บทที่ 2841 เผชิญมรสุม 8
อูเชียนเหยียนก็เห็นตี้ฝูอีขัดนัยน์ตาเช่นกัน นางจึงไม่ได้แยแสมากนัก เอ่ยถามอยู่ด้านข้างอย่างเยือกเย็น “ที่แท้ก็เป็นท่านราชครูของภพเซียน เหตุใดจึงไม่มาพร้อมกับองค์จักรพรรดิเซียนเล่า? กลับมาถึงทีหลังองค์จักรพรรดิเซียน เช่นนี้ไม่ผิดธรรมเนียมไปหน่อยหรือ?”
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ไม่ว่าจะไปที่ใด บริวารล้วนต้องเปิดหัวขบวน ส่วนผู้เป็นราชันมาตอนท้าย บ้างก็เป็นนายบ่าวมาพร้อมกัน
แบบตี้ฝูอีนี้ คล้ายจะผิดธรรมเนียมไปจริงๆ
คำถามนี้ของอูเชียนเหยียนชอบธรรมตามเหตุผล ทว่าตี้ฝูอีกลับไม่เปล่งวาจาเลย เพียงมองจักรพรรดิเซียนแวบหนึ่ง
จักรพรรดิเซียนกระแอมคราหนึ่ง เอ่ยไปว่า “เขา…เขาสละตำแหน่งราชครูตั้งแต่ครึ่งปีก่อน ออกจากภพเซียนไปแล้ว มิใช่ลูกน้องของเราแล้ว…”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา เหล่าผู้นำของภพอื่นๆ ล้วนตาวาวขึ้นมาทั้งสิ้น!
บุคคลมีความสามารถเช่นนี้ล้วนอยากจะจะชักจูงให้มาเข้าร่วมกับฝ่ายตน ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใดก็ตาม!
ด้วยเหตุนี้ ราชินีปีศาจถูซานอิงจึงลืมเลือนความเจ็บปวดบนแผ่นหลังไป เชื้อเชิญเขากลับไปยังภพปีศาจอย่างจริงใจ บอกว่าตำแหน่งนักบวชของภพปีศาจยังคงเก็บรักษาไว้ให้เขาเสมอมา
ผู้นำของยมโลก ภพมาร แดนมนุษย์ก็พากันลุกขึ้นมาแล้ว พยายามเชื้อเชิญเขาไปที่ดินแดนของตน บอกเล่าข้อดีของดินแดนตนออกมาอย่างสุดกำลัง…
โหวกเหวกโวยวาย ถกเถียงกันจนหน้าดำหน้าแดง
ใบหน้าหล่อเหลาของฟั่นเชียนซื่อเยียบเย็นลง เทียนโม่เวิ่นผู้นี้มาเพื่อทำลายงานเลี้ยงหรือไร?
งานเลี้ยงวันเกิดอันดีงามงานหนึ่งของเทพผู้สร้างโลกกลายเป็นสนามรบยื้อแย่งตัวคนไปเสียแล้ว!
เขามองกู้ซีจิ่วที่นั่งอยู่ตำแหน่งด้านบน ส่งกระแสเสียงหา ‘อาจารย์ ต้องไล่ตัวทำลายงานผู้นี้ออกไปไหมขอรับ?!’
กู้ซีจิ่วนั่งเอามือเท้าคางอย่างเฉื่อยชา ส่งกระแสเสียงตอบไป ‘ไม่ต้อง ผู้มาคือแขก’
ตี้ฝูอีปรบมือเบาๆ เสียงดังแปะๆ “ทุกท่าน ผู้แซ่ตี้มาเพื่อร่วมอวยพรพระองค์เจ้า หากทุกท่านจะโวยวายก็โปรดออกไปโวยวายข้างนอกเถิด!”
น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นเฉยเมย ทว่ากดดันผู้คนยิ่ง ฝูงชนชะงักไปแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่อยากล่วงเกินเขา พากันหัวเราะฮ่าๆ แสดงเจตนาว่าตนเพียงอยากเชื้อเชิญตี้ฝูอีไปเป็นแขก ไม่ได้โวยวาย จากนั้นก็พากันขออภัยต่อกู้ซีจิ่ว...
กู้ซีจิ่วเพียงโบกมือ ยิ้มจางๆ แวบหนึ่ง ไม่เอ่ยวาจา
งานเลี้ยงกลับมาสงบสุขรื่นเริงอีกครั้ง
สีหน้าของฟั่นเชียนซื่อไม่น่ามองยิ่งนัก!
เขารู้สึกอยู่เสมอว่าคุณชายฝูอีผู้นี้ไม่คล้ายมาเพื่ออวยพร แต่เหมือนมาเพื่อแสดงบารมี
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้อยากจะอวดโอ่ต่อพระองค์เจ้า ว่าตอนนี้เขาเป็นที่นิยมขนาดไหนกระมัง?!!
ฟั่นเชียนซื่อหรี่ตาลงนิดๆ สัมผัสถึงอันตรายที่แท้จริงได้แล้ว!
ตี้ฝูอีได้หัวใจของผู้คนไปสองภพแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าหัวใจของผู้คนทั้งหกภพภูมิคงถูกเขาคว้าเอาไปทั้งสิ้น! เขาจะกลายเป็นราชาตัวจริงที่กุมอำนาจของหกภพภูมิไว้ กลายเป็นราชาที่ไร้มงกุฎ ไม่แน่ว่าอาจเข้ามาแทนที่ของเทพผู้สร้างโลกด้วย…
เขากำหมัดเล็กน้อย! เขาไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเด็ดขาด! ราชาของหกภพภูมิมีแต่เทพผู้สร้างโลกเท่านั้น!มิใช่ของไอ้คุณชายฝูอีผีสางที่อยู่ตรงหน้าคนนี้!
ตี้ฝูอีเงยหน้ามองกู้ซีจิ่วที่อยู่บนที่สูง ค่อยๆ ล้วงกล่องผ้าไหมใบหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ “พระองค์เจ้า ฝูอีขออวยพรแก่พระองค์ นี่คือของขวัญอวยพรจากเสี่ยวเซียน ขอพระองค์เจ้าโปรดรับไว้”
กล่องผ้าไหมพร่างพราวจ้าตา ไม่จำเป็นต้องเห็นของในกล่อง แค่ดูกล่องใบนี้ก็รู้แล้วว่าราคาสูงค่า
อันที่จริงแค่กู้ซีจิ่วเห็นเขาก็ค่อนข้างปวดหัวขึ้นมาแล้ว
เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าการที่จู่ๆ คุณชายฝูอีคนนี้ก็โผล่มาต้องมีจุดประสงค์อันใดอยู่ แต่เธอก็เดาไม่ออกชั่วขณะ และไม่อยากเดาด้วย
ในเมื่อเป็นของขวัญอวยพรก็จำเป็นต้องรับไว้ เธอจึงสั่งให้ฟั่นเชียนซื่อรับกล่องผ้าไหมมา
ฟั่นเชียนซื่อก้าวเข้ามาอย่างไม่ใคร่จะเต็มใจ ยื่นมือไปหาเขา
ตี้ฝูอีกลับหดถอยหลังไปเล็กน้อย “พระองค์เจ้า ของชิ้นนี้สูงค่าน่าอัศจรรย์ ไม่อาจปนเปื้อนมือผู้อื่นได้ ยังคงต้องขอเชิญพระองค์เจ้ามารับด้วยองค์เองเถิด”
ฟั่นเชียนซื่อโกรธแล้ว “เทียนโม่เวิ่น เจ้าจะเกินไปแล้ว! ต่อให้เป็นของขวัญจากจักรพรรดิเซียนก็ยังไม่อาจหาญให้พระองค์เจ้ามารับด้วยตัวเองเลย!”
….
————————————————————————————-
บทที่ 2842 มรสุมงานวันเกิด
ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉยเมย “ข้าพเจ้ามิใช่จักรพรรดิเซียนนี้ ข้าพเจ้าคือตี้ฝูอี! มิใช่เทียนโม่เวิ่นอีกต่อไปแล้ว กล่าวอีกนัยคือเทียนโม่เวิ่นเป็นเพียงนามแฝงของข้าพเจ้า ตี้ฝูอีสิถึงจะเป็นนามจริง”
ฟั่นเชียนซื่อพลันเลิกคิ้ว แล้วต่างกันตรงไหน? แค่ชื่อตี้ฝูอีก็เลิศเลอแล้วหรือไร?!
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยวาจา กู้ซีจิ่วก็เปิดปากแล้ว “เชียนซื่อ ไม่จำเป็นต้องสร้างความลำบากให้เขา ของขวัญวันเกิดชิ้นเดียวเท่านั้น เปิ่นจุนรับไว้ก็พอแล้ว”
เธอไม่ได้ลงจากที่นั่ง เพียงเชิดมือขึ้นนิดๆ กล่องในมือของตี้ฝูอีก็ลอยขึ้นมาเองแล้ว ค่อยๆ ลอยเข้าสู่มือของกู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วดีดนิ้วเบาๆ คราหนึ่ง กล่องเปิดออก ประกายแสงปานระลอกวารีในฤดูใบไม้ร่วงสาดส่องออกมา ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องโถง
และส่องลงบนร่างของกู้ซีจิ่วด้วย เหมือนเงาแสงจางๆ ที่โอบล้อมเธอไว้
ดวงตากู้ซีจิ่วทอประกายขึ้นมาเล็กน้อย! กลั้นหายใจแล้ว!
นี่คือเครื่องประดับชุดหนึ่ง ปิ่นหนึ่งเล่ม ต่างหูหนึ่งคู่ สร้อยคอหนึ่งเส้น กำไลข้อมือหนึ่งข้าง
ล้วนเป็นสีเขียวครามทั้งสิ้น นอนสงบนิ่งอยู่ในกล่องใบนั้น เรียงรายเป็นระเบียบ ทุกชิ้นล้วนประณีตวิจิตรอย่างยิ่ง ทอแสงวาววาม ดุจนัยน์ตาของคนรัก
กู้ซีจิ่วก็นับว่าเป็นผู้มีความรู้กว้างขวาง ทว่ายังไม่เคยพบเห็นเครื่องหยกที่เลิศล้ำเช่นนี้มาก่อนเลย! เธอถึงขั้นที่มองไม่ออกด้วยซ้ำนี่คือหยกชนิดใด ยังไม่เคยเห็นเครื่องประดับชุดใดที่งดงามจนถึงขั้นนี้เลยทำให้คนเห็นแวบเดียวก็หลงใหลมันอย่างบ้าคลั่งแล้ว!
ที่หาได้ยากยิ่งกว่านั้นคือ เครื่องประดับชุดนี้มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเจียระไนออกมาจากหยกก้อนเดียวกัน ยามที่จัดวางเอาไว้ด้วยกันเช่นนี้ จะขับเน้นส่งเสริมกัน พร่างพราวดั่งดวงดาวบนฟากฟ้า
ตอนที่กล่องเปิดออก ไม่เพียงกู้ซีจิ่วเท่านั้นที่กลั้นหายใจ แขกเหรื่อที่อยู่กันเต็มห้องโถงก็กลั้นหายใจเช่นเดียวกัน! ถูกเครื่องประดับชุดนี้ทำให้ตกตะลึง!
หากกล่าวว่า กำไลหยกวงนั้นที่กู้ซีจิ่วต้องตาในหนก่อนมีมูลค่าหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณ ถ้าอย่างนั้นแล้วในตอนนี้แม้กระทั่งต่างหูที่ชิ้นเล็กที่สุดในเครื่องประดับชุดนี้แล้วก็ยังคิดเป็นศิลาวิญญาณหนึ่งล้านก้อนแล้ว! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชิ้นอื่นเลย…
เครื่องประดับชุดนี้ประเมินค่ามิได้!
เกรงว่าศิลาวิญญาณร้อยล้านก้อนก็มิอาจซื้อหาได้!
ของขวัญวันเกิดนี้ช่างใจป้ำโดยแท้! กลบรัศมีของคนทั้งหมดไปแล้ว
และอาจกล่าวได้ว่าของขวัญจากแขกทั้งหมดที่อยู่ในงานเลี้ยงรวมกันแล้วก็ยังมีราคาไม่ถึงครึ่งของเครื่องประดับชุดนี้เลย…
อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็เป็นคนคลั่งไคล้เครื่องประดับคนหนึ่ง ชมชอบเครื่องประดับต่างๆ เวลาที่เธอท่องไปตามหกภพภูมิ เมื่อพบเห็นชิ้นที่ต้องตาก็มักซื้อกลับมาสองสามชิ้นเสมอ ถึงอย่างไรเธอก็มีเงิน แพงแค่ไหนก็ไม่กลัวว่าจะซื้อไม่ไหว
เธอรู้จักเครื่องประดับดี ย่อมรู้จักเอกลักษณ์ของช่างทำเครื่องประดับในหกภพภูมิด้วย เครื่องประดับชั้นเลิศทั่วไปเธอมองลักษณะการแกะก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของช่างทำเครื่องประดับคนไหน
แต่ตอนนี้ เธอมองไม่ออกเลยว่าเครื่องประดับชุดนี้เป็นผลงานการสลักเจียระไนของผู้ใด
ปิ่นหยกคล้ายจันทร์เสี้ยว ต่างหูคล้ายดาวหกแฉก สร้อยเสมือนนำทางช้างเผือกมาร้อยเรียงไว้ด้วยกัน ส่วนกำไลข้อมือ ลวดลายที่แกะสลักไว้ด้านบนงามวิจิตร เสมือนธารดาราสายหนึ่งที่เลี้ยวลดไปทั่วตัวกำไล
ลักษณะการแกะสลักแปลกพิสดาร ทว่ากลมกลืนดุจธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น
เมื่อกู้ซีจิ่วถือกล่องเครื่องประดับชุดนี้ไว้แล้ว ราวกับถือทั้งจักรวาลเอาไว้ก็มิปาน
เธอตะลึงงันไปครู่หนึ่ง สายตาร่อนลงบนร่างของตี้ฝูอี ไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้างว่าเขาจะมอบสิ่งนี้ให้…
เมื่อครู่ตอนที่เขาต้องการให้เธอรับไว้ด้วยตัวเอง ในใจเธอยังมีความคิดแย่ๆ อยู่บ้าง นึกว่าด้านในจะใส่ของที่ทำให้คนตกใจเอาไว้ อีกฝ่ายคงอยากจะแกล้งเธอ…
ตอนนี้เห็นทีว่าเธอจะใช้หัวใจคนต่ำต้อยไปวัดค่าวิญญูชนอย่างสมบูรณ์แล้ว!
เธอสูดหายใจเบาๆ เอ่ยถาม “เครื่องประดับชุดนี้เป็นช่างหยกท่านใดที่รังสรรค์ขึ้น?”
ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง ดวงตาฉายแววผยองภาคภูมิแวบหนึ่ง “ช่างคนใดจะสลักเจียระไนได้เยี่ยงข้าเล่า?”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน “เครื่องประดับชุดนี้คุณชายเจียระไนเองหรือ?”
“ใช่แล้ว”
ไม่ใช่แค่กู้ซีจิ่วที่ตกตะลึง แขกเหรื่อทั่วห้องโถงก็ตกตะลึงกันถ้วนหน้าแล้ว!