ตอนที่ 740 พลังของดินแดนระดับสูง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ท่ามกลางความว่างเปล่า แรงกดดันอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นอย่างไร้ที่มาและปกคลุมฉินอวี้โม่ในทันที เวลานี้เปลวเพลิงในมือของนางก็ดับไปและพลังมายาทั่วทั้งร่างก็ถูกยับยั้งไว้

“จงคุกเข่าต่อหน้าข้าผู้นี้ซะ !”

น้ำเสียงเรียบเฉยดังขึ้นอีกครั้งและพลังมหาศาลแผ่ออกไปครอบงำทุกคนในสมรภูมิรบจนหลายคนทรุดลงคุกเข่าอย่างไม่ทันตั้งตัว

ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือและอวิ๋นซื่อเทียนล้วนเป็นจอมยุทธ์นภาเซียนขั้นสูงสุดที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ทั้งสามพึ่งพาจิตวิญญาณอันแกร่งกล้าของตนเองในการต้านทานพลังดังกล่าวไว้ ทว่าถึงแม้พวกนางจะพยายามฝืนร่างของตนเองมิให้ทรุดลงไป ทั้งร่างก็ยังสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม

พลังที่กำลังเผชิญในตอนนี้ทรงพลังจนเกินไปและแกร่งกล้ามากกว่าพลังของฮวาเฉินที่รวมเข้ากับบุปผาแห่งความมืดก่อนหน้านี้เสียอีก

ฉินอวี้โม่คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าคนผู้นี้จะต้องมีพลังที่บรรลุขอบเขตราชาเซียนแล้ว ทว่านางก็ไม่มั่นใจนักว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังมากถึงเพียงใด

“หึ ถือว่าเป็นจอมยุทธ์อ่อนเยาว์ที่มีพรสวรรค์กันทีเดียว แต่ก็น่าเสียดาย…พลังของพวกเจ้ายังคงอ่อนแอเกินไป”

น้ำเสียงของคนผู้นั้นแสดงถึงความเย้ยหยันอย่างชัดเจนราวกับว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ที่เรียกได้ว่าจัดอยู่ในระดับที่แกร่งกล้าที่สุดของดินแดนเทพมายาก็เป็นเพียงมดปลวกในสายตาของเขา

“ท่านเป็นใครกัน ? เหตุใดถึงเข้ามาแทรกแซงเรื่องของพวกเราดินแดนเทพมายา ?”

อู่เทียนฉิงพยายามทรงตัวให้ได้และหันมองไปรอบตัวทว่าไม่พบเจ้าของเสียงนั้น ทุกคนรู้สึกได้เหมือนกันว่าเสียงดังกล่าวอยู่ใกล้ตัว เพียงแต่ไม่เห็นเจ้าของมัน

“เหอะ ไม่ว่าข้าจะเป็นใคร…พวกเจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้ได้!”

น้ำเสียงของบุรุษลึกลับยังคงเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและความเหยียดหยาม

“การที่ข้าบอกว่าห้ามสังหารคนผู้นี้ พวกเจ้าก็เพียงต้องปฏิบัติตามเท่านั้น นี่คือคำสั่ง…ห้ามใครหน้าไหนฝ่าฝืนคำสั่งของข้าโดยเด็ดขาด”

อึดใจต่อมา จู่ ๆ ก็มีร่างเงาของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาอย่างช้า ๆ เขาดูเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไปที่อายุไม่มากนักทว่าไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ได้อย่างชัดเจน ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาบนอากาศ แรงกดดันทั่วบริเวณก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น

“โอ้ งั้นรึ ? เขาก่อกรรมทำชั่วไว้มากและหากปล่อยไว้ก็มีแต่จะเป็นหายนะต่อแผ่นดินเท่านั้น เมื่อพันปีก่อน ข้าไม่ได้กำจัดเขาไปอย่างสิ้นซาก ทว่าครานี้ข้าจะไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ การที่ท่านห้ามมิให้เราฆ่าเขา…ท่านก็ช่วยบอกเหตุผลกับเราด้วยเถอะ”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมแสยะยิ้มเล็กน้อย แม้แรงกดดันของคนผู้นี้จะทรงพลังมาก นางก็ไม่หวาดหวั่น ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ฮวาเฉินก็จะต้องตายอย่างแน่นอน

“ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ! เพียงเชื่อฟังคำสั่งของข้าผู้นี้…ไม่เช่นนั้นก็ตายซะ !”

บุรุษผู้นั้นมองตรงมาที่ฉินอวี้โม่พร้อมกับกล่าวข่มขู่ แรงกดดันของเขาก็หนักหน่วงมากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน

“เจ้าไม่รู้รึว่าข้าเกลียดคำข่มขู่เป็นที่สุด ?!”

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและเปลวเพลิงในมือพุ่งตรงไปยังร่างของฮวาเฉินทันที

“อ๊ากกกก !”

ฮวาเฉินแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทว่ามันสายเกินกว่าจะต้านทานได้แล้ว ร่างของเขาสลายกลายเป็นเถ้าถ่านล่องลอยปลิวไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ก็มีเพียงแหวนวงหนึ่งของผู้นำฝ่ายมารที่ไม่ละลายจากเปลวเพลิงทรงพลังและกลิ้งไปตามพื้นจนเกิดเสียงกระทบดัง…

“ใครกันที่มอบความกล้าหาญให้กับเจ้าจนริอาจขัดคำสั่งของข้าผู้นี้ ?!”

คนผู้นั้นคิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ สีหน้าทะนงตนของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงจิตสังหารแรงกล้าทันที

สำหรับเขานั้น ผู้คนในดินแดนเทพมายาก็เป็นได้เพียงมดปลวกตัวเล็ก ๆ เท่านั้นและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่ใจ ไม่คาดคิดเลยว่ามนุษย์ที่ต่ำต้อยผู้นี้จะริอาจขัดคำสั่งของตนเช่นนี้

เขาทราบเรื่องสงครามระหว่างดินแดนเทพมายาและขุมกำลังมารร้ายเป็นอย่างดี ไม่ว่าฝ่ายใดคว้าชัยชนะได้ มันก็จะทำลายสมดุลเดิมของดินแดนเทพมายาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง เมื่อดินแดนเทพมายาทั้งหมดผนึกกำลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มันจะกลายเป็นขุมกำลังที่ไม่ว่าผู้ใดก็ประมาทไม่ได้ นั่นคือสาเหตุที่เขาขัดขวางฉินอวี้โม่จากการสังหารฮวาเฉิน

ตราบใดที่ฮวาเฉินยังมีชีวิตอยู่ ดินแดนเทพมายาก็จะไม่มีวันสงบสุขและจะไม่กลายเป็นภัยคุกคามแต่อย่างใด ทว่าตอนนี้ฉินอวี้โม่สังหารฮวาเฉินสำเร็จแล้ว ในอนาคตข้างหน้า ทุกคนในดินแดนเทพมายาแห่งนี้ก็จะต้องยอมจำนนต่อฉินอวี้โม่และสหาย หากสถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ อีกไม่นานพลังอำนาจของดินแดนนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่อาจหยุดยั้ง และเมื่อเกิดสิ่งใดต่อไปในภายภาคหน้า บุรุษลึกลับเกรงว่ามันจะส่งผลกระทบต่อแผนการของพวกตน…

“โอ้ ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าเป็นใครและมีจุดประสงค์ใด นี่เป็นเรื่องของพวกเราดินแดนเทพมายาและเจ้าไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยว สิ่งที่ข้าเกลียดชังที่สุดในชีวิตก็คือการถูกข่มขู่ หากเจ้าต้องการจะฆ่าข้าก็ลองดูเถอะ…ข้าไม่กลัวเกรงสิ่งใดทั้งสิ้น !”

ฉินอวี้โม่ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าคนผู้นี้จะมีสถานะเป็นอย่างไร นางเพียงกล่าวเย้ยหยันอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ขุมกำลังมารร้ายทำสิ่งชั่วร้ายอย่างสบายใจมาตลอดโดยไม่มีผู้ใดควบคุมหรือกำจัดได้ ทว่าตอนนี้เมื่อฝ่ายของนางคว้าชัยชนะและต้องหารสังหารฮวาเฉิน คนจากดินแดนระดับสูงกลับเข้ามาขัดขวางและออกคำสั่งให้นางปล่อยฮวาเฉินไป มันเป็นสิ่งที่ไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน !

“เจ้าอยากตายรึ ?!”

บุรุษผู้นั้นเดือดดาลอย่างที่สุดและเหวี่ยงฝ่ามือวายุตรงไปที่ร่างของฉินอวี้โม่ทันที จากพลังที่ปลดปล่อยออกมานี้ เห็นได้ชัดว่าเขาหมายที่จะสังหารฉินอวี้โม่อย่างแท้จริง

พลั่ก !

พรวดดด !

หานโม่ฉือเข้ามายืนขวางหน้าฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็วและถูกโจมตีด้วยฝ่ามือของคนผู้นั้นจนกระเด็นถอยหลังออกไปและกระอักเลือดออกมา

พลังของคนผู้นี้เหนือกว่าพวกเขามากนัก คาดว่าต่อให้ทุกคนในสมรภูมิรบตอนนี้ร่วมมือกันก็อาจเทียบชั้นบุรุษลึกลับผู้นี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

“เจ้าพวกมดปลวก ริอาจคิดเพ้อฝันที่จะสู้กับพลังของข้าผู้นี้งั้นรึ ? น่าตลกชะมัด ! ฮ่า ๆ ๆ”

เขากล่าววาจาเหยียดหยามและหัวเราะอย่างสาแก่ใจโดยไม่เห็นคนเหล่านี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ราวกับว่าเพียงแค่เขาเหวี่ยงฝ่ามือออกไป เขาก็สามารถกวาดล้างทุกคนในดินแดนเทพมายาได้ไม่ยาก

“หึ แล้วเจ้าล่ะเป็นตัวอะไร? ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงด้วยซ้ำ…หวังว่าคงจะไม่ใช่ตัวประหลาดที่น่าเกลียดน่ากลัวนะ”

อวิ๋นซื่อเทียนเองก็ไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย นางเงยหน้าและสบตากับคนผู้นั้นขณะกล่าววาจาเย้ยหยันโดยตรง คนของดินแดนระดับสูงช่างมั่นอกมั่นใจในตัวเองยิ่งนัก พวกเขาเพียงเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าก็เท่านั้น มิฉะนั้นก็คงมีความแข็งแกร่งในระดับที่ไม่ต่างจากนางและคนอื่น ๆ ที่นี่อย่างแน่นอน

“แม่สาวน้อย เจ้ารนหาที่ตายซะแล้ว !”

บุรุษผู้นั้นโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับเหวี่ยงฝ่ามือวายุออกไปอีกครั้งและฟาดอวิ๋นซื่อเทียนจนกระเด็นปลิวออกไป

“วันนี้ข้าจะฆ่าล้างพวกเจ้าให้หมด พวกเจ้าจะได้รู้สำนึกว่าชะตากรรมของการที่ท้าทายข้าเป็นอย่างไร”

น้ำเสียงของเขาแสดงถึงจิตสังหารอย่างรุนแรงและเห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดยั้งมือแม้แต่น้อยขณะพลังมหาศาลเริ่มแผ่ออกมาอย่างรวดเร็ว

“ท่านจอมยุทธ์ ข้าขอแนะนำท่าน…คนบางคนก็มิใช่คนที่ท่านควรจะยั่วยุ แม้ท่านจะมาจากดินแดนระดับสูง ทว่าท่านก็อย่าทะนงตนจนเกินไปจะดีกว่า”

บุปผาแห่งแสงกล่าวเตือนคนผู้นั้น พลังลึกลับในร่างของฉินอวี้โม่มิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะยั่วยุได้ แม้บุรุษลึกลับผู้นี้จะแข็งแกร่งมาก ทว่าหากคิดจะยั่วยุฉินอวี้โม่ เกรงว่าบทสรุปของเขาคงจะไม่ดีนัก

“โอ้ งั้นรึ ? เพียงแค่พวกมดปลวกในดินแดนระดับต่ำแห่งนี้ ใครกันที่ข้าผู้นี้จะยั่วยุไม่ได้”

เขาไม่เชื่อคำเตือนของบุปผาแห่งแสงแม้แต่น้อยและยิ้มเยาะพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแสดงถึงความมุ่งร้ายไม่เปลี่ยนแปลง

“ข้าถือว่าข้าได้เตือนเจ้าแล้ว จะเชื่อหรือไม่มันก็แล้วแต่เจ้า หากวันหนึ่งเจ้านึกเสียใจขึ้นมา…อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าก็แล้วกัน”

บุปผาแห่งแสงกล่าวอย่างจนปัญญา มันได้กล่าวเตือนเท่าที่ทำได้แล้ว ส่วนคนผู้นั้นจะรับฟังหรือไม่นั้นก็มิใช่เรื่องของมันอีกต่อไป

บุรุษลึกลับชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาทิ้งท้ายของบุปผาแห่งแสง ทว่าหลังจากไตร่ตรองชั่วขณะ เขาก็คิดเพียงว่ามันช่างไร้สาระสิ้นดี ในดินแดนระดับต่ำเช่นนี้จะมีใครกันที่เขายั่วยุไม่ได้ แม้แต่ในดินแดนที่เขาอาศัยอยู่ เขาก็สามารถท่องไปทั่วทั้งดินแดนได้อย่างอิสระโดยที่ไม่เกรงกลัวผู้ใด แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดในดินแดนระดับต่ำแห่งนี้ที่จะทำให้เขากลัวได้

“ข้าจะให้ทางเลือกกับพวกเจ้า พวกเจ้าจะปลิดชีวิตตนเองหรือต้องการให้ข้าลงมือฆ่าพวกเจ้า ?”

เขากล่าวกับฉินอวี้โม่และทุกคนด้วยน้ำเสียงและแววตาเย้ยหยัน

“อยากจะทำอะไรก็รีบทำเถอะ เหตุใดจะต้องเสียเวลากล่าววาจาไร้สาระเช่นนี้ !”

อวิ๋นซื่อเทียนเช็ดเลือดที่มุมปากของตนและปล่อยการโจมตีใส่อีกฝ่ายทันที นางฝึกฝนสั่งสมวิชามาเนิ่นนานและไม่เคยหวาดกลัวต่อผู้ใด

ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็เหาะขึ้นกลางอากาศเช่นกันก่อนลงมือโจมตีด้วยแววตาที่มุ่งมั่น

“เหอะ วันนี้ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าทุกคนได้เห็นว่าพลังที่แท้จริงเป็นอย่างไร !”

บุรุษลึกลับแค่นเสียงอย่างไม่สะทกสะท้าน เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้แสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ ทว่าอึดใจต่อมา เขาก็ฟาดอวิ๋นซื่อเทียนและคนอื่น ๆ กระเด็นออกไปด้วยการสะบัดมือเพียงเท่านั้น ส่งผลให้คนเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บไปตาม ๆ กัน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเองก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของคนตรงหน้าได้ไม่ถึงสิบกระบวนท่าก่อนพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็ว สำหรับคนอื่น ๆ ที่มีพลังต่ำกว่าขอบเขตนภาเซียนขั้นสูงสุด พวกเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ครานี้ด้วยซ้ำ เพราะภายใต้แรงแรงกดดันของบุรุษลึกลับผู้นี้ พวกเขาก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย

เสี่ยวโพธิ์ ไป๋ฉี่ หานอวี้ ซิว บุปผาแห่งแสงและกองทัพอสูรมายาของฉินอวี้โม่ที่ใช้อสูรรวมร่างก็กลายเป็นกองกำลังที่ทรงพลังมากที่สุดในตอนนี้และพวกมันต้านทานการโจมตีของบุรุษลึกลับได้เป็นระยะหนึ่ง ทว่าน่าเสียดายที่พลังของเขาก็แกร่งกล้าจนเกินไป แม้แต่การรวมพลังของอสูรมายานับร้อยนับพันก็ไม่อาจเทียบชั้นได้เลย

ท่าทางของเขาก็ดูผ่อนคลายสบาย ๆ ราวกับว่าเขาเพียงแค่เล่นสนุกกับพวกมันเท่านั้น เขาใช้ฝ่ามือผลักอสูรเหล่านี้กระเด็นออกไปอย่างง่ายดายโดยไม่มีความคิดที่จะสังหารอีกฝ่าย

“ด้วยพลังที่อ่อนแอเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเจ้าจะต่อกรกับข้าได้ ? ทว่าในเมื่อขัดคำสั่งของข้าแล้ว จุดจบของพวกเจ้าก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น…นั่นก็คือความตาย!”

ขณะฟาดทั้งมนุษย์และอสูรกระเด็นออกไปเรื่อย ๆ บุรุษผู้นั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและในที่สุดก็คิดที่จะจบเรื่องนี้ด้วยการปลิดชีวิตของทุกคนที่ขวางหน้า

ทันใดนั้น ก้อนพลังขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาและปกคลุมเหนือร่างฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ทันที ตราบใดที่สังหารคนเหล่านี้ได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งของดินแดนเทพมายาก็จะลดน้อยลงมากและไม่มีทางที่จะพัฒนากลับคืนมาในเวลาสั้น ๆ ได้

“ลองนี่ก่อนเถอะ”

อวิ๋นซื่อเทียนและฉินอวี้โม่มองหน้ากันขณะหยิบระเบิดพลังมายาที่เหลือออกมาและโยนตรงไปที่เป้าหมายอย่างพร้อมเพรียงกัน

“นี่มันอะไรกัน ?”

บุรุษคนนั้นชะงักไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจและไม่ได้เตรียมการป้องกันใด

ตูมมม !

ด้วยเสียงที่ดังสนั่นและการระเบิดอย่างรุนแรงของระเบิดพลังมายาที่เหลือ คลื่นพลังมายาที่ปั่นป่วนก็กวาดไปทั่วทั้งบริเวณ

“แค่ก ๆ ๆ…”

เสียงไอเบา ๆ ดังขึ้นมาจากบุรุษลึกลับและเขาปรากฏตัวกลางอากาศอีกครั้งในภาพที่ดูน่าสมเพชไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าระเบิดพลังมายาทำให้เขาบาดเจ็บได้ ทว่าด้วยพลังที่เหนือชั้นจนเกินไปและความสามารถการป้องกันโดยธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัว แม้แต่ระเบิดพลังมายาที่รุนแรงก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้มากนัก

“พวกเจ้ารนหาที่ตายแท้ ๆ !”

การที่ต้องได้รับบาดเจ็บเพราะมดปลวกจากดินแดนระดับต่ำแห่งนี้ทำให้เขาโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม จิตสังหารที่รุนแรงอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นอีก เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้มีพรสวรรค์ที่มากเกินไปและจะปล่อยให้พวกนางมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่ได้ มิฉะนั้น หากพวกนางและคนอื่น ๆ ขึ้นไปที่ดินแดนระดับสูงในอนาคตข้างหน้า มันจะเป็นภัยครั้งใหญ่ต่อพวกเขา

“ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเราจะได้ร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกันจริง ๆ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มให้กับทุกคนด้วยสีหน้าผ่อนคลาย การที่ระเบิดพลังมายาก็ไม่สามารถทำให้บุรุษลึกลับบาดเจ็บสาหัสได้ เกรงว่าวันนี้พวกนางคงต้องตายอยู่ที่นี่เป็นแน่

“ตายก็ตายสิ ข้ายอมยืนหยัดและตายไปดีกว่าต้องคุกเข่าอ้อนวอนให้ได้รอดชีวิต การได้ตายไปพร้อมกับทุกคนในวันนี้ก็ถือว่าเป็นเกียรติของข้ามาก”

สีหน้าของหลี่อีหรานในตอนนี้ผ่อนคลายมากเช่นกันและเขาไม่สนใจความเป็นความตายของตนเองอีกต่อไป

“ถูกต้อง ข้าก็ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเราจะได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่และร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกัน”

เซิ่งเซียวกล่าวเสริมเช่นเดียวกันและปล่อยวางความกังวลทั้งหมดไป

คนอื่น ๆ ก็มองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน ในเมื่อทำลายฝ่ายมารได้แล้วก็เท่ากับแก้ไขวิกฤตของดินแดนเทพมายาได้สำเร็จ การได้ต่อสู้ร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมกับจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเกียรติของพวกเขาเช่นกัน

“หากต้องการจะฆ่าพวกเขา เจ้าก็ต้องฆ่าพวกเราทั้งหมดไปด้วย !”

คนอื่น ๆ ในดินแดนเทพมายาก็เห็นพ้องตรงกันและพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่จะมาถึงไปพร้อมกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ

การได้จบชีวิตลงพร้อมกับบุคคลสำคัญของดินแดนจำนวนมากเช่นนี้ถือว่าคุ้มค่าที่ได้เกิดมาแล้ว

“ต่อให้เจ้ามาจากดินแดนระดับสูงแล้วอย่างไรกัน ? หากเจ้ามีฝีมือพอที่จะฆ่าพวกเราทั้งหมดก็เชิญเลย ข้าก็อยากรู้นักว่าหากดินแดนระดับสูงทราบถึงเรื่องนี้ เจ้าจะถูกฝังไปพร้อมกับพวกเราด้วยรึไม่ !”

แม้เคยเป็นสมาชิกของฝ่ายมารตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ทว่าติงเหวินก็กล่าวเสียงดังฟังชัดและเดินตรงเข้าไปหาฉินอวี้โม่และทุกคนเช่นกัน

“พวกเจ้า…”

สีหน้าของบุรุษลึกลับในตอนนี้บิดเบี้ยวเหยเกอย่างที่สุด แววตาของเขายังคงเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า ทว่าภายในหัวใจของเขากลับเกิดความลังเลขึ้นมา…