บทที่ 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม

 

อู๋ส่วยใช้วังมังกรสังหารซ่งเต๋าจื่อแห่งนิกายเมฆาวายุต่อหน้าทุกคน นั่นทําให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปทั่ว

 

ระหว่างงานเลี้ยงฉลอง นักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์มาร่วมงาน นี่เป็นการยืนยันอิทธิพลของอู๋ส่วยที่เติบโตขึ้น ตอนนี้เขามีคุณสมบัติที่จะพูดคุยอย่างเท่าเทียมกับผู้อมตะระดับแปดแล้ว

 

คืนวันงานเลี้ยง อู๋ส่วยนอนหลับฝันดี

 

ในความฝัน เขาสามารถเติมเต็มความปรารถนาทั้งหมดของตน เขาบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่เขาเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อพวกมัน

 

เขากลายเป็นผู้นําเผ่ามนุษย์มังกร เขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด ราชันมังกรก้าวลงจากตําแหน่ง

 

เขาควบคุมวังมังกรและทําให้เผ่ามนุษย์มังกรสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีสถานะที่เท่าเทียมกับมนุษย์ 

 

เขากักขังฟานจื่อและทรมานคนผู้นี้ต่อหน้าชูจิ่วหลิงก่อนที่เขาจะจัดการกับชูจิ่วหลิงด้วยตนเอง ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ต่อสู้กับเขา หลังจากนางพบกับความพ่ายแพ้ นางต้องร้องขอให้เขาไว้ชีวิตบุตรสาวของนางและเสนอตัวนางเองเป็นลูกน้องของเขา อู๋ส่วยตกลง เขาใช้ชูจิ่วหลิงเป็นคนรับใช้ ขณะที่ท่านหญิงวังอักษรศิลป์กลายเป็นทาสที่ภักดีต่อเขา

 

เขาวางนักพรตมดเขียวและเทพธิดาสุราไว้ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดนอกของเผ่ามนุษย์มังกร แม้พวกเขาจะไม่ต้องการ แต่เผ่ามนุษย์มังกรแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาต้องยอมจํานนต่อพลังอํานาจของอู๋ส่วย

 

สิ่งที่ทําให้เขามีความสุขที่สุดคือเขาทําให้ไม่ฉันกลายเป็นจักรพรรดินีมังกรเพียงคนเดียวของเขา ทั้งสองมีลูกๆที่เฉลียวฉลาดและมีพรสวรรค์มากมาย

 

วันต่อมาอู๋ส่วยตื่นขึ้นด้วยรอยยิ้ม

 

เขามองไท่ฉินที่นอนอยู่ด้านข้างและห่มผ้าให้นางด้วยความรักก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ

 

การต่อสู้ของอู๋ส่วยกับซึ่งเต่จ่อปลุกขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกร ด้วยอิทธิพลนี้ เผ่ามนุษย์มังกรจึงกระตือรือร้นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

 

ไม่กี่ทศวรรษต่อมา ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์มังกรทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ราชันมังกรรู้เรื่องนี้และเรียกอู๋ส่วยไปพบ

 

อู๋ส่วยเดินทางไกลหลายพันลี้เพื่อไปพบราชันมังกรแต่กลับถูกดุด่า

 

หลายปีที่ผ่านมาเขาเป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์มังกร

 

ราชันมังกรสังให้เขาประกาศอาชญากรรมของตนเองและก้าวลงจากตําแหน่งเจ้าของเกาะดอกไม้แดนใต้

 

อู๋ส่วยไม่เต็มใจแต่ต่อหน้าราชันมังกรกับวังสวรรค์ เขายังอ่อนแอเกินไป

 

เขากลับเกาะดอกไม้แดนใต้ด้วยความโกรธและต้องทําตามคําสั่งของราชันมังกรอย่างไม่เต็มใจ

 

กู้เหลียงมาเยี่ยมเขา

 

อู๋ส่วยพบคนผู้นี้ครั้งแรกในงานเลี้ยงหลังการสังหารซ่งเต๋าจื่อของเขา

 

หลายปีที่ผ่านมากู้เหลียงเริ่มสนิทสนมกับเผ่ามนุษย์มังกรของเกาะดอกไม้แดนใต้ พวกเขาร่วมงานกันบ่อยครั้งและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 

“อู๋ส่วย ข้าได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของเกาะดอกไม้แดนใต้แล้ว เหตุใดเจ้าต้องยอมรับว่ามันเป็นอาชญากรรม?”

 

อู๋ส่วยถอนหายใจ “กู้เหลียง นี่เป็นคําสั่งของบรรพชนราชันมังกรของข้า ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อฟังเขา”

 

อู๋ส่วยกล่าวต่ออย่างจริงจัง “ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า เมื่อข้าสังหารซ่งเต๋าจื่อ ข้าคิดว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทําให้เผ่ามนุษย์มังกรของข้าสามารถเงยหน้าขึ้น แต่หลังจากหลายทศวรรษผ่านไป ดูเหมือนข้าจะติดอยู่ในหลุมทราย การกระทําทั้งหมดของข้ามีผลเพียงเล็กน้อย ข้ากําลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากทุกทิศทาง”

 

กู้เหลียงยิ้มและปลอบโยน “อย่าประเมินตนเองต่ําเกินไป หลายปีที่ผ่านมาข้าเห็นการทํางานหนักของเจ้า หากไม่ใช่เพราะการจัดการของเจ้า เผ่ามนุษย์มังกรบนเกาะดอกไม้แดนใต้คงถูกคนโลภกลืนกินไปแล้ว ทํายที่สุดมันก็เป็นสิบนิกายโบราณและวังสวรรค์ที่เจ้ากําลังต่อต้าน”

 

อู๋ส่วยเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะที่เขาจะถอนหายใจและเงยหน้าขึ้น “การนําเผ่ามนุษย์มังกรทะยานขึ้นอาจฟังดูง่ายแต่มันยากราวกับการปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์”

 

กู้เหลียงยังยิ้ม “ค่อยๆก้าวไปที่ละขั้น ก่อนที่วังสวรรค์จะขึ้นสู่อํานาจ พวกเขาก็พบกับสถานการณ์เดียวกันมิใช่หรือ?”

 

อู๋ส่วยกล่าวด้วยน้ําเสียงหดหู่ “ด้วยค่าสั่งของบรรพชน งานหนักหลายทศวรรษหรือหลายศตวรรษของข้าก็กลายเป็นสูญเปล่า มนุษย์ปกครองโลก นี่คือสิ่งที่ยากที่จะปฏิเสธ”

 

กู้เหลียงเสนอ “ข้ามีวิธี”

 

“โอ้ วิธีใด? บอกข้าเร็ว ไม่จําเป็นต้องลังเล เราเป็นสหายสนิท” อู๋ส่วยเร่งถาม

 

“มันเป็นแผนการทั่วไป เจ้าเพียงกังวลเกี่ยวกับขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าและเกาะดอกไม้แดนใต้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขา ราชันมังกรต้องการกําจัดสิ่งนั้น แต่หากเจ้าก้าวเข้าสู่ระดับแปด มันจะเป็นอย่างไร?”

 

“ระดับแปด? เหตุใดข้าจะไม่ต้องการมัน!? แต่การกําวข้ามภัยพิบัติสุดท้ายอันตรายมาก แม้ข้าจะมีวังมังกรแต่ข้ายังเกรงว่า…” อู๋ส่วยลังเล

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าดูแลเกาะดอกไม้แดนใต้มานานหลายปี เจ้าจะไม่กล้ารับความเสียงได้อย่างไร? เจ้ารู้ว่าตนเองมีความสําคัญกับเกาะและเผ่าพันธุ์ ความกังวลเหล่านี้เป็นสิ่งเหนี่ยวรั้งเจ้าเอาไว้ เจ้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะช่วยเจ้า ข้าจะช่วยให้เจ้าประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งสุดท้ายและกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง!” กู้เหลียงกล่าวและปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดออกมา

 

ปรากฏว่าเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ปลอมตัวเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด!

 

อู๋ส่วยตกใจมาก “กู้เหลียง…ไม่…ผู้อาวุโส…ท่าน…”

 

กู้เหลียงยกมือขึ้นหยุดอู่ส่วย “อู๋ส่วย มาคุยกันในฐานะสหาย ความจริงก็คือข้าเข้าหาเจ้าด้วยเจตนาบางอย่างภาคกลางแข็งแกร่งเกินไป อีกสี่ภูมิภาคอ่อนแอ ในฐานะผู้อมตะของทะเลตะวันออก ข้ายินดีที่จะเห็นความขัดแย้งภายในของภาคกลาง แต่ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเพราะเรื่องนั้น ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้าจากใจจริง กล่าวตามตรง เราค่อนข้างเหมือนกัน”

 

อู๋ส่วยดีใจมาก “หลายปีที่ผ่านมาข้าเคยขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะระดับแปดหลายคน แต่กระทั่งนักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์ก็ยังปฏิเสธข้า ความช่วยเหลือของเจ้ามาในจังหวะที่เหมาะสมจริงๆ ข้า อู๋ส่วย จะไม่มีวันลืมความเมตตานี้!”

 

ฉากต่อไปของอาณาจักรแห่งความฝันคือภัยพิบัติของอู๋ส่วย

 

เขาได้รับความช่วยเหลือจากกู้เหลียงและประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติ

 

ในที่สุดอู๋ส่วยก็กลายเป็นผู้อมตะระดับแปด

 

แม้เขาจะเชื่อฟังคําสั่งของราชันมังกรและทําให้เผ่ามนุษย์มังกรรู้สึกสิ้นหวัง แต่เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด ขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกรก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

 

อู๋ส่วยกลายเป็นตัวตนอันดับสองของเผ่ามนุษย์มังกร เขาก้าวข้ามรุ่นพ่อ มีเพียงราชันมังกรเท่านั้นที่อยู่เหนือเขา

 

อู๋ส่วยกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริงและสามารถพูดคุยอย่างเท่าเทียมกับนักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์

 

ทัศนคติของราชันมังกรที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปเช่นกัน ราชันมังกรไม่เรียกอู๋ส่วยไปดุด่าอีกต่อไป

 

นี่ทําให้อู๋ส่วยรู้สึกหลุดพ้นจากแรงกดดันทั้งหมด

 

“ทิวทัศน์ของระดับแปดช่างแตกต่างอย่างแท้จริง!”

 

“ตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้อมตะบนจุดสูงสุดไปแล้ว”

 

อู๋ส่วยรู้สึกขอบคุณเหลียง หลังจากเรื่องนี้ความร่วมมือของพวกเขาก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น

 

กู้เหลียงบอกความลับมากมายกับอู๋ส่วย “รากฐานของวังสวรรค์คือวิญญาณชะตากรรม ในประวัติศาสตร์ เทพปีศาจสองคนบุกโจมตีวังสวรรค์แต่เหตุใดพวกเขาถึงล้มเหลว? เหตุผลเป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถท่าลายวิญญาณชะตากรรม เนื่องจากการจัดเตรียมของเทพอมตะกลุ่มดาว พวกเขาจึงไม่สามารถสั่นคลอนรากฐานของวังสวรรค์”

 

“อย่างไรก็ตามการหลอมรวมเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวเข้ากับเจตจํานงสวรรค์ทําให้เต๋าสวรรค์ไม่พอใจ วิถีแห่งสวรรค์คือการรักษาสมดุล แต่มนุษย์รุ่งเรืองและแข็งแกร่งเกินไป สวรรค์ไม่ต้องการเห็นสิ่งนี้!”

 

อู๋ส่วยได้เรียนรู้เรื่องสําคัญมากมายจากกู้เหลียง แม้เขาจะอาศัยอยู่ในภาคกลางและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของหนึ่งในสิบนิกายโบราณ แต่เขากลับไม่เคยล่วงรู้ความลับเหล่านี้

 

“อู๋ส่วย หากเจ้าต้องการนําเผ่ามนุษย์มังกรทะยานขึ้น การบ่มเพาะระดับแปดยังไม่เพียงพอในความเป็นจริง แม่เจ้าจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด มันก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อวังสวรรค์ หลังจากทั้งหมดวังสวรรค์มีผู้อมตะระดับแปดมากมาย!”

 

“ข้าขอกล่าวตามตรง หากเผ่ามนุษย์มังกรของเจ้าก้าวข้ามขอบเขตที่วังสวรรค์จะรับได้ พวกเขาจะกําจัดพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

 

อู๋ส่วยคิดและขอคําแนะนําจากกู้เหลียง

 

กู้เหลียงตอบ “การทะยานขึ้นของเผ่ามนุษย์มังกรไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าต้องตั้งเป้าไปยังแหล่งกําเนิดของทุกสิ่ง!”

 

“แหล่งกําเนิด? เจ้าหมายถึงวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ?” อู๋ส่วยเผยรอยยิ้มขมขึ้น “วิญญาณชะตากรรมอยู่ในการดูแลของวังสวรรค์”

 

“มันยากจริงๆ แต่มันยังมีความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เรามีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ดวงตาของกู้เหลียงส่องประกายขึ้น

 

อู๋ส่วยถูกล่อลวง “เจ้ากําลังกล่าวถึง…บัวแดง?”

 

“ถูกต้อง เดิมที่วังสวรรค์ต้องการเลี้ยงดูบัวแดงให้กลายเป็นเทพอมตะ แต่เขามีเจตนาอื่น เขาเลือกที่จะท้าทายวังสวรรค์ ราชันมังกรยุ่งอยู่กับเรื่องนี้ มันทําให้เขาปวดหัวจนทําให้เขาไม่มีเวลาดูแลเผ่ามนุษย์มังกร จากจุดนี้ เจ้าต้องขอบคุณบัวแดงที่ช่วยลดแรงกดดันที่เจ้ากําลังเผชิญ” กู้เหลียงกล่าว

 

“เราจะยืมพลังของบัวแดงงั้นหรือ? นั่นเป็นความคิดที่ดี แต่เราจะติดต่อเขาได้อย่างไร?” อู๋ส่วยถามอีกครั้ง “บัวแดงลึกลับเกินไป เป็นเรื่องยากที่จะค้นหาเขา”

 

“เราไม่สามารถเข้าหาบัวแดง แม้เราจะต้องการพบเขา แต่เขาจะปฏิเสธเรา บางทีเขาอาจโจมตีหรือกระทั่งทําลายล้างพวกเรา” การแสดงออกของกู้เหลียงเปลี่ยนแปลงไป

 

เขากล่าวต่อ “ไม่ว่าบัวแดงจะเป็นเทพอมตะหรือเทพปีศาจ เขาก็ยังเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์”

 

“หากเขาไม่ต้องการร่วมมือ เราจะยืมกําลังของเขาได้อย่างไร?” อู๋ส่วยถาม

 

กู้เหลียงหัวเราะ “บัวแดงต้องการชุบชีวิตครอบครัวและคนรัก เขาต้องต่อสู้กับเต๋าสวรรค์และท้าทายโชคชะตา ความขัดแย้งนี้ไม่สามารถแก้ไข ดังนั้นเขาจึงหันหลังให้กับอาจารย์ของเขา ขณะที่ราชันมังกรยังไม่สามารถเปลี่ยนใจบัวแดง บัวแดงจะโจมตีวังสวรรค์และทําลายวิญญาณชะตากรรมอย่างแน่นอน เมื่อเขาบุกวังสวรรค์ มันจะเป็นโอกาสของเรา”

 

“บัวแดงจะโจมตีวังสวรรค์เมื่อใด?”

 

“ข้าไม่แน่ใจ อาจใช้เวลาหลายปีหรืออาจไม่กี่วันข้างหน้า”

 

อู๋ส่วยพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว จากนี้ไปเราต้องเข้าหาวังสวรรค์เพื่อรวบรวมข้อมูล เมื่อบัวแดงโจมตี เราจะใช้โอกาสนั้นขโมยวิญญาณชะตากรรม!”