมาที่หุบเขา เขาคิดผิดหรือ?
อย่างไรเสีย หุบเขาหลูเหว่ยมีกฎเกณฑ์ บุคคลภายนอกห้ามเข้ามาภายในหุบเขาตามอำเภอใจ
หรือเป็นเพราะเขาเชิญทั้งสองคนเข้ามาในหุบเขา จึงทำให้บรรพบุรุษโกรธเคือง?
ทว่า หากพวกเขาไม่เข้ามาในหุบเขา ชาวบ้านที่ถูกพิษจะไม่ได้รับการถอนพิษ!
สำหรับหุบเขาหลูเหว่ย ครั้งนี้นับเป็นหายนะที่ร้ายแรงที่สุด
คุณชายฉู่คิดอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ วิธีเดียวที่จะบรรเทาเหตุการณ์วันนี้ คือทำลายดินแดนลึกลับเสวียนคง! ”
เจ้าหุบเขาฉู่ราวกับไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่บุตรชายของเขาพูด เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาพลันเคร่งขรึม
“ไม่ได้แน่นอน คำพูดอุกอาจไร้คุณธรรมเช่นนี้ เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร เจ้ารู้ดีว่าดินแดนลึกลับเสวียนคงคือสิ่งใด? ใช่สิ่งที่พวกเราพูดว่าทำลาย ก็สามารถทำลายได้อย่างนั้นหรือ? ”
“ท่านพ่อ! เรื่องนี้ลูกครุ่นคิดเป็นเวลานานแล้ว แม้จะเป็นของซีหวังหมู่ ทว่าเราไม่อาจนิ่งดูดายมองชาวบ้านจำนวนมากต้องเสียชีวิต!
ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีดินแดนลึกลับเสวียนคงมีไว้เพื่อปกป้องหุบเขาหลูเหว่ยของพวกเรา ในเมื่อตอนนี้มันปกป้องพวกเราไม่ได้ เช่นนั้นจะมีประโยชน์อันใดที่จะเก็บมันไว้? ”
เจ้าหุบเขาฉู่พลันโกรธจัด “บังอาจ! ”
คุณชายฉู่เองก็ไม่ยอมแพ้ “ท่านพ่อ พวกเราไม่มีทางให้ถอยแล้ว! ท่านดูพวกเขาสิ ดูชาวบ้านตาดำๆ เหล่านั้น เวลาเหลือไม่มากแล้ว พวกเราไม่มีทางเลือกแล้ว”
เจ้าหุบเขาฉู่มองไปยังทิศทางที่บุตรชายของเขาชี้ไป มีคนจำนวนหนึ่งล้มตายอีกแล้ว หุบเขาหลูเหว่ยที่มีต้นไม้เขียวขจีและทุ่งหญ้าสุดสายตา แม่น้ำและลำธาร เวลานี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เขาเห็นถูกเปลวเพลิงแผดเผาทุกหนทุกแห่ง มีศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีหมอกควันอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เจ้าหุบเขาฉู่เจ็บปวดใจยิ่งนัก มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวกำแน่น ทั้งยังสั่นไหวอย่างรุนแรง
น้ำสามารถเดินเรือและล่มเรือได้ เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าแห่งหุบเขาจะไม่เข้าใจความจริงเรื่องนี้ ทว่าดินแดนลึกลับเสวียนคงได้ปกป้องหุบเขาหลูเหว่ยมานานหลายปี ทั้งยังเป็นสิ่งของที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แทนที่จะพูดว่าดินแดนลึกลับเสวียนคงปกป้องหุบเขาหลูเหว่ย มิสู้พูดว่าสกุลฉู่ได้ปกป้องดินแดนลึกลับเสวียนคง ทั้งสองต่างพึ่งพาอาศัยกันมานานหลายปี
หากไม่มีดินแดนลึกลับเสวียนคง ก็จะไม่มีหุบเขาหลูเหว่ย และหากปราศจากหุบเขาหลูเหว่ย ก็จะไม่มีดินแดนลึกลับเสวียนคง
การทำลายล้างดินแดนลึกลับเสวียนคงจึงเป็นเรื่องที่ไร้คุณธรรม
เรื่องเช่นนี้ เจ้าหุบเขาฉู่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด
คุณชายฉู่มองบิดาของเขาตลอดเวลา ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจความคิดที่สับสนภายในใจซึ่งแสดงออกมาบนใบหน้าของบิดา
“ท่านพ่อ พวกเราไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว… ท่านพ่อ! ”
สีหน้าของเจ้าหุบเขาฉู่ปรากฏความเคร่งขรึม ดวงตาราวกับคมดาบ ทว่าเมื่อเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าของบุตรชายและการดิ้นรนเพราะอับจนหนทาง เพื่อเห็นแก่ชาวบ้าน แววตาของเขาจึงค่อยๆ สงบลง
เขาหันหลังกลับไปเหลือบมองยอดเขาที่มีเปลวเพลิงลุกโชน จากนั้นจึงกวาดสายตามองพื้นที่ทุกตารางนิ้วของหุบเขาหลูเหว่ยอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหลับตาลงอย่างช่วยอันใดไม่ได้
เวลาผ่านไปทุกวินาที ครู่หนึ่ง ขณะที่คุณชายฉู่กำลังจะเปิดปากพูดอีกครั้ง เจ้าหุบเขาฉู่ก็ลืมตาขึ้น