ตอนที่ 888 ปะทะจิตวิญญาณ
ไป๋หลิงซี!

แค่ชั่วพริบตา หลินสวินก็รู้ถึงเจ้าของพลังจิตวิญญาณนั่น นี่ทำให้เขาผิดคาดยิ่งนักอย่างอดไม่อยู่

เท่าที่เขารู้ไป๋หลิงซีไม่ถึงขั้นเป็นบุคคลแห่งยุค มากสุดได้แค่เรียกว่ายอดผู้กล้า แต่ความแกร่งแห่งพลังจิตของนางกลับเรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์

กระทั่งตอนนี้ล้วนเหนือกว่าพวกมู่เจี้ยนถิง เหลยเชียนจวิน พุ่งตามจี้ซิงเหยา อวี่หลิงคงที่อยู่สูงกว่าไป

อีกทั้งตามสภาวการณ์เช่นนี้ ใช้เวลาไม่นานนางก็จะเป็นคนแรกที่ทะยานขึ้นสู่นภาหมื่นจั้ง!

บริเวณใกล้เคียงมีเสียงตื่นตะลึงฉับพลัน ชัดแจ้งว่าต่างสังเกตเห็นความผิดปกตินี้

‘นึกออกแล้ว ตอนนั้นที่ค่ายกระหายเลือดในจักรวรรดิจื่อเย่า ไป๋หลิงซีเคยบอกว่านางมีคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘ดารานิรันดร์’ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว!’

ไม่ช้าหลินสวินพลันกระจ่าง เข้าใจสาเหตุในนั้น

ดารานิรันดร์ พรสวรรค์ที่ก่อกำเนิดจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง แม้ที่จักรวรรดิเวลานั้นถูกตัดสินว่าเป็นพรสวรรค์ระดับสี่ แต่ในการทดสอบจุดโคมวิญญาณนี้ ไป๋หลิงซีกลายเป็นผู้เจิดจรัสที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

พลังจิตวิญญาณนางปรากฏเป็นแสงทองเจิดจรัส สว่างกระจ่างไพศาล มีความรู้สึกภูมิฐานส่องประกายนิจนิรันดร์ พิเศษโดดเด่นไม่เหมือนใคร

‘ข้าว่าแล้ว ด้วยคุณสมบัติและพรสวรรค์ของนาง ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่โดดเด่นเจิดจรัส’ หลินสวินยินดียิ่งอยู่ในใจ

เขาและไป๋หลิงซีมีมิตรภาพของเพื่อนร่วมเรียน เมื่อเห็นว่านางสำแดงฝีมือได้อย่างเลิศล้ำ หลินสวินก็มีความภาคภูมิยินดีไปด้วย

ทว่าไม่นานสีหน้าหลินสวินพลันอึมครึม

ห่างออกไป จิตวิญญาณของเยวี่ยเจี้ยนหมิงกำลังทะยานขึ้นฟ้าท่ามกลางไอชั่วร้ายสีดำอย่างยากลำบาก แต่เวลานี้กลับมีพลังจิตวิญญาณอื่นจำนวนหนึ่งพุ่งเข้ามา เจตนาขวางหน้าเยวี่ยเจี้ยนหมิง ทำการกีดขวางและรบกวนเขา

นี่มันร้ายกาจและต่ำทรามเกินไปแล้ว!

หลินสวินสังเกตเห็นว่า พลังจิตวิญญาณหลากสายนั่นต่างมาจากผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์เขียวและคนตระกูลจงหลี รวมห้าคนกำลังเพ่งเล็งเยวี่ยเจี้ยนหมิง

หลินสวินไม่ต้องคิดก็รู้ว่า เหตุที่พวกเขาโจมตีเยวี่ยเจี้ยนหมิงก็เพราะตน!

ก่อนหน้านี้จงหลีอู๋จี้และชิงเหลียนเอ๋อร์เคยป่าวประกาศ ว่าใครเป็นสหายกับเขาหลินสวิน มันผู้นั้นต้องประสบหายนะ อาศัยสิ่งนี้มาข่มขู่ผู้ฝึกปราณแดนฐิติประจิมให้ถอยห่างจากเขาหลินสวิน หมายให้เขาเป็นหมาหัวเน่าโดยสมบูรณ์

เห็นชัดว่าเยวี่ยเจี้ยนหมิงโดนผลกระทบเช่นนี้แล้ว

‘รนหาที่ตาย!’

หลินสวินควบคุมพลังจิตวิญญาณ พลันเคลื่อนย้ายกลางอากาศมุ่งไปทางเยวี่ยเจี้ยนหมิง

“พวกเจ้าทำเช่นนี้ ไม่ไร้ยางอายไปหน่อยหรือ!”

จิตวิญญาณเยวี่ยเจี้ยนหมิงสั่นสะเทือน ส่งเสียงตวาดกร้าว

พลังจิตวิญญาณเขาถูกไอชั่วร้ายสีดำหลากสายเจือปน เส้นทางใกล้ๆ ยังถูกพลังจิตวิญญาณห้าสายขวางกั้น หากไม่ตีฝ่าวงล้อมโดยเร็วต้องถูกคัดออกแน่

“เหอะๆ นี่โทษพวกเราไม่ได้ จะโทษก็ต้องโทษเจ้าที่ไปสนิทชิดเชื้อกับเทพมารหลินเกินไป!”

มีคนหัวเราะเยาะ

“พวกเจ้าไม่กลัวหลินสวินเอาเรื่องพวกเจ้าหรือไง” เยวี่ยเจี้ยนหมิงเดือดดาลอยู่ในใจ เจ้าพวกนี้ไม่กล้าเล่นงานหลินสวิน แต่หันปลายทวนมาทางตน ช่างต่ำทรามถึงที่สุด

“เขา? ฮ่าๆ เจ้าไม่เห็นรึ กระทั่งตอนนี้เขายังถูกกักอยู่ที่ลมกาฬวาตชั้นล่างสุดของห้วงอากาศ พวกเรายังสงสัยว่าเขาจะผ่านการทดสอบครั้งนี้ได้หรือไม่อยู่เลย”

“ฮ่าๆ ใครเล่าจะคาดคิด พลังต่อสู้เทพมารหลินกร้าวแกร่งเช่นนี้ แต่พลังจิตวิญญาณกลับอ่อนแอเสียอย่างนั้น”

เห็นชัดประจักษ์แจ้ง พวกเขาต่างคิดไปว่าเหตุที่หลินสวินละล้าละลังท่ามกลางลมกาฬวาต เป็นเพราะพลังจิตวิญญาณอ่อนแอเกินไป ดังนั้นจึงรุมรังแกเยวี่ยเจี้ยนหมิงอย่างไม่กลัวสิ่งใดเช่นนี้

ส่วนสาเหตุที่พวกเขาไม่ไปเล่นงานหลินสวินนั้นก็ง่ายมาก พวกเขาไม่อยากให้หลินสวินถูกคัดออกเช่นนี้

ไม่ว่าชิงเหลียนเอ๋อร์หรือจงหลีอู๋จี้ ล้วนรอเวลาถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณค่อยพิฆาตหลินสวินให้สิ้นซาก

ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาจากเผ่าหงส์เขียวและตระกูลจงหลี จึงเลือกเล่นงานเยวี่ยเจี้ยนหมิงแทน

“เจ้าก็ตัดทำใจเถอะ หลินสวินนั่นยังเอาตัวไม่รอด ไม่มีทางมาช่วยเจ้าหรอก!”

คนผู้หนึ่งกล่าวเสียงทะมึน

พวกเขาฉลาดมาก รู้ว่าการทดสอบด่านที่สี่นี้ไม่อนุญาตให้ต่อสู้ แม้แต่การโจมตีทางจิตวิญญาณล้วนถูกระงับ

ดังนั้นจึงเลือกกีดขวางโดยรอบ ตัดหนทางข้างหน้าของเยวี่ยเจี้ยนหมิง อาศัยพลังของไอชั่วร้ายสีดำมาบรรลุจุดประสงค์ในการโจมตีและคัดเยวี่ยเจี้ยนหมิงออกไป

“งั้นรึ”

ขณะเดียวกัน เสียงเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้น

ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นชะงักงัน พริบตาก็มองเห็น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พลังจิตวิญญาณของหลินสวินพุ่งเข้าประชิดขึ้นมา ปักหลักอยู่ตรงนั้น ไอชั่วร้ายสีดำละแวกใกล้เคียงล้วนไม่กล้าเข้าใกล้!

“แย่แล้ว!”

“บัดซบ ทำไมเป็นเช่นนี้”

สีหน้าพวกเขาแปรเปลี่ยนยกใหญ่ รีบควบคุมพลังจิตหมายหลบหนี

เพียงแต่เวลานี้ ก็เห็นพลังจิตวิญญาณของหลินสวินพลันส่องสว่าง ดุจวังวนพายุม้วนกลืนไอชั่วร้ายสีดำเอาไว้

จากนั้น…

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงก็มองเห็น จิตวิญญาณของหลินสวินม้วนหอบไอชั่วร้ายสีดำซึ่งโหมกระหน่ำ พุ่งไปทางพลังจิตวิญญาณของพวกที่หนีกระเจิง

เขาไม่ได้ทำการโจมตี เพียงแค่ ‘ผ่านทาง’ ขวางหน้าเท่านั้น จากนั้นก็ปล่อยไอชั่วร้ายสีดำที่ม้วนหอบไว้ออกมาจนสิ้น

แค่ชั่วพริบตา พลังจิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นก็ถูกไอชั่วร้ายสีดำฝังกลบ…

“ไม่…!”

“บ้าเอ๊ย!”

“เทพมารหลิน เจ้าต้องไม่ตายดี!”

เสียงร้องโหยหวนด้วยความคับแค้นดังก้องขึ้น ชวนรู้สึกขนพองสยองเกล้า

ผู้แข็งแกร่งละแวกใกล้เคียงส่วนหนึ่งที่เห็นฉากนี้กับตาต่างอ้าปากค้าง เทพมารหลินช่างเหี้ยมโหดจริงๆ ถึงกับใช้วิธีนี้ซัดผู้แข็งแกร่งห้าคนที่มาจากเผ่าหงส์เขียวและตระกูลจงหลีนั่นแพ้พ่ายในคราเดียว!

ไม่ต้องสงสัย ห้าคนนี้ไม่เพียงแต่ถูกคัดออก กระทั่งจิตวิญญาณยังอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส!

“เจ้ามันหาที่ตาย!” บนห้วงอากาศที่สูงขึ้นไป ชิงเหลียนเอ๋อร์เปล่งเสียงตวาดเยียบเย็นกึกก้อง

“หลินสวิน เจ้าถึงกับทำเรื่องต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้ เจ้ารอก่อนเถอะ เมื่อถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณ ข้าจงหลีอู๋จี้พูดจริงทำจริง จะฆ่าเจ้าเป็นคนแรก!” ขณะเดียวกันจงหลีอู๋จี้ก็สีหน้าคล้ำเขียว ทำการข่มขู่

เดิมบุคคลผู้กล้าที่สามารถมาถึงการทดสอบด่านที่สี่ก็มีไม่มาก คราวนี้เท่ากับหลินสวินกำจัดผู้แข็งแกร่งตระกูลจงหลีและเผ่าหงส์เขียวจนสิ้น ละเว้นเพียงจงหลีอู๋จี้และชิงเหลียนเอ๋อร์!

นี่จะไม่ให้ทั้งคู่เดือดดาลได้อย่างไร

“น่าขัน! คนของพวกเจ้าลงมือก่อน ตอนนี้พวกเจ้ากลับไม่ยอมรับ ยังมาด่าว่าข้าไร้ยางอายชั่วช้า ข้าไม่เคยเห็นพวกสถุลที่หน้าด้านหน้าทนเช่นพวกเจ้ามาก่อน!”

หลินสวินเยาะหยัน

พูดพลางเขาหาได้ลังเลอีก ควบคุมพลังจิตวิญญาณทะลวงฟ้า ประดุจลมพายุหอบหนึ่ง

ครืนๆ …

ไอชั่วร้ายสีดำและลำแสงแปรปรวนที่พบระหว่างทาง… ต่างราวของประดับ ไม่เพียงไม่อาจขวางหลินสวิน กลับถูกทะลวงโค่นแตกละเอียด บดอัดหนักหน่วงเป็นทางว่างเปล่าตรงดิ่ง

“นี่มัน…”

เหล่าผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่กำลังมุ่งหน้าอย่างยากลำบากเห็นดังนี้ ก็ตกใจจนลูกตาแทบถลน นี่มันดุดันไปแล้วกระมัง

ก่อนหน้านี้หลินสวินเก็บงำความสามารถ สงบใจรับรู้และสัมผัสถึงพลังที่กระจายในอากาศ จึงถูกผู้ฝึกปราณคนอื่นมองว่าพลังจิตวิญญาณอ่อนด้อย

แต่ตอนนี้พวกเขาพลันตระหนักได้ว่า จิตวิญญาณเทพมารหลินอ่อนแอซะที่ไหน ชัดแจ้งว่ากร้าวแกร่งถึงขั้นผิดวิสัย!

ฟุ่บ!

เยวี่ยเจี้ยนหมิงตอบสนองไวที่สุด เห็นจังหวะดีงามเช่นนี้ พลังจิตวิญญาณพลันพุ่งทะยาน ทะลวงขึ้นไปตามเส้นทางที่หลินสวินแหวกทลาย

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นตะลึงงันก่อนจะเข้าใจทันที ร้องคำรามหมายเลียนแบบ

แต่น่าเสียดาย เมื่อพวกเขามาถึงเส้นทางว่างเปล่านั้นก็หายไปแล้ว ถูกไอชั่วร้ายสีดำและลำแสงปรวนแปรปกคลุมใหม่อีกครั้ง

“แย่แล้ว!”

สูงขึ้นไปในห้วงอากาศ ชิงเหลียนเอ๋อร์ที่กำลังทะลวงสู่ระดับอสนีเคราะห์เล็กละเอียดราวภาพฝันพลันมองเห็น ว่าหลินสวินกำลังพุ่งเข้ามาทางตน

ไม่อาจขวางกั้นราวเหล็กหมาดปลายแหลม หักสะบั้นทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายตลอดทาง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ชิงเหลียนเอ๋อร์ตกใจจนเกือบร้องออกมา รู้ว่าไม่เข้าที ใช้กำลังทั้งหมดโคจรพลังจิตวิญญาณทะลวงไปเบื้องหน้า เกรงแต่จะถูกหลินสวินไล่ตามทัน

ขณะเดียวกันจงหลีอู๋จี้ที่พลังจิตวิญญาณอยู่อีกที่หน้าพลันเปลี่ยนสีราวไฟลนก้น เริ่มพุ่งปะทะเต็มกำลังเหมือนชิงเหลียนเอ๋อร์

ทั้งคู่ต่างด่าทอยกใหญ่อยู่ในใจ เทพมารหลินชั่วช้าเกินไปแล้ว ความอ่อนแอเมื่อครู่เห็นชัดว่าเสแสร้ง ทำจนสหายพวกเขาเผลอโดนหลอกและถูกคัดออก

และตอนนี้ เจ้าหมอนี่ยังหมายทำร้ายพวกเขาอีก!

หากต่อสู้โรมรันจริงทั้งสองหาได้เกรงกลัวไม่ แต่ประเด็นสำคัญคือการทดสอบด่านที่สี่นี้ สิ่งที่ใช้เปรียบเทียบก็คือพลังจิตวิญญาณ

ตอนนี้พวกเขารับรู้ชัดแล้วว่า พลังจิตวิญญาณของหลินสวินไม่อ่อนแอแม้แต่น้อย กลับกร้าวแกร่งถึงขั้นชวนประหวั่น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะกล้าให้หลินสวินเข้ามาใกล้ได้อย่างไร

หนี!

ทั้งสองต่างอัดอั้นสุมอก หลบหนีด้วยความแค้นเหลือคณา ช่างน่าอัปยศ ถูกคนมากขนาดนี้เห็นว่าหนีเตลิด ทำให้ทั้งคู่ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหน

โชคดีคือทั้งสองเคลื่อนไหวล่วงหน้า เดิมมาถึงบริเวณชั้นสูงกลางอากาศอยู่ก่อนแล้ว เวลานี้ทำการฝ่าทะลวงเต็มกำลัง ไม่ช้าก็พุ่งถึงบนนภาหมื่นจั้ง

เมื่อหลินสวินไล่ตามมาก็ช้าไปก้าวหนึ่ง

บนนภาสูงหมื่นจั้ง โคมวิญญาณมากมายร่ายรำเวียนวน ไม่มีอุปสรรคอันใด นี่ก็บ่งชี้ว่าหลินสวินไม่อาจอาศัยพิบัติเคราะห์อย่างลมกาฬวาต ไอชั่วร้าย ลำแสงแปรปรวนพวกนั้นมาจัดการชิงเหลียนเอ๋อร์และจงหลีอู๋จี้อีก

แม้ว่าเป็นเช่นนั้น ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่เห็นกระบวนการทั้งหมดกับตายังแอบตื่นตระหนก พลังจิตวิญญาณของเทพมารหลินแกร่งเกินไปแล้ว ไล่กวดจนพวกชิงเหลียนเอ๋อร์หลบหนีอเนจอนาถ ป่าเถื่อนจนวุ่นวายไปหมด

“หลินสวิน ข้าจะทำให้เจ้าต้องเจอพันดาบหมื่นแล่!” ชิงเหลียนเอ๋อร์กลับสู่ความสงบ นึกถึงสิ่งที่เผชิญเมื่อครู่ ในใจก็คับแค้นอับอายถึงขีดสุด

“คนชั้นต่ำมักสร้างปัญหา!” การโต้กลับของหลินสวินแสนธรรมดา เพียงประโยคเดียวทำชิงเหลียนเอ๋อร์โกรธจนหน้าเขียว

จงหลีอู๋จี้ไม่เอ่ยวาจา แต่จากสีหน้าคล้ำเขียวนั้นของเขาก็ดูออกได้ไม่ยากว่า ขณะนี้เขาเองก็กักเก็บเพลิงพิโรธสุมอกไร้ที่ระบายไว้

วู้ม!

เวลานี้โคมวิญญาณดวงหนึ่งที่ห่างออกไปพลันถูกจุดสว่าง เกิดคลื่นผันผวนอัศจรรย์แผ่กระจายบนนภาสูงหมื่นจั้ง

เพียงชั่วพริบตา ผู้แข็งแกร่งทุกคนต่างมองเห็น โคมวิญญาณดวงนั้นเริ่มเปล่งแสงแวววาวสว่างขึ้น แสงพร่างพราวศักดิ์สิทธิ์หลากสายงามตระการดั่งภาพฝันปลิวว่อน

แววระยับ!

นี่คือระดับแรกของพลังโคมวิญญาณ

แต่ยังไม่ทันให้เหล่าผู้แข็งแกร่งอัศจรรย์ใจ โคมวิญญาณดวงนี้ก็ส่องสว่างยิ่งกว่าเดิม ลำแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสวพันหมื่นสายสาดส่องออกมา ทำให้ผืนรัตติกาลใกล้เคียงส่องสว่าง

โคมวิญญาณระดับสอง… สว่างไสว!

นี่เป็นพลังจิตวิญญาณของใครกัน ถึงได้ทรงพลังเช่นนี้ แค่ชั่วพริบตาก็จุดโคมวิญญาณที่สว่างเจิดจรัสเช่นนี้ได้