เล่มที่ 27 เล่มที่ 27 ตอนที่ 808 เบิกฟ้า

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

แม้แต่ท่านเทพยังพูดเช่นนี้ ดูเหมือนว่าความหวังค่อนข้างริบหรี่จริงๆ ความยากลำบากมีมากกว่า

ดวงตาของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาปรากฏร่องรอยความสิ้นหวังที่มองไม่เห็น

ทว่าพวกเขาไม่มีวันยอมแพ้

“แม่จะมีโอกาสน้อยมาก ทว่าทุกอย่างย่อมมีจุดอ่อนของมัน ขอเพียงพวกเราพบจุดอ่อนนั้น คงออกไปจากที่นี่ได้ไม่ยาก”

ท่านเทพเหลือบมองซูจิ่นซีด้วยแววตาชื่นชม “ไม่คิดว่า เจ้าอายุยังน้อย แต่กลับมีความคิดที่ละเอียดรอบคอบเช่นนี้”

ซูจิ่นซีไม่เสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระ “พวกเราสามคนออกค้นหากันเถิด! พลังของพวกเราสามคนรวมกันย่อมมีพลังมากกว่าคนคนเดียว”

“แท้จริงแล้ว มิติเวลาและโลกเสมือนจริงทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นมาจากความสามารถและการบำเพ็ญเพียรของผู้ฝึกตน ไม่เพียงอาศัยพลังจิตของผู้ฝึกตนบำเพ็ญเพียรเท่านั้น ทว่ายังรวมถึงพลังยุทธ์ของผู้ฝึกตนที่ถ่ายทอดออกมาอีกด้วย ขอเพียงพวกเราค้นหาพลังยุทธ์ผู้ฝึกตนของซีหวังหมู่ที่ถ่ายทอดออกมาในมิติเวลานี้ และทำตามคำแนะนำที่กล่าวมาเมื่อครู่ หาจุดอ่อนของมันให้พบ การออกไปจากที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก” ท่านเทพอธิบาย

ซูจิ่นซีพยักหน้า นางมองไปรอบๆ ครู่หนึ่งและพูดว่า “พวกท่านดูทางนี้ รอบบริเวณมียอดเขาสูง ทว่าทุกทิศจะมียอดเขาที่สูงที่สุด ยอดเขาสูงเหล่านั้นราวกับเป็นตัวแทนของรูปแบบบางอย่าง”

จุดนี้ เยี่ยโยวเหยาสังเกตเห็นนานแล้ว

“ทิศเหนือคือนกยูงแดง ทิศใต้คือเต่าดำ ทิศตะวันตกคืองูไป๋เหยียน และทิศตะวันออกคือนกต้าเผิง”

นกยูงแดง เต่าดำ นกต้าเผิง และทิศทางอื่นๆ ซูจิ่นซีพอจะเข้าใจ ทว่าเหตุใดทิศตะวันตกถึงเป็น ‘งูไป๋เหยียน’ งูไป๋เหยียนคือตัวอันใด นางไม่เคยได้ยินมาก่อน

ซูจิ่นซีไม่เคยได้ยินชื่องูไป๋เหยียนมาก่อนในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่เข้าใจว่างูไป๋เหยียนกับสัตว์อีกสามตัวรวมกันหมายถึงอันใด?

เห็นได้ชัดว่าเยี่ยโยวเหยาก็ไม่เข้าใจเช่นกัน จึงเหลือบมองไปที่ท่านเทพ

ท่านเทพอธิบายด้วยท่าทางเคร่งขรึม

“งูไป๋เหยียน แท้จริงแล้วเป็นจักรพรรดิเหยียนตี้ มีความเกี่ยวข้องกับซีหวังหมู่”

ทันทีที่ได้ยินว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับซีหวังหมู่ ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาก็ฟังอย่างตั้งใจ

“จักรพรรดิเหยียนตี้คือหัวหน้าชนเผ่าในสมัยโบราณ เป็นเจ้าผู้ปกครองสวรรค์และโลก ซึ่งสืบทอดมาจากเทพีหนี่ว์วา ทว่าเพื่อให้ประชาชนได้ลิ้มรสชาติที่เอร็ดอร่อย เขาจึงตกลงไปในดินแดนรกร้าง หลงทางอยู่ชั่วนิรันดร์ในดินแดนซีเป่ย หลายพันปีต่อมา เขาได้รับการช่วยเหลือจากซีหวังหมู่ ทว่าในตอนนั้นมีจักรพรรดิตี้จวินองค์ใหม่ปกครองสวรรค์และโลกแล้ว จักรพรรดิเหยียนตี้จึงไม่ได้เสด็จกลับแดนสวรรค์ และทรงประทับอยู่ในดินแดนซีเป่ยตลอดไป ตำนานเล่าว่าความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิเหยียนตี้กับซีหวังหมู่ลึกซึ้งอย่างมาก เนื่องจากเขาปกครองสวรรค์และโลกในช่วงเวลาสั้นๆ จึงมีบันทึกให้ชนรุ่นหลังน้อยมาก และน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้”

ตะวันตกเฉียงเหนือเป็นที่ประทับของซีหวังหมู่ แม้ท่านเทพไม่ได้อธิบายว่าความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิเหยียนตี้และซีหวังหมู่เป็นอย่างไร ทว่าซูจิ่นซีสามารถคาดเดาอันใดได้บางอย่าง

“จักรพรรดิเหยียนตี้คงมีความสำคัญมากภายในใจของซีหวังหมู่ ดังนั้นจิตเทพของพระองค์จึงปรากฏภาพงูไป๋เหยียน”

เยี่ยโยวเหยาราวกับเห็นอันใดบางอย่าง “เหนือนกยูงแดง ใต้เต่าดำ ตะวันตกงูไป๋เหยียน ตะวันออกนกต้าเผิง ดวงตาของสัตว์ทั้งสี่ตัวราวกับมองไปยังตำแหน่งที่แตกต่างกันสี่ตำแหน่ง ทว่ามีเบาะแสให้ติดตาม”

ซูจิ่นซีและท่านเทพต่างหลับตาทำสมาธิตามคำพูดของเยี่ยโยวเหยา ก่อนจะมองไปตามทิศทางที่ดวงตาของสัตว์ทั้งสี่มองไป ซึ่งสามารถวาดได้เป็นเส้นสี่เส้น

ธาตุทั้งสี่คือสี่เสา สี่เสาเป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว

สถานที่แห่งนี้มีเปลวเพลิงลุกโชน ดูเหมือนว่าเสาทั้งสี่แห่งสวรรค์และโลกจะซ่อนอยู่ในนั้น

ขอเพียงหาศูนย์กลางการสลับขั้วทั้งสี่ ก็จะพบจุดอ่อนในมิติเวลาแห่งนี้ และนั่นก็คือทางออกเพียงแห่งเดียว

ผ่านไปครู่ใหญ่ ท่านเทพและซูจิ่นซีก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน ดวงตาของพวกเขาทั้งสองเปล่งประกาย

ซูจิ่นซีชี้ไปยังทิศทางของเมฆหนาทึบบนท้องฟ้าในระยะไกล “เยี่ยโยวเหยา กระบี่เสวียนหยวนของเจ้าคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิฝูซีสมัยโบราณ มันอาจเบิกท้องฟ้าได้ ขอเพียงสามารถแยกท้องฟ้าออกจากกัน พวกเราก็ออกไปได้แล้ว”

เยี่ยโยวเหยาพยักหน้า “ตกลง ข้าจะลองดู”

“พวกเราทำพร้อมกัน! ”

จากนั้น ทั้งสองคนก็ชักกระบี่เสวียนหยวนและกระบี่เฟิ่งอวี่ออกมาตามลำดับ และฟาดไปยังทิศทางของเมฆดำหนาทึบที่อยู่ไกลออกไปพร้อมกัน

ท่านเทพยืนมองอยู่บนพื้น รูม่านตาของเขาหดลง แม้จะคาดเดาผลลัพธ์ได้เหมือนกับซูจิ่นซี ทว่าเมื่อดูซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาลงมือพร้อมกัน ภายในใจของเขาพลันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

ต้องทราบว่าวิธีการดังกล่าวอันตรายอย่างมาก เป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย หากเบิกฟ้าได้จริงๆ พวกเขาก็มีโอกาสรอด ทว่าหากเบิกท้องฟ้าไม่ได้ หรือทำผิดตำแหน่งเล่า?

การกระทำเช่นนี้ย่อมรบกวนจิตเทพของซีหวังหมู่ที่ประทับอยู่ที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย ประตูจะถูกปิดตลอดไป พวกเขาจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ชั่วชีวิต นอกจากนั้น ดินแดนลึกลับเสวียนคงถูกทำลายไปแล้ว สถานที่แห่งนี้กำลังจะพังทลาย หากพวกเขาไม่ออกไปให้เร็วที่สุด พวกเขาจะหายตัวไปในมิติเวลานี้ตลอดกาล

เมื่อเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีเข้าใกล้ท้องฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของท่านเทพก็แทบทะลักออกมาจากลำคอ

ในที่สุด ทั้งสองก็ชูกระบี่ในมือขึ้นสูง ควบแน่นพลังภายในทั้งหมดในร่างกายและฟาดไปทางท้องฟ้านั้น

ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็พังทลาย แผ่นดินและภูเขาสั่นสะเทือน เมฆค่อยๆ เปิดออก ท้องฟ้าปรากฏแสงสว่าง แสงเจิดจ้านั้นส่องไปยังพื้นดินที่มีเปลวเพลิงลุกโชน

ใบหน้าตึงเครียดของท่านเทพพลันทอประกายสดใส เมื่อเห็นแสงสว่างจ้านั้นค่อยๆ เปิดออก

พวกเขา… ทำสำเร็จ

ท่านเทพยืนขึ้นและรีบตะโกนเสียงดังว่า “รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ที่นี่คงอยู่ได้อีกไม่นาน”

สีหน้าของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาพลันปรากฏความจริงจัง ทันทีที่เยี่ยโยวเหยาได้ยินคำกล่าวของท่านเทพ ในวินาทีนั้น เขาก็จับมือของซูจิ่นซีพาเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า ตามหลังท่านเทพอย่างใกล้ชิด

ในหุบเขาหลูเหว่ย คุณชายฉู่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องของเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีตลอดเวลา เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าไปในห้องให้ได้ ทว่าเขาไม่สามารถเข้าไปได้

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเป็นคนเชิญเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีมาที่นี่ พวกเขาเป็นแขกคนสำคัญของที่นี่ ทั้งพวกเขายังมอบยาแก้พิษให้คนในหุบเขาหลูเหว่ยที่ถูกพิษอีกด้วย หากเกิดอันใดขึ้นกับพวกเขาในหุบเขาหลูเหว่ย เขาต้องถูกตำหนิเป็นแน่ ทั้งยังยากที่จะก้าวข้ามมโนธรรมในจิตใจของเขาไปได้

ครั้งนี้เป็นช่างไม้คนที่เจ็ดที่คุณชายฉู่เชิญมา

ช่างไม้มองแล้วส่ายศีรษะ “เจ้าหุบเขาน้อย ข้าน้อยพยายามทุกวิถีทางแล้ว ทว่าประตูนี้เปิดไม่ได้จริงๆ ”

คุณชายฉู่โบกมือส่งสัญญาณให้ช่างไม้ถอยกลับไป

องครักษ์เข้ามารายงาน “เจ้าหุบเขาน้อย รวบรวมรายชื่อคนที่เสียชีวิตในหุบเขาเรียบร้อยแล้วขอรับ”

คุณชายฉู่รับรายชื่อในมือขององครักษ์มาเปิดดู หลังจากดูแล้ว ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น “อย่างไรเสียก็ไม่มีพระนามของโยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋อง ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ไม่ว่าผู้ใดที่สามารถเปิดประตูบานนี้และช่วยชีวิตโยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋องออกมาได้ ข้าจะตกรางวัลอย่างงาม”

“ขอรับ! ”

ทันทีที่สิ้นเสียงขององครักษ์ เขากำลังจะหันหลังเดินออกไป ทว่าองครักษ์อีกนายหนึ่งกลับเดินเข้ามาที่ประตูด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“เจ้าหุบเขาน้อย แย่แล้ว… แย่แล้ว! ”

“เกิดอันใดขึ้น เหตุใดถึงได้ตื่นตกใจเช่นนี้? ”

องครักษ์มีท่าทางตื่นตระหนกสุดขีด เขาชี้นิ้วไปที่ด้านนอกด้วยท่าทีหืดหอบ ใช้เวลานานกว่าจะพูดได้ชัดเจน “ข้างนอก… ข้างนอก ชาวบ้านที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ ฟื้นคืนชีพ! ”

“อันใดนะ? ”

คำพูดนี้ ทุกคนภายในจวนล้วนได้ยิน รวมทั้งคุณชายฉู่ด้วย ทุกคนต่างตกตะลึงสุดขีด