ตอนที่ 816: สัตว์อสูรระดับ 7
“ภาพหลอนที่นี่ทรงพลังมาก” เจี้ยนเฉินพึมพำเบา ๆ อารมณ์ของเขาที่ได้รับผลกระทบจากภาพหลอนก่อนหน้านี้เริ่มสงบลงอย่างช้า ๆ
“ภาพหลอนไม่ได้แข็งแกร่ง แต่จิตใจของเจ้านั้นมันอ่อนแอ ภาพหลอนเข้าไปในใจของเจ้าได้ง่าย ๆ มันเกิดมาจากจิตและใจของเจ้า ถ้าจิตใจของเจ้าไม่มีข้อบกพร่องและไม่มีกังวลใด ภาพหลอนธรรมดานี้จะไปมีผลกับเจ้าได้อย่างไร? ภาพหลอนนี้ถือได้ว่าเป็นรูปแบบที่อ่อนที่สุด ยังมีสิ่งอันตรายมากกว่านี้อีกมากเมื่อเจ้าเข้าไปในมหาสมุทรดวงดาว” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูดอย่างเย็นชา
“ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าสูงเกินไป เจ้าอาจจะเป็นเซียนผู้คุมกฎ แต่จิตใจของเจ้านั้นมันแย่มาก เจ้าอาจจะเป็นเซียนผู้คุมกฎที่มีจิตใจที่อ่อนแอที่สุดในทั่วทั้งทวีป บางทีการมาที่มหาสมุทรดวงดาวนี้อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิด” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูดอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็รู้สึกเจ็บปวดทันที เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎแต่เขาก็ยังเด็กเกินไป แม้ว่าเขาจะมีอายุมากกว่านี้สองเท่า เขาก็ยังอายุน้อยกว่าร้อยปี ในขณะเดียวกัน เซียนผู้คุมกฎคนอื่นมีชีวิตอยู่มามากหลายศตวรรษหรืออาจจะเป็นพันปี พร้อมทั้งมีลูกหลานจำนวนมากในเผ่า เจี้ยนเฉินนั้นมีความสามารถมาก แต่เขาก็ยังอ่อนด้อยในด้านประสบการณ์ชีวิต
ส่วนที่รุนแรงที่สุดคือส่วนที่เป็นพันธะกับพ่อแม่ของเขา เจี้ยนเฉินปฏิบัติต่อมันอย่างสำคัญมาก และมองมันเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตของเขา เขารู้ดีว่าภาพหลอนในหมอกก่อนหน้านี้เป็นภาพลวงตา แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหลงกลไปกับมัน เจี้ยนเฉินไม่สามารถทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แม้เขาจะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นของจริง
ถ้าเซียนผู้คุมกฎคนอื่น ๆ ได้เจอสิ่งที่เหมือนกับเขาละก็ พวกเขาคงไม่หลงกลอย่างง่ายดายเหมือนอย่างเจี้ยนเฉินแน่นอน เซียนผู้คุมกฎที่อยู่มาหลายศตวรรษหรืออาจจะพันปี มีลูกหลานมากมาย พวกเขาอาจจะได้เห็นบางคนที่ตายเนื่องจากแก่ชรา ดังนั้นพวกเขาคงไม่ให้ความสำคัญกับพันธะระหว่างครอบครัวและคงจะต่อต้านภาพหลอนได้อย่างง่ายดาย
ภาพลวงเกิดมาจากจิตและใจ ถ้ายังมีห่วงหรือความหลงใหล หมอกก็จะสร้างภาพหลอนตามนั้น และแสดงจุดอ่อนของคนผู้นั้นต่อหน้า
ภาพหลอนไม่ได้ทดสอบความแข็งแกร่งของคน แต่เป็นจิตและใจ เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวภายนอกและใจแข็ง แต่นี้เป็นสิ่งที่เขาแสดงต่อหน้าคู่ต่อสู้เท่านั้น ในความจริงแล้ว ยังมีจุดที่อ่อนแออยู่ในใจของเขาถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับญาติพี่น้อง
จิตใจของเจี้ยนเฉินแน่วแน่ขึ้นหลังจากที่ผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เขาจ้องเข้าไปที่หมอกตรงหน้าเขา หมอกยังคงเพิ่มขึ้น กลับไปมารอบ ๆ เหมือนกำว่ามีบางอย่างกำลังจะออกมา อย่างไรก็ตาม จิตใจของเจี้ยนเฉินก็นิ่งเหมือนน้ำนิ่งที่ไร้คลื่น เขาไม่คิดถึงอะไรทั้งสิ้น เขาไม่คาดเดาเกี่ยวกับอะไร
ส่วนตัวไปของการเดินทางนั้นสงบมากกว่าเดิม หลังจาก 1 ชั่วยามในการบินช้า ๆ เขาและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้ผ่านเขตหมอกมา หมอกสีขาวใหญ่ได้หายไปตรงหน้าพวกเขา และแทนที่ด้วยน้ำทะเลสีฟ้า
“เฮ้อ” เจี้ยนเฉินถอนหายใจออกมาดัง เขารู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเดิมหลังจากที่ผ่านหมอกออกมา เขามองไปรอบ ๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงท้องฟ้าที่มีแต่สีขาวเต็มไปหมด พวกมันปกคลุมไปด้วยชั้นของหมอกหนาประหลาด เหมือนว่ามันเป็นตัวแบ่งกั้นออกจากอีกโลก
ด้านล่างของเขาเป็นทะเลลึกสีฟ้า น้ำนั้นราบเรียบเหมือนกระจก และปราศจากคลื่น มันแปลกมาก ในจุดกึ่งกลางมีเกาะขนาดใหญ่อยู่ และมันมีบริเวณกว้างใหญ่มากและดูเหมือนไม่น่าจะเรียกมันว่าเกาะได้ แต่น่าจะเรียกมันว่าทวีปเล็ก ๆ เสียมากกว่า เกาะนั่นมีภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้เล็ก ๆ และถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกบาง ๆ มันดูพร่ามัวและมีความลึกลับอยู่
เจี้ยนเฉินจ้องอย่างแจ่มใสไปที่เกาะใหญ่ตรงหน้าเขาและถาม “นั่นใช่มหาสมุทรดวงดาวหรือไม่ ? “
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่เกาะข้างหน้านาง นางค่อนข้างเคร่งเครียดและนางก็พูดออกมา “ถูกต้อง นี่คือมหาสมุทรดวงดาว อีกทั้งเมื่อก่อนยังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลมังกร เกาะมังกร ว่ากันว่าเกาะมังกรนั้นแต่เดิมไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่มันได้กลายมาเป็นมหาสมุทรดวงดาวด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้มันเปลี่ยนไป”
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดถึงกลับไปตอนที่อยู่เมืองแห่งเทพเจ้า ตอนที่สัตว์อสูรระดับ 8 หนีออกมาจากวัตถุเซียน ดูเหมือนจะมีสมาชิกของตระกูลมังกรอยู่ในพวกนั้นด้วย
“ว่ากันว่าตระกูลมังกรนั้นเป็นหนึ่งในสี่เผ่าที่สุดยอดของสัตว์อสูร และได้หายไปพร้อมกับตระกูลฟีนิกซ์เทวะ การหายไปของพวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับเกาะมังกรหรือไม่ ? หรือในอีกคำพูดหนึ่ง พวกเขาทั้งหมดตายบนเกาะมังกรหรือเปล่า ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความสงสัย
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ส่ายหัวของนางอย่างนุ่มนวล “ข้าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับในยุคนั้นมากนัก มีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทั้งหมดก็มาจากข่าวลือหรือบันทึกโบราณในเมืองทหารรับจ้าง อย่างไรก็ตาม มีบันทึกเกี่ยวกับเกาะมังกรไม่มากนัก”
“เอาละ มาเลิกเดาไปมาดีกว่า มันไม่ได้มีประโยชน์อะไร ตอนนี้เราอยู่ที่รอบนอกของมหาสมุทรดวงดาว หมอกนั่นไม่ใช่อันตรายที่แท้จริงในการมาที่นี่ ที่อันตรายคือตัวเกาะนั่น เมื่อพวกเราเข้าไปที่เกาะแล้ว เจ้าต้องระวังให้มาก น้ำลายมังกรหมื่นปีน่าจะอยู่ที่กึ่งกลางของเกาะ”
เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ทั้งคู่บินตรงไปที่เกาะ และลงถึงพื้นในไม่ช้า
“ในครั้งโบราณกาล เผ่ามังกรนั้นอยู่ทั่วในเกาะมังกรเป็นรูปแบบ รูปแบบเหล่านี้ได้ดูดพลังงานธรรมชาติและนำไปเติมเต็มให้กับพวกเขา แม้ว่ามันจะนานมากมากแล้วที่พวกเขาหายไป แต่ยังมีจอมยุทธที่ยอดเยี่ยมที่ยังเหลืออยู่บ้าง พวกเขาอาจจะไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนแต่เจ้าก็ต้องระวังตัวไว้” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อธิบายรายละเอียดให้เจี้ยนเฉินฟังเกี่ยวกับพื้นที่ที่ต้องระวังในเกาะมังกร
เจี้ยนเฉินสังเกตเกาะรอบ ๆ ในขณะที่เขาฟังหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูด พวกเขาได้ผ่านเขตหมอกมาแล้ว แต่พลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาก็ยังถูกกดเอาไว้ด้วยพลังที่ลึกลับและไม่สามารถใช้การได้แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม สายตาเขาไม่ได้ถูกบดบังอีกแล้ว และเขาเห็นได้อย่างชัดเจนในตอนนี้
ทั้งสองเดินหน้าไปอย่างช้า ๆ ทั้งคู่ระมัดระวังตัวอย่างมากในขณะที่เดินทาง
ในตอนนี้เอง พื้นดินก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง กำแพงดินสี่ด้านพุ่งขึ้นมาจากพื้นเหมือนเป็นคุกและขังพวกเขาทั้งสองไว้ด้านใน กำแพงดินเปล่งประกายไปด้วยแสงมันวาวสีทอง มันทรงพลังมากและพลังงานบริสุทธิ์ก็เปล่งออกมาลาง ๆ จากกำแพงดิน
หลังจากนั้นไม่นาน หอกดินที่เคลือบไปด้วยแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นมาบนพนัง เสียงหวีดผ่านลมดังขึ้นเพราะหอกเหล่านั้นก็พุ่งไปที่เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ด้วยความเร็วแสง
กลุ่มหอกหนาแน่นพุ่งเข้ามาทุกทิศทาง และกันไม่ให้พวกเขาทั้งสองหนีออกไปได้ พวกเขามีเพียงท้องฟ้าที่มีหมอกสีขาวเพียงทางเดียวเท่านั้นเพื่อให้พวกเขาหนี
“จำไว้ว่า เจ้าต้องไม่บินสูงขึ้นไปเกินกว่า 10 เมตรบนท้องฟ้าของมหาสมุทรดวงดาว อันตรายในท้องฟ้านั้นมีมากมายกว่าบนพื้นดินหลายเท่า” เสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ปรากฏขึ้นในจิตใจของเจี้ยนเฉินในขณะที่นางหันไปที่หอกอย่างสงบและใจเย็น หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ดีดสายพิณด้วยนิ้วของนางอย่างนุ่มนวล และเสียงโน้ตก็ดังออกมา มันกระจายไปทั่วทุกทิศทางเป็นคลื่นที่มองเห็นได้
คลื่นเสียงนั้นมีพลังที่น่าเหลือเชื่อ ทุกที่ที่มันผ่านไป หอกดินก็สลายไปและเปลี่ยนเป็นฝุ่นผง
คลื่นเสียงที่มองเห็นได้นี้ตัดผ่านไปรอบรอบเหมือนมีดร้อน ๆ ที่ตัดผ่านเนยก่อนที่จะไปกระทบกับกำแพงดินที่ขังพวกเขาเอาไว้ เสียงดังสนั่น กำแพงสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะสลายออกไปเหมือนกัน
กำแพงดินที่ขังพวกเขาอยู่สามารถใช้ได้กับเซียนสวรรค์เท่านั้น มันไม่มีผลกับเซียนผู้คุมกฎ อย่างไรก็ตาม ถ้าเซียนสวรรค์ติดอยู่ในนี้ ก็คงแน่ใจได้ว่าพวกเขาจะต้องตาย
หลังจากที่ทำลายกำแพงดินแล้ว เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็เดินทางต่อ และพุ่งตรงเข้าไปที่พื้นที่ของเกาะ
ในส่วนต่อไปของการเดินทางนั้น พวกเขาเจอกับการโจมตีจากกับดักต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การโจมตีเหล่านี้เตรียมไว้เพื่อเซียนสวรรค์เท่านั้นและไม่ได้มีอันตรายใดเลยต่อเซียนผู้คุมกฎ การเดินทางนั้นน่ากลัว แต่ก็ไม่อันตรายมาก
โฮก ! ทันใดนั้นเอง ก็เกิดเสียงคำรามของสัตว์ป่าดังมาแต่ไกล หลังจากนั้นไม่นาน พื้นดินก็เริ่มที่จะสั่นไหวเบาเบา ยักษ์ที่เหมือนมนุษย์ที่สูงกว่า 300 เมตรได้วิ่งมาที่พวกเขาแต่ไกลด้วยความเร็วสูง และคำรามอย่างต่อเนื่องมาตลอดทาง
“นั่นคือสัตว์อสูรสงคราม ! ” เจี้ยนเฉินหรี่ตาและคำรามกับตัวเอง สัตว์อสูรสงครามนั้นเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 และเทียบเท่ากับมนุษย์ที่เป็นเซียนผู้คุมกฎ
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จ้องอย่างเย็นชาไปที่สัตว์อสูรสงคราม นิ้วของนางเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนที่สายของพิณ และคลื่นเสียงก็พุ่งออกไปทันทีเหมือนธนูที่แหลมคม พุ่งไปที่สัตว์อสูรสงครามที่กำลังเข้ามา
“ควับ ! ” ธนูที่เกิดจากคลื่นเสียงได้ทะลุผ่านหน้าอกของสัตว์อสูรสงครามออกไป การป้องกันที่ทรงพลังของสัตว์อสูรสงครามก็เหมือนกับเต้าหู้ต่อหน้าลูกธนู และลูกธนูก็เจาะหน้าอกมันเป็นรูขนาดเท่าหัวอย่างไม่ยากเย็น อย่างไรก็ตาม ไม่มีเลือดไหลออกมาเลย
สัตว์อสูรสงครามดูเหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บปวด และยังพุ่งมาที่พวกเขาอย่างเร็วในขณะที่มันคำรามอย่างไม่มีเหตุผลมาตลอดทาง
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ยังคงเหมือนเดิม มือสีขาวที่สวยงามของนางโลดเล่นไปบนพิณ และเสียงดนตรีที่งดงามก็ออกมาจากการเล่นพิณ ในแต่ละโน้ตนั้น คลื่นเสียงที่ทรงพลังก็ถูกยิงออกมาด้วยความเร็วแสงและเข้าโจมตีร่างของสัตว์อสูรสงคราม
สัตว์อสูรสงครามไม่ได้หลบและยังคงพุ่งเข้ามาที่พวกเขาทั้งสองเป็นเส้นตรง ขณะเดียวกับ ร่างที่สูง 300 เมตรของมันเต็มไปด้วยรูหลายรูในขณะที่หัวของมันกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแล้ว แม้ว่าหัวของมันจะหายไป แต่สัตว์อสูรสงครามก็ยังไม่ตาย มันไม่มีเลือดออกมา และไม่แสดงความเจ็บปวดใดใดเลย มันยังคงพุ่งตรงเข้ามาที่คนทั้งสองโดยไม่หยุด
เมื่อได้เห็นอะไรที่แปลกแบบนี้ เจี้ยนเฉินจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตกใจกลัว เขาพบว่ามันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ