ตอนที่ 741 ผู้แกร่งกล้าอีกคนปรากฏตัว

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เวลานี้ฝ่ายดินแดนเทพมายาสามัคคีปรองดองเป็นปึกแผ่นเดียวกันอย่างแท้จริง ต่อให้พลังของพวกเขาจะเทียบกับบุรุษลึกลับจากดินแดนระดับสูงผู้นี้ไม่ได้ แต่ขวัญและกำลังใจของพวกเขาก็มิได้ลดน้อยลงเลย พวกเขาทั้งหมดสนับสนุนการตัดสินใจของฉินอวี้โม่และเหล่าผู้นำขุมกำลังทั้งหลายโดยไม่กังวลเรื่องความเป็นความตายของตนเองอีกต่อไป

จิตสังหารในแววตาของบุรุษลึกลับยังคงชัดเจนไม่สั่นไหว ทว่าความลังเลกลับผุดขึ้นในหัวใจ หากเป็นเพียงการสังหารฉินอวี้โม่และจอมยุทธ์คนอื่น ๆ เพียงไม่กี่คน มันจะไม่ส่งผลกระทบใดมากนัก ทว่าหากกำจัดคนทั้งหมดในดินแดนเทพมายาไป เกรงว่ามันจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่โตในภายหลัง

“ฮ่า ๆ ๆ อวดอ้างว่าตนเองทรงพลังนักทรงพลังหนา..แต่กลับไม่กล้าสังหารพวกเราทั้งหมดอย่างนั้นรึ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนหัวเราะเบา ๆ และกล่าวยั่วโทสะอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว

“หุบปาก !”

บุรุษผู้นั้นทั้งเดือดดาลและอาฆาตมากยิ่งขึ้น เขาไม่เคยถูกยั่วยุโดยมดปลวกจากดินแดนระดับต่ำเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นความรู้สึกที่เกินทนอย่างแท้จริง

“เหอะ ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนอยากตายนัก ข้าผู้นี้ก็จะสนองให้”

เขาแค่นเสียงเย็นชาก่อนเหวี่ยงฝ่ามือฟาดตรงไปที่ฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ อันตราย !”

ฉินเทียนผู้ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่อัดแน่นในฝ่ามือดังกล่าว จากนั้นเขาก็พุ่งตัวออกไปขวางหน้าบุตรสาวไว้และเอาตัวเข้ารับฝ่ามือนั้นอย่างไม่คิดชีวิต

“ท่านพ่อ!”

เมื่อเห็นบิดาที่พุ่งเข้ารับฝ่ามือทรงพลังตรงหน้าจนกระเด็นร่วงลงกลางอากาศและสภาวะพลังของเขาก็อ่อนแอลงจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน ฉินอวี้โม่ก็อุทานด้วยความตกใจทันที

“อ่อนแอชะมัด !”

บุรุษลึกลับแค่นเสียงในลำคอและไม่คิดที่จะยั้งมือแม้แต่น้อย แม้การสังหารคนเหล่านี้จะก่อให้เกิดปัญหาตามมา มันก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ตอนนี้เขาอดทนอดกลั้นกับการยั่วยุของคนเหล่านี้ไม่ได้อีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่อาจปล่อยให้ฉินอวี้โม่และจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าเหล่านี้พัฒนาต่อไปได้ หากพวกนางมีโอกาสได้พัฒนาและเติบโตขึ้นต่อไป เกรงว่าเขาและคนอื่น ๆ ในดินแดนระดับสูงจะเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์

“พวกเราต้องสู้กับเขาสักตั้ง !”

ทุกคนในดินแดนเทพมายารู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาทันทีก่อนจะปลดปล่อยพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมาและกระหน่ำโจมตีตรงไปยังเป้าหมายเป็นจุดเดียว

ทว่าน่าเสียดายที่พลังอำนาจทั้งหมดของพวกเขาก็ยังอ่อนแอเกินไปเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์จากต่างดินแดน ไม่มีผู้ใดเข้าประชิดตัวบุรุษลึกลับได้ด้วยซ้ำ เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงพ่ายแพ้และสูญเสียพลังการต่อสู้ไปในที่สุด

“เอาล่ะ หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว !”

บุรุษผู้นั้นฟาดทุกคนจนกระเด็นออกไปก่อนที่ก้อนพลังขนาดมหึมาจะก่อตัวขึ้นมาในมือของเขา พลังที่อัดแน่นภายในนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ราวกับสามารถทำลายล้างทั่วทั้งดินแดนนี้ได้และทำให้อากาศรอบ ๆ แข็งตัวขึ้นมา

“หึหึ ไม่แปลกใจเลยที่ไม่อยู่ในบ้านสุนัขของตนเอง ที่แท้ก็วิ่งโร่มาที่ดินแดนระดับต่ำเพื่อมาอวดเบ่งอำนาจนี่เอง”

เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นในหูของทุกคนและก้อนพลังขนาดมหึมานั้นก็สลายหายไปทันที แรงกดดันที่บุรุษลึกลับแผ่กดข่มสมาชิกของดินแดนเทพมายาก็หายไปเช่นกัน และพลังความแข็งแกร่งของทุกคนก็ฟื้นฟูกลับคืนมาในระดับหนึ่ง

“พวกเจ้าเป็นอะไรรึไม่ ?”

ทันใดนั้นร่างของบุรุษอีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาบนอากาศ ร่างของเขาเป็นเพียงภาพเลือนรางจับต้องไม่ได้และมองเห็นรูปลักษณ์ได้ไม่ชัดเจนเช่นเดียวกับบุรุษลึกลับคนแรก นอกจากนี้ ร่างของเขาก็มีแรงกดดันที่ทรงพลังแผ่ออกมาซึ่งแกร่งกล้ายิ่งกว่าพลังของบุรุษลึกลับคนแรกเสียอีก

อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงของเขาฟังดูเป็นมิตรและอ่อนโยนกว่ามาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่วางตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ

“เจ้าอีกแล้วรึ ?!”

สีหน้าของบุรุษที่ปรากฏตัวก่อนเพื่อสังหารฉินอวี้โม่และคนอื่นๆก็เปลี่ยนไปอย่างมากขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความหวาดหวั่นไม่น้อย

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าเองบิดาของเจ้า ทุกวันนี้เจ้าคงจะมีแรงเหลือมากสินะถึงได้มารังแกผู้คนในดินแดนระดับต่ำเช่นนี้ ถ้าอยากจะสู้นัก…มาสู้กับข้าจะดีกว่า”

ผู้มาใหม่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทั้งสองเป็นปฏิปักษ์และไม่ถูกต่อกัน

“เหอะ !”

บุรุษคนแรกแค่นเสียงในลำคอโดยไม่ตอบกลับและไม่ต้องการต่อสู้กับบุรุษผู้มาใหม่นี้

“ในเมื่อเจ้าไม่กล้าก็กลับไปที่ขุมกำลังของเจ้าซะ พวกเราขุมกำลังในดินแดนระดับสูงมีข้อตกลงร่วมกันอยู่และไม่สามารถแทรกแซงเรื่องของดินแดนระดับต่ำได้ การกระทำของเจ้าต่อดินแดนเทพมายาครานี้เป็นการละเมิดกฎดังกล่าวอย่างชัดเจน อยากเห็นนักว่าเมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงดินแดนของเรา เจ้าจะพยายามแก้ตัวอย่างไร!”

บุรุษผู้มาใหม่กล่าวเสียงดังฟังชัดราวกับต้องการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ได้ทราบโดยทั่วกัน

“วันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน ในอนาคต…หากพวกเจ้ากล้าเข้ามาเหยียบที่ดินแดนของข้า ข้าผู้นี้จะฆ่าพวกเจ้าด้วยมือของข้าเอง !”

บุรุษลึกลับคนแรกตวัดสายตามุ่งร้ายมองฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ พร้อมกล่าววาจาข่มขู่ทิ้งท้ายก่อนร่างของเขาค่อย ๆ หายไปในอากาศ

“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยพวกเราไว้”

ฉินอวี้โม่และทุกคนกล่าวขอบคุณผู้มาใหม่อย่างจริงใจ แม้ไม่ทราบตัวตนว่าเขาเป็นใครหรือปรากฏตัวที่ดินแดนเทพมายาเพราะจุดประสงค์ใด ทุกคนก็รู้สึกซาบซึ้งใจสำหรับความช่วยเหลือของเขา

“ข้าไม่ได้ช่วยพวกเจ้า ข้าเพียงพบคู่อริเก่าและตามมาหาเรื่องเขาก็เท่านั้น ฮ่า ๆ ๆ”

บุรุษผู้นั้นหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อย ๆ สลายหายไปในอากาศราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน

เมื่อบุรุษลึกลับทรงพลังทั้งสองหายไปจนไม่เหลือร่องรอย บรรยากาศความกดดันที่แผ่ไปทั่วบริเวณก็สลายไปเช่นกัน หากมิใช่เพราะพลังมหาศาลก่อนหน้านี้ที่ทำให้ทุกคนตกใจสั่นเทิ้มไปตาม ๆ กัน เกรงว่าพวกเขาคงหลงคิดไปเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตาและมิใช่ความจริง

“ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรรึไม่ ?”

ฉินอวี้โม่ปรี่ออกไปด้านข้างและตรวจดูอาการของฉินเทียนผู้ซึ่งเผชิญกับการโจมตีอย่างรุนแรงจนกระเด็นออกไปก่อนหน้านี้

“แค่ก…แค่ก ข้าไม่ตายง่าย ๆ หรอก”

ฉินเทียนไอเล็กน้อยและค่อย ๆ ลืมตามองบุตรสาว เขาเองก็ต้องยอมรับว่าบุรุษลึกลับจากดินแดนระดับสูงผู้นั้นทรงพลังเกินไป หากมิใช่เพราะฉินเทียนเองก็เข้าใกล้ขีดจำกัดสำหรับการทะลวงพลังขั้นต่อไป เกรงว่าเขาก็คงจะเสียชีวิตคาที่ไปแล้ว

“สองคนนั้นคือใครกัน ?”

ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อทราบว่าฉินเทียนไม่เป็นอะไร ทว่าเมื่อนึกย้อนไปถึงบุคคลลึกลับและทรงพลังจนเกินจินตนาการทั้งสอง พวกเขาก็อดขมวดคิ้วมุ่นและเอ่ยถามไม่ได้

“พวกเขาคงจะมาจากดินแดนระดับสูง ทว่าบุรุษคนแรกไม่ต้องการให้ดินแดนเทพมายาของเราพัฒนาเติบโตต่อไป ส่วนบุรุษคนหลังคงจะเข้ามาเตือนเราว่าคนในดินแดนระดับสูงทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ของที่นี่”

หานโม่ฉือเอ่ยถึงข้อคาดเดาของตนเอง พลังอำนาจของบุรุษทั้งคู่น่าสะพรึงกลัวจนเกินไปและดูจะไม่ใช่เพียงขอบเขตราชาเซียนธรรมดา เกรงว่าดินแดนระดับสูงแห่งนั้นคงจะมีตื้นลึกหนาบางมากยิ่งกว่าดินแดนเทพมายาเสียอีก

“อวี้โม่ เราจะจัดการพวกนั้นอย่างไร?”

โอวหยางชิงเฟิงชี้ไปที่กองทัพผีดิบที่ยังคงอยู่ในจุดหนึ่งของสมรภูมิรบในสภาพที่สูญเสียพลังการต่อสู้ไปมาก

ฮวาเฉินเสียชีวิตไปแล้วและกองทัพผีดิบก็สูญเสียการควบคุมไปเช่นกัน เวลานี้พวกมันยืนนิ่งด้วยความสับสนและไม่ทราบเลยว่าควรต้องทำสิ่งใดต่อไป

“ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”

พลังของบุปผาแห่งแสงฟื้นกลับคืนมาบางส่วนแล้วและมันกล่าวกับฉินอวี้โม่ก่อนเดินตรงไปยังกองทัพผีดิบเหล่านั้นอย่างช้า ๆ

ด้วยการโบกมือเบา ๆ พลังแห่งแสงที่เจิดจ้าก็ปกคลุมวิญญาณไร้ชีวิตเหล่านั้นทันทีและชำระล้างพลังความมืดภายในตัวของพวกมัน หลังจากนั้นเพียงไม่นาน พลังความมืดที่ขับเคลื่อนกองทัพผีดิบก็ถูกกำจัดไปโดยสมบูรณ์และพวกมันก็ล้มลงบนพื้นก่อนกลายเป็นซากเหี่ยวแห้งทีละตน

ตูมมม !

ซิวปล่อยพลังลงพื้นดินเพื่อทำให้เกิดหลุมลึกขนาดใหญ่ขึ้นมาก่อนเหวี่ยงมือและกวาดซากของกองทัพผีดิบจำนวนมากลงไปในนั้นเพื่อฝังพวกมัน

ซากศพของมังกรครามที่ตายไปก็ล้วนถูกเพลิงของซิวแผดเผาไปและเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่านที่สลายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้ายังคิดจะต่อสู้ดิ้นรนอีกรึไม่ ?”

บรรดาสมาชิกฝ่ายมารอีกหลายคนที่เลือกภักดีต่อฮวาเฉินก่อนหน้านี้ทำได้เพียงยืนนิ่งด้วยความสับสนในหัวใจและไม่ทราบเลยว่าควรทำอย่างไรต่อไป

“ทุกคนวางอาวุธลงและยอมจำนนเถอะ”

ติงเหวินกวาดสายตามองเหล่าสมาชิกของฝ่ายมารและลั่นวาจาเสียงดังฟังชัด ตอนนี้ฮวาเฉินก็ตายไปแล้วและฝ่ายมารไม่สามารถดำรงอยู่ได้อีกต่อไป คนเหล่านี้เป็นเพียงผู้ที่เชื่อมั่นในตัวผู้นำและมิได้สร้างบาปหนาจนถึงขั้นที่สมควรตาย

เมื่อได้ยินวาจาของอดีตผู้อาวุโสสิบสองของฝ่ายมาร พวกเขาเหล่านั้นก็วางอาวุธลงตาม ๆ กันและยืนนิ่งเงียบเพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของตน…

“ฉินอวี้โม่ รีบปล่อยข้าไปเร็วเข้า !”

ในเวลานี้ ฮวาเหยียนอวี่ผู้ซึ่งถูกรัดไว้โดยเสี่ยวจิ่วก็ได้สติขึ้นมาและแผดเสียงดังด้วยความสิ้นหวังในหัวใจ

นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าฝ่ายมารที่ทรงพลังของตนจะพ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบเช่นนี้และไม่คิดว่าฮวาเฉินจะตายไปด้วยน้ำมือของฉินอวี้โม่ วันนี้สมาชิกฝ่ายมารเกือบทั้งหมดเลือกวางอาวุธและยอมจำนนต่อฝ่ายดินแดนเทพมายาแล้ว แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสอื่น ๆ อีกหลายคนที่ตระหนักว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีก็หาโอกาสหลบหนีออกไปแล้วและคงจะไม่คิดต่อสู้หรือล้างแค้นฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ อีกต่อไป ทว่าสถานการณ์ของฮวาเหยียนอวี่ต่างออกไป นางดูหมิ่นท้าทายฉินอวี้โม่หลายครั้งหลายคราและทำสิ่งชั่วร้ายมามากมาย นางทราบดีว่าการรอดพ้นไปจากที่นี่คงจะเป็นไปไม่ได้

“ฮวาเหยียนอวี่ สมาชิกส่วนใหญ่ของฝ่ายมารจะได้รับการอภัยโทษ ทว่ามิใช่เจ้า เจ้าก่อกรรมทำชั่วมามากนักและต้องชดใช้อย่างสาสม !”

ด้วยแรงสะบัดมือเบา ๆ ฉินอวี้โม่ก็ดูดกลืนพลังทั้งหมดในร่างกายของฮวาเหยียนอวี่เข้ามา นอกจากนี้ เส้นลมปราณของนางก็ถูกปิดผนึกไว้เช่นกันโดยที่นางจะไม่มีวันฝึกยุทธ์ได้อีกต่อไป

“ผู้คนจำนวนมากในเมืองรอบทะเลไร้จุดจบเหล่านั้นต้องตายเพราะแผนชั่วของเจ้า ตลอดชีวิตนับจากนี้ไป…เจ้าจะต้องใช้ชีวิตอยู่บนเกาะร้างและสำนึกผิดต่อคนเหล่านั้น !”

นางหันไปพยักศีรษะกับหานอวี้และตัดสินโทษของฮวาเหยียนอวี่อย่างไม่รีรอ

ฮวาเหยียนอวี่ผู้นี้จะถูกส่งไปยังเกาะรกร้างห่างไกลแห่งหนึ่งซึ่งมีอสูรมายาที่ทรงพลังจำนวนหนึ่งคอยควบคุมตัวนางเพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ต้องกังวลว่าฮวาเหยียนอวี่จะออกมาทำอันตรายต่อผู้ใดอีก ในอนาคตนับจากวันนี้ไป คุณหนูของฝ่ายมารที่เคยทะนงตนจะถูกทอดทิ้งให้อยู่บนเกาะที่ห่างไกลเพียงลำพังและทนทุกข์ทรมานในทุก ๆ วัน

“ไม่ ไม่นะ…”

สีหน้าของฮวาเหยียนอวี่ในตอนนี้ดูสิ้นหวังอย่างที่สุดและคิดว่าความตายยังดีกว่าการต้องมีชีวิตเช่นนั้นเสียอีก เพียงแต่นางก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะปลิดชีวิตของตนเอง

จากนั้นหานอวี้ก็ยกตัวนางขึ้นมาและหายไปต่อหน้าทุกคนทันที เวลานี้คนของฝ่ายมารที่เหลือก็เพียงรออยู่อย่างเงียบ ๆ

พวกเขาสามารถเลือกขุมกำลังที่ต้องการเข้าร่วมได้ทว่าจะต้องผ่านการประเมินเสียก่อน หากผู้ใดเคยทำสิ่งชั่วร้ายมาก่อน คนเหล่านั้นจะต้องได้รับบทลงโทษตามความเหมาะสมเช่นกัน

“ไปกันเถอะ เรากลับไปที่นครล่าฝันกันก่อนเถอะ”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะส่งสัญญาณให้กับอวิ๋นซื่อเทียนและคนอื่น ๆ ในสงครามครานี้ ทุกคนล้วนได้รับบาดเจ็บพอสมควรและต้องใช้เวลาพักฟื้นก่อนที่พลังความแข็งแกร่งจะฟื้นฟูกลับสู่สภาวะสูงสุดได้อีกครั้ง

ทุกคนมุ่งหน้ากลับนครล่าฝันด้วยกันและแยกย้ายกันหาพื้นที่สำหรับเก็บตัวพักฟื้น ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือที่ได้รับบาดเจ็บเพียงไม่มาก ทั้งสองจึงเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวด้วยกัน

ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว คุณยายฮวาและผู้อาวุโสใหญ่ของชนเผ่าอู่ซินซึ่งถูกจับตัวไว้ก่อนหน้านี้กำลังพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ

สีหน้าของทั้งสองแสดงให้เห็นถึงความโดดเดี่ยวและความเศร้าใจไม่น้อย การที่ถูกขังไว้ในคฤหาสน์มิติแห่งนี้ ทั้งสองก็สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกได้อย่างชัดเจน เมื่อทราบว่าฝ่ายมารพ่ายแพ้และฮวาเฉินสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน รวมถึงเห็นความองอาจกล้าหาญของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แกร่งกล้าจากต่างดินแดน ต้องยอมรับเลยว่าความสามารถในการเอาชนะฮวาเฉินของฉินอวี้โม่มิใช่เป็นเพียงโชคช่วยเท่านั้น และการที่นางประสบความสำเร็จได้อย่างในทุกวันนี้ก็มิใช่เป็นเพียงเพราะพรสวรรค์ที่โดดเด่นเพียงอย่างเดียว

“ฉินอวี้โม่ ขอบคุณที่ไว้ชีวิตคุณหนูของข้า”

ผู้อาวุโสใหญ่ของชนเผาอู่ซินกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ สำหรับบทสรุปของฮวาเหยียนอวี่ เขาก็พอจะคาดการณ์ไว้บ้างแล้ว ทว่าการได้มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ที่ข้าไว้ชีวิตนางก็เพียงเพื่อให้นางทุกข์ทรมานต่อไปและชดใช้ให้กับความผิดที่นางเคยก่อไว้ก็เท่านั้น”

ฉินอวี้โม่ไม่ต้องการรับคำขอบคุณของอีกฝ่าย เจตนาของนางมิใช่เป็นการไว้ชีวิตฮวาเหยียนอวี่ ทว่าเป็นการปล่อยให้อีกฝ่ายทุกข์ทรมาน สำหรับบางสถานการณ์ การมีชีวิตอยู่นั้นก็เจ็บปวดยิ่งกว่าความตายเสียอีก

“ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณ นางเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่เหลือจากชนเผ่าอู่ซินของเรา หากนางรอดชีวิตต่อไป นั่นก็หมายความว่าข้าไม่ได้ขัดคำสั่งเดิมของผู้นำชนเผ่า”

ผู้อาวุโสใหญ่ของชนเผ่าอู่ซินยังคงกล่าวขอบคุณฉินอวี้โม่ต่อไปโดยไม่มีความชิงชังใดต่อคนตรงหน้า

“ฉินอวี้โม่ ขอบคุณเช่นกันที่ไว้ชีวิตคนของฝ่ายมาร”

คุณยายฮวากล่าวขึ้นมาเช่นกัน นางรู้สึกโล่งใจอย่างที่สุดเมื่อได้ทราบว่าสมาชิกฝ่ายมารที่เหลืออยู่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และน้ำเสียงของนางก็แสดงถึงความชื่นชมต่อฉินอวี้โม่อย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก