คุณชายฉู่รีบวิ่งออกไปด้านนอกจวน เป็นจริงดั่งที่พูด ผู้ที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ล้วนฟื้นชีพขึ้นมาทุกคน ญาติของพวกเขาทั้งตื่นเต้นทั้งตกใจ
นี่มัน… เกิดอันใดขึ้นกันแน่? มีสถานการณ์ใดบ้างที่คุณชายฉู่ไม่เคยเห็นมาก่อน? ทว่าเขาไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ คนฟื้นคืนชีพจากความตาย
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
ทันใดนั้น เขาก็นึกอันใดบางอย่างได้ จึงรีบหันหลังกลับไปยังทิศทางของจวนเจ้าหุบเขา เป็นจริงดังคาด แสงสว่างจ้าบนท้องฟ้าเหนือห้องที่ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาพักอยู่ค่อยๆ จางหายไป
เขาดีใจเหลือเกิน ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าประตู องครักษ์ก็รีบเข้ามารายงาน “เจ้าหุบเขาน้อย แสงสว่างในห้องของโยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋องดับลงแล้ว”
คุณชายฉู่เดินต่อไป เขารีบตรงไปยังทิศทางของห้องซูจิ่นซีและโยวอ๋อง “โยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”
“แม้แสงสว่างจะดับไปแล้ว ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปโดยไม่ได้รับคำสั่งจากเจ้าหุบเขาน้อย สถานการณ์ภายใน… ข้าน้อยยังไม่ทราบขอรับ”
ไม่นานนัก คุณชายฉู่ก็เดินมาถึงเรือนพักซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา ภายในเรือนมีบ่าวรับใช้อยู่มากมาย ทว่าเป็นเพราะไม่มีคำสั่งจากคุณชายฉู่ พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปในห้อง แสงสว่างภายในห้องดับลงแล้ว
ทว่าคุณชายฉู่กลับหยุดอยู่ที่ลานด้านนอก ไม่ได้เดินเข้าไปในทันที
ก่อนหน้านี้ เขาพยายามเปิดห้องทุกวิถีทาง ทว่าบัดนี้แสงสว่างภายในห้องดับแล้ว เขากลับกลัวที่จะเดินเข้าไป
เขา… รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยที่ต้องเห็นว่าเกิดอันใดขึ้นเมื่อเปิดประตูเข้าไป
เขายังไม่แน่ใจว่าซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
หากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ย่อมไม่มีอันใดให้พูดแน่นอน ทว่าหากพวกเขาเสียชีวิต… พวกเขาเป็นผู้ที่โดดเด่นในยุคนี้ เป็นผู้ที่เก่งกาจและเฉลียวฉลาดที่สุด หากเกิดอันใดขึ้นกับพวกเขา เขาจะอธิบายแก่แคว้นหนานหลีและแคว้นจงหนิงอย่างไร? หากเกิดอันใดขึ้นจริงๆ เขาจะตอบคำถามใต้หล้าอย่างไร?
ชั่วขณะหนึ่ง เท้าของเขาราวกับหนักหลายพันชั่ง เหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่ว เขาไม่สามารถยกเท้าขึ้นและก้าวไปข้างหน้าได้
ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้น ประตูพลันเปิดออก หัวใจของทุกคนแทบจุกอยู่ที่ลำคอ
คุณชายฉู่กำหมัดแน่นด้วยความตื่นตกใจ เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เมื่อเห็นร่างงดงามปรากฏขึ้นที่ประตู คุณชายฉู่ก็แย้มยิ้มด้วยความดีใจ
“พระชายาโยวอ๋อง ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มสดใสเพื่อให้ผู้ที่เห็นรู้สึกสบายใจ “พ้นเคราะห์แล้ว ไม่เป็นอันใดมาก มีบางเรื่องที่ข้าต้องให้คุณชายช่วยเหลือ”
“ไม่เป็นอันใดก็ดี พระชายาโยวอ๋องมีเรื่องอันใดให้ข้าช่วยเหลือ สามารถเอ่ยปากมาได้ทันที” คุณชายฉู่พูดพลางเดินเข้าไปหาซูจิ่นซี
ซูจิ่นซียื่นเทียบยาสองใบในมือให้คุณชายฉู่ “ขอให้คุณชายฉู่ช่วยหาสมุนไพรตามเทียบยาสองใบนี้ ให้พวกเขานำสมุนไพรเหล่านี้มาให้เร็วที่สุด เร็วที่สุด! ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี! ”
คุณชายฉู่รับเทียบยามา หลังอ่านจบก็พูดว่า “พระชายาโยวอ๋องอย่าได้กังวล ข้าจะไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง! ”
“รบกวนคุณชายฉู่แล้ว! ”
แม้เขาจะเห็นซูจิ่นซี ทว่าเขาไม่แน่ใจถึงสถานการณ์ของเยี่ยโยวเหยา คุณชายฉู่มองเข้าไปภายในห้อง มีแสงสว่างทางด้านหลัง ทั้งยังมีม่านบังอยู่ เขาจึงไม่เห็นว่าด้านในเกิดอันใดขึ้น
“พระชายาโยวอ๋อง โยวอ๋อง… ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่? ”
“ไม่เป็นอันใด บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สมุนไพรเหล่านี้… คุณชายฉู่เร่งหามาให้เร็วที่สุดเถิด! ”
“พระชายาโยวอ๋องโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้! ”
แม้จะมีข้อสงสัยในใจมากมาย ทว่าในเมื่อไม่มีอันตรายถึงชีวิต ย่อมเป็นเรื่องดีที่สุด
คุณชายฉู่ไม่ชักช้าอีกต่อไป เขารีบถือเทียบยาและออกไปเตรียมสมุนไพรและต้มยาสมุนไพร
เดิมทีสมุนไพรเหล่านี้ ในระบบถอนพิษของซูจิ่นซีมีพร้อมอยู่แล้ว ทั้งยังสามารถปรุงออกมาเพื่อทำเป็นยาเม็ดให้เยี่ยโยวเหยาและท่านเทพได้ในทันที ทว่าขณะที่นางอยู่ในดินแดนลึกลับเสวียนคงและแดนเพลิงอัคคี นางสูญเสียพลังจิตไปมาก สามารถยืนหยัดออกจากแดนเพลิงอัคคีได้ นางต้องพึ่งพาพลังจิตสุดท้ายที่เหลือ หากเปิดใช้งานระบบถอนพิษตอนนี้ นางคิดว่าอาจอันตรายเกินไป
ดังนั้น นางจึงทำได้เพียงใช้วิธีที่ช้าที่สุด ให้คุณชายฉู่ไปเตรียมสมุนไพรและต้มยามาให้แทน คุณชายฉู่พาคนจำนวนหนึ่งออกไป คนที่อยู่ที่นั่นก็ทยอยออกไปด้วย
หลังจากนั้น บ่าวรับใช้จำนวนหนึ่งที่ค่อนข้างคล่องแคล่วและเป็นคนที่คุณชายฉู่ไว้วางใจมากที่สุด ได้เข้ามารับใช้ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา แต่ซูจิ่นซีเกรงว่าหากมีคนมากไปจะส่งผลกระทบต่อการพักฟื้นของเยี่ยโยวเหยาและท่านเทพ นางจึงสั่งให้ทุกคนออกไปทั้งหมด
ซูจิ่นซีมอบปิ่นผักผมให้ท่านเทพ ท่านเทพพักฟื้นครู่หนึ่ง หลังจากฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้พอสมควรแล้ว จึงเริ่มขบคิดเรื่องสร้างกายเนื้อของอวิ๋นเชวี่ยขึ้นมาใหม่
ทว่าคนตายไปแล้ว หากต้องการสร้างกายเนื้อขึ้นจากเศษเสี้ยววิญญาณที่หลงเหลืออยู่ คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากกระมัง? ไม่มีทางทำสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น
ท่านเทพครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเวลานาน เขาถามซูจิ่นซีว่า “แม่นางน้อย จิตวิญญาณของเจ้ายังไม่สมบูรณ์ เช่นนั้นเจ้าสร้างกายเนื้อเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร? ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างเจ็บปวด “เหยียบกระดูกของผู้อื่น! [1] ”
คำพูดนี้ ซูจิ่นซีไม่ได้กล่าวล้อเล่นแน่นอน
ครั้งแรก ดวงวิญญาณของนางแตกสลายขณะที่อยู่ในจวนจิ่นอีโฮ่ว รัชทายาทเสวียนเยี่ย ซึ่งตอนนี้ก็คือเยี่ยโยวเหยา เขาใช้กระบี่เสวียนหยวนเก็บวิญญาณที่เหลืออยู่ของนางไว้ ส่วนวิญญาณอีกสองดวงกระจัดกระจายอยู่ระหว่างสวรรค์กับโลก ดวงหนึ่งปรากฏในยุคสี่พันปีต่อมา อีกดวงหนึ่งปรากฏที่พระราชวังต้าฉินเมื่อแปดร้อยปีต่อมา ในร่างขององค์รัชทายาทหมิงเต๋อ
ทว่าในตอนนั้น นอกจากวิญญาณที่แตกสลายของซูจิ่นซีที่อยู่ในร่างขององค์รัชทายาทหมิงเต๋อแล้ว ยังมีวิญญาณของรัชทายาทเสวียนเยี่ยที่กลับชาติมาเกิดเป็นรัชทายาทหมิงเต๋อ ดังนั้นเขาจึงเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อดึงดวงวิญญาณที่เหลือออกจากร่างองค์รัชทายาทหมิงเต๋อ
หลังจากนั้น เพื่อเรียกวิญญาณในอีกสามพันปีข้างหน้ากลับมา และสร้างกายเนื้อในร่างปัจจุบัน จิ่วหรงได้เสียสละจิตบำเพ็ญเพียรนับพันปีของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น กายเนื้อนี้ไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของเจ้าของร่างเดิม นั่นคือซูจิ่นซี
เช่นนี้ ไม่เรียกว่าเหยียบกระดูกผู้อื่นได้หรือ?
แน่นอนว่าซูจิ่นซีไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับท่านเทพ
อย่างไรก็ตาม ท่านเทพเป็นผู้ที่ฉลาดเช่นกัน แม้เขาจะฟังไม่กี่ประโยค ทว่าเขารับรู้ได้ถึงความยากลำบาก
ดวงตาของเขาหรี่ลงครู่หนึ่ง
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “ทว่า ท่านไม่ต้องกังวล ในเมื่อตอนนี้มีเสี้ยววิญญาณดวงหนึ่งแล้ว ก็มีความหวังให้ฟื้นชีพอวิ๋นเชวี่ยกลับมาอีกครั้ง”
มีความหวัง ย่อมดีกว่าสิ้นหวัง
การสนทนากับท่านเทพทำให้ภายในใจของนางเกิดความเศร้าโศก ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ซูจิ่นซีเก็บซ่อนไว้เป็นเวลานาน ซูจิ่นซีไม่ต้องการพูดอันใดอีก นางเดินไปหาเยี่ยโยวเหยาและนั่งลงข้างกายเขา
เยี่ยโยวเหยาเข้าใจสิ่งที่ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดอยู่ในตอนนี้ จึงจับมือซูจิ่นซีไว้แน่น
ครู่หนึ่ง บรรยากาศภายในห้องเงียบลงเล็กน้อย ทั้งสามกำลังครุ่นคิด ไม่มีใครพูดอันใดออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านเทพก็ลืมตาขึ้น เขามองไปที่เยี่ยโยวเหยา “ข้าอยู่ในดินแดนลึกลับเสวียนคงมานับหมื่นปี เวลานี้โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ต่อไป ข้าคิดจะติดตามโยวอ๋อง เป็นพาหนะให้โยวอ๋อง ไม่ทราบว่าโยวอ๋องคิดเห็นอย่างไร? ”
ท่านเทพต้องการเป็นพาหนะให้เยี่ยโยวเหยาหรือ?
ต้องการติดตามเยี่ยโยวเหยา?
……
เชิงอรรถ
[1] เหยียบกระดูกของผู้อื่น หมายถึง ข้ามศพของผู้อื่น