บทที่ 1841 สัญญาในอนาคต

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1841 สัญญาในอนาคต

 

อาณาจักรแห่งความฝันของวังมังกร

 

การต่อสู้อันดุเดือดกําลังมาถึงจุดสําคัญ

 

ซ่งเต๋าจือได้รับบาดเจ็บแต่กลิ่นอายของเขายังเหนือกว่าอู๋ส่วย

 

“อู๋ส่วย เจ้าไม่ได้หยุดท่าไม้ตายของข้า นั่นคือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้า รับความพ่ายแพ้!” ซ่งเต๋าจือตะโกน ร่างกายของเขาปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมา

 

แสงสีเขียวราวกับต้นสนพุ่งเข้าไปหาอี้ส่วยอย่างไม่หยุดยั้ง

 

อู๋ส่วยนอนอยู่ในหลุมลึกโดยไม่ขยับเขยื้อนราวกับเขายอมรับความพ่ายแพ้

 

ผู้อมตะหลายคนที่เฝ้ามองเหตุการณ์นี้ต่างถอนหายใจ

 

“อู๋ส่วยกําลังจะแพ้”

 

“นี่เป็นเรื่องปกติ ซ่งเต๋าจือเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดของนิกายเมฆาวายุ พลังการต่อสู้ของเขาเป็นสามอันดับแรกท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ดของภาคกลาง อู๋ส่วยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

 

“เขาเป็นเพียงผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกร มันยอดเยี่ยมมากแล้วที่เขาสามารถต่อสู้ได้ถึงระดับนี้”

 

“อู๋ส่วยตกลงกับนิกายเมฆาวายุก่อนการต่อสู้ ผู้ชนะจะได้รับเกาะดอกไม้แดนไม้ หากอู๋ส่วยแพ้ การทํางานหนักตลอดหลายร้อยปีของเขาจะกลายเป็นสูญเปล่า”

 

“ถูกต้อง ข้าได้ยินมาว่าอู่ส่วยและสหายมนุษย์มังกรของเขาดูแลเกาะดอกไม้แดนใต้ได้เป็นอย่างดี มันเต็มไปด้วยทรัพยากร ตอนนี้นิกายเมฆาวายุกําลังจะได้รับมัน”

 

“เจ้าไม่สามารถกล่าวเช่นนั้น เดิมทีอู๋ส่วยก็ใช้อุบายเพื่อยึดเกาะดอกไม้แดนใต้มาจากนิกายเมฆาวายุ นี่เป็นเพียงการแก้แค้น เขาสมควรได้รับมัน”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เฝ้ามองอย่างมีความสุขและเพลิดเพลินไปกับความทุกข์ทรมานของคนอื่น

 

ไท่ฉินมองอยู่ที่มุมหนึ่งเพียงลําพัง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ําตาขณะที่นางพึงพำ “ที่รัก…”

 

ในเวลาเดียวกันกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรก็แสดงออกด้วยความเคร่งเครียด

 

มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ความลับบางอย่างและยังมีความหวัง

 

“พี่ใหญ่ ใช้มันและทําให้โลกทั้งใบตกตะลึง!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรฮวงเว่ยตะโกนให้กําลังใจอู๋ส่วยอยู่ภายใน

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่อู๋ส่วยเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า

 

“ในที่สุดเจ้าก็ใช้ท่านี้ ซ่งเต๋าจือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ารอสิ่งนี้มานานแล้ว” อู๋ส่วยหัวเราะ

 

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

 

“ฮึม เขากําลังรอมันอยู่”

 

“เขาเป็นเพียงผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกร เขาจะพลิกสถานการณ์ได้อย่างไร?”

 

“ท่าไม้ตายอมตะคลื่นต้นสนสวรรค์ของซ่งเต๋าจือมีชื่อเสียงมากในภาคกลาง ไม่ มันมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีผู้อมตะระดับเจ็ดเพียงไม่กี่คนที่สามารถรับมือท่าไม้ตายนี้”

 

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาวังขนาดใหญ่กลับปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

 

อู๋ส่วยเข้าไปภายในและพุ่งเข้าปะทะท่าไม้ตายอมตะคลื่นต้นสนสวรรค์ของศัตรูโดยตรง

 

“มันคือสิ่งใด?”

 

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะ!”

 

“ข้าไม่เคยเห็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะเช่นนี้มาก่อน อู๋ส่วยสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเองงั้นหรือ?”

 

“ควรจะเป็นเช่นนั้น ศึกนี้ประกาศให้โลกรับรู้ ทั้งสองฝ่ายสามารถใช้สมบัติของตน ตามกฏ อู๋ส่วยสามารถใช้มัน!”

 

“โอ้ สวรรค์ เผ่ามนุษย์มังกรมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะแล้วและมันยังเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด!”

 

“ดู วังหลังนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะคลื่นต้นสนสวรรค์แม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดทั่วไป มันสามารถต่อต้านพลังอํานาจระดับแปด!”

 

ทุกคนอ้าปากค้าง

 

ซ่งเต๋าจือทั้งโกรธและตกใจมาก

 

หัวใจของเขาจมดิ่งลงเมื่อเขาเห็นท่าไม้ตายอมตะที่เขาภาคภูมิใจหายไปในอากาศ

 

อู๋ส่วยกําลังใช้วังมังกร!

 

เสียงของอู๋ส่วยดังขึ้น “ซ่งเต๋าจือ หากเจ้าคุกเข่าร้องขอความเมตตา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

 

ซ่งเต๋าจือหน้าซีด เขากล่าวด้วยความโกรธ “อย่าแม้แต่จะคิด! เจ้าเป็นเพียงมนุษย์มังกรแต่กล้าทําให้ข้าขายหน้างั้นหรือ?”

 

แม้ซ่งเต๋าจือจะอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแต่เขายังไม่ยอมแพ้

 

“เจ้าต้องชนะ!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ที่อยู่รอบๆตะโกนให้กําลังใจ

 

ภายในวังมังกร อู๋ส่วยหัวเราะเสียงเย็น เขาบังคับวังมังกรพุ่งเข้าโจมตีคู่ต่อสู้โดยตรง

 

“อา…” ซ่งเต๋าจือไม่สามารถหลบได้ทันเวลา เขากรีดร้องอย่างน่าสมเพชขณะถูกวังมังกรบดขยี้จนตาย!

 

“อันใด! ซ่งเต๋าจือตาย!”

 

“เขาฆ่าซ่งเต๋จือจริงๆ! เขาต้องการก่อสงครามงั้นหรือ?”

 

“ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรฆ่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ของเรา เขาพยายามทําสิ่งใด?”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เต็มไปด้วยความโกรธขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรหน้าซีดและรู้สึกกังวล

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่อู๋ส่วยตะโกนออกมาจากวังมังกร “หุบปาก! การต่อสู้ระหว่างข้ากับซ่งเต๋าจือเป็นการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย มันถูกประกาศออกไปทั่วโลกก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น หากผู้ใดคัดค้านออกมาต่อสู้กับข้าและรับความตายของพวกเจ้า!”

เงียบกริบ!

 

ฉากต่อไปของอาณาจักรแห่งความฝันคืองานฉลอง

 

มีโต๊ะนับร้อยที่วางไปด้วยสุราอาหาร ทุกคนต่างเฉลิมฉลองอย่างมีความสุข

 

เป็นธรรมชาติที่อู๋ส่วยจะนั่งอยู่ที่โต๊ะหลัก

 

“ขอแสดงความยินดีกับพี่ใหญ่ หลังการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่มีผู้ใดกล้าแย่งชิงเกาะดอกไม้แดนใต้อีกต่อไป นิกายเมฆาวายุสูญเสียแม่ทัพที่ทรงพลังไปในครั้งนี้เช่นกัน” ฮวงเว่ยยกถ้วยสุราขึ้นและกล่าวด้วยความตื่นเต้น

 

อู๋ส่วยตบไหล่ฮวงเว่ย “น้องเล็ก ทั้งหมดไม่ใช่เพราะข้าเพียงผู้เดียว มันเป็นผลงานของเจ้าเช่นกัน”

 

“พี่ใหญ่…” ฮวงเว่ยน้ําตาคลอเบ้า

 

“ศิษย์พี่ การต่อสู้ครั้งนี้ทําให้ท่านโด่งดังไปทั่วโลก ข้าขอแสดงความยินดีกับท่าน” ไท่ฉินยกถ้วยสุราขึ้นและกล่าวตามมารยาทแต่น้ําเสียงของนางเต็มไปด้วยความรัก

 

“ศิษย์น้อง ขอบคุณสําหรับความห่วงใย” อู๋สวยรู้ว่าไท่ฉินมีความกังวลอยู่ในใจ

 

ดังนั้นเขาจึงตะโกนเสียงดัง “การต่อสู้ของข้ากับซ่งเต๋จื่อเป็นการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย โลกสามารถยืนยันเรื่องนี้ ผู้ใดก็ตามที่ตายต้องยอมรับชะตากรรมของเขา! ซ่งเต๋จือเป็นคู่ต่อสู้ที่ดี เขาสมควรได้รับเกียรติจากความตายในครั้งนี้ ข้าแน่ใจว่านิกายเมฆาวายุจะไม่กลืนคําสัญญาของตนเอง”

 

นิกายเมฆาวายุส่งตัวแทนมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้เช่นกัน พวกเขาเป็นผู้อมตะระดับหกทั่วไป

 

ซ่งเต๋าจือถูกฆ่าโดยอู๋สวย นิกายเมฆาวายุสูญเสียเกาะดอกไม้แดนใต้ แต่เพื่อรักษาชื่อเสียงของฝ่ายธรรมะ พวกเขาต้องส่งสมาชิกมาร่วงงานเลี้ยงของอู๋สวย

 

คํากล่าวของอู๋ส่วยทําให้ใบหน้าของตัวแทนนิกายเมฆาวายุกลายเป็นสีแดง เขาลังเลก่อนจะลุกขึ้นกล่าว “นิกายเมฆาวายุของข้าไม่ใช่นิกายเล็กๆ เมื่อพวกเราตกลงกันแล้ว พวกเราจะกลับคําพูดได้อย่างไร?”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านทูตเชิญนั่ง” อู๋สวยโบกมือและหัวเราะ

 

ทูตจากนิกายเมฆาวายุกัดฟันด้วยความโกรธ แต่ชื่อเสียงของนิกายเมฆาวายุอยู่ในมือของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องนั่งลง

 

“สหายอู๋ส่วย ข้าคือผู้อมตะของทะเลตะวันออก กู้เหลียง ข้าดูการต่อสู้ของเจ้ากับซ่งเต๋าจือ และเห็นวิธีที่เจ้าเอาชนะเขา เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก ข้าขอดื่มให้เจ้า” ผู้อมตะชายที่สวมชุดคลุมและมงกุฎเดินออกมา

 

เขาเรียกตนเองว่ากู้เหลียง เขาเป็นชายวัยกลางคนแต่รอยยิ้มของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้มีอํานาจออกมาดื่มาก

 

สู้ครั้งนี้ทําให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก อมตะของทะเลตะวันออกยังมาร่วมงานเลี้ยงของเขา

 

“ท่านหญิงวังอักษรศิลป์มาถึงแล้ว!” ยามเฝ้าประตูประกาศเสียงดัง

 

ห้องโถงตกสู่ความโกลาหลทันที ผู้อมตะระดับแปดปรากฏตัวที่นี่

 

ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ไม่ได้มาคนเดียว นางพาบุตรสาวมาด้วย นั่นคือชูจิ่วหลิง ภรรยาในนามของอู๋ส่วย

 

“บุตรเขยของข้า ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของเจ้า” ท่านหญิงวังอักษรศิลป์เผยรอยยิ้มบาง แม้นางจะกล่าวประโยคง่ายๆเพียงประโยคเดียวแต่การแสดงออกของทุกคนกลับเปลี่ยนแปลงไป

 

“ท่านแม่และภรรยาที่มีคุณธรรมของข้า ข้าจัดที่นั่งไว้ให้พวกท่านแล้ว เชิญนั่งลงก่อน” อู๋ส่วย ยิ้มและเชิญทั้งสองแต่ในใจลอบประหลาดใจ

 

จากมุมมองของอู๋ส่วย เป็นธรรมดาที่เขาต้องเชิญท่านหญิงวังอักษรศิลป์มาร่วมงานนี้ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องทําหน้าที่บุตรเขยที่ดี อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่านางจะมาจริงๆ

 

ยิ่งไปกว่านั้นนางยังพาบุตรสาวมาด้วย นี่เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของอู๋ส่วย

 

“นักพรตมดเขียวมาถึงแล้ว!” หลังจากท่านหญิงวังอักษรศิลป์ ผู้อมตะระดับแปดคนที่สองก็มาถึง

 

นี่คืออาจารย์ของอู๋ส่วย แต่ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา อู๋ส่วยไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกต่อไป

 

อู๋ส่วยส่งเทียบเชิญให้เขาเช่นกัน

 

“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์!” อู๋ส่วยรีบทักทาย

 

“ศิษย์ของข้า ข้ามาเยี่ยมเจ้าแล้ว” นักพรตมดเขียวมองอู๋ส่วยและพยักหน้าสรรเสริญ “อืม เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาก”

 

“ท่านอาจารย์ เชิญนั่ง” อู๋ส่วยแสดงออกด้วยความตื่นเต้น เขาไม่ได้เสแสร้งแต่มันเป็นอารมณ์ที่แท้จริงของเขา

 

อิทธิพลและผลประโยชน์จากการต่อสู้ครั้งนี้เหนือความคาดหมายของเขาไปไกลมาก

 

หลังจากงานเลี้ยง อู๋ส่วยส่งผู้อมตะระดับแปดกลับด้วยตนเอง แต่ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ทิ้งบุตรสาวของนางไว้ข้างหลัง

 

“พวกเจ้าทั้งสองแยกจากกันมานานแล้ว พวกเจ้าควรใช้เวลาอยู่ด้วยกัน” ท่านหญิงวังอักษรศิลป์กล่าวด้วยน้ําเสียงเรียบๆแต่มันมีความหมายซ่อนอยู่

 

ชูจิ่วหลิงเงียบ นางไม่ได้ใจร้อนเหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้นางสงบมาก

 

แต่ในยามค่ําคืน อู๋ส่วยกลับทิ้งนางไว้ในห้องเพียงลําพัง “ภรรยาที่ดีของข้า พักผ่อนเถอะ ข้าต้องทํางานบางอย่าง”

 

เขายังสุภาพมากเหมือนครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน

 

ชูจิ่วหลิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “สามีไปทํางานของท่านเถอะ”

 

อู๋ส่วยจากไป เขาไปหาไท่ฉิน

 

“น้องหญิง ข้ามาแล้ว”

 

“ท่านพี่ ข้าคิดว่าวันนี้ท่านจะไม่มา”

 

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าต้องรู้ว่าเจ้าสําคัญเพียงใดในหัวใจของข้า หญิงผู้นั้นไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับเส้นผมเพียงเส้นเดียวของเจ้า”

 

ไท่ฉินมีความสุขมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่นางยังถามด้วยความกังวล “ท่านพี่ ข้ายังรู้สึกกังวลอยู่บ้าง ท่านฆ่าผู้อมตะระดับเจ็ดของนิกายเมฆาวายุ พวกเขาจะปล่อยเรื่องนี้ไปจริงๆงั้นหรือ?”

 

“แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยมันไป แต่แล้วอย่างไร?” อู๋ส่วยหัวเราะเย้ยหยัน เขามองดวงจันทร์บนท้องฟ้าและถอนหายใจ “วันนี้หลังจากงานเลี้ยง ข้า อู๋สวย ในที่สุดก็ตระหนักถึงความจริงบางอย่าง”

 

“มันคือสิ่งใด?”

 

ดวงตาของอู๋ส่วยสั่นไหวเล็กน้อย “บนโลกใบนี้ ความแข็งแกร่งคือสิ่งสําคัญที่สุด เจ้าคิดว่าเหตุใดท่านอาจารย์และท่านหญิงวังอักษรศิลป์จึงมางานเลี้ยงของข้า? นั่นเป็นเพราะข้าเป็นเจ้าของคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังมังกร แม้ข้าจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ข้าสามารถใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด นี่คือรากฐานของข้า ตอนนี้ข้ามีคุณสมบัติที่จะพูดคุยกับพวกเขาแล้ว”

 

“นิกายเมฆาวายุจะจดจําความแค้นนี้เอาไว้ แต่พวกเขายังต้องคิดถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ วังมังกรของข้า!”

 

“ตราบเท่าที่ข้ามีความแข็งแกร่งนี้ ข้าก็ไม่จําเป็นต้องกลัวสิ่งใด”

 

“ไม่ ข้าจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดอย่างแน่นอน ข้าจะทําให้วังมังกรกลายเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดเช่นกัน เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าอยากรู้นักว่าผู้ใดยังกล้าดูถูกข้า!”

 

“ท่านพี่…” ไท่ฉินวางศีรษะลงบนหน้าอกของอู๋ส่วยด้วยความรัก

 

อู๋สวยก้มศีรษะลงและลูบผมของนางเบาๆ “น้องหญิง ข้าจะทําให้เจ้ามีความสุข ข้าจะมอบชีวิตที่ดีแก่เจ้า ตอนนี้ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ยังเป็นภัยคุกคามของข้า แต่เมื่อข้ากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด ข้าจะมอบสถานะที่เหมาะสมให้เจ้า”

 

“ข้าไม่ต้องการสถานะใดๆ ท่านพี่ ข้าพอใจมากแล้วที่ได้อยู่เคียงข้างท่าน”

 

“แต่ข้าไม่พอใจ ข้าอยากมีลูกมากมายกับเจ้าในอนาคต ข้าต้องการเพลิดเพลินกับการเฝ้ามองบุตรหลานของพวกเราเติบโตขึ้น”

 

“มันจะมีวันนั้นจริงหรือ?” ใบหน้าของไท่ฉินกายเป็นแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

 

“แน่นอน” อู๋ส่วยกอดนางเอาไว้อย่างแนบแน่น “เชื่อข้า วันนั้นจะมาถึงอย่างแน่นอน!”