ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 17 กองทัพดับสลาย

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

จักรพรรดิเหวศิลาปรากฏร่างกว่าครึ่งออกมาจากความว่างเปล่า สะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งเกาะลอยคว้าง ชาวเผ่ามรณะทมิฬของเกาะลอยคว้างเหล่านั้นรวมทั้ง ’จักรพรรดิ’ ผู้นั้นที่ตื่นขึ้นมาแล้วก็พากันประหวั่นใจ

 

“เขาล่าเหยื่ออีกแล้ว” ’จักรพรรดิ’ แห่งเกาะลอยคว้างผู้นี้ดูละม้ายคล้ายกับสตรีอาภรณ์สีแดงผู้หนึ่ง นางยืนอยู่ในดินแดนชนเผ่า ด้านหลังมีผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่กลุ่มหนึ่ง แต่ละคนต่างก็ทอดสายตามองออกไปยังร่างมโหฬารหาใดเปรียบไกลออกไป นับตั้งแต่ ‘จักรพรรดิเหวศิลา’ มาถึงเกาะลอยคว้างแห่งนี้ เจ้าของเกาะลอยคว้างก็กลายเป็นจักรพรรดิเหวศิลาไปแล้ว ส่วนจักรพรรดิเผ่ามรณะทมิฬนั้นมิกล้าไปท้าทายเลย

 

แม้จะสามารถรักษาชีวิตรอดได้ แต่ก็ถูกจักรพรรดิเหวศิลาเหยียบย่ำอย่างสิ้นเชิง! เคราะห์ดีที่จักรพรรดิเหวศิลาไม่ชอบกินเผ่ามรณะทมิฬเหล่านี้เอามากๆ ตามปกติเขาก็หลับใหลอยู่บนเกาะลอยคว้างแห่งนี้ จะมีก็แต่เมื่อพบชนพื้นเมืองและบรรดาผู้บำเพ็ญเท่านั้นจึงจะยอมกินลงไป

 

“ซู้ด!”

 

ปากใหญ่โตดุจแอ่งโลหิตของจักรพรรดิเหวศิลาแผ่คลุมลงไปเบื้องล่าง แล้วสูดเข้าไป

 

ลำแสงบิดเบี้ยวกลายเป็นความมืดหม่น กาลเวลาและกาลมิติก็บิดเบี้ยวไป พละกำลังอันไร้ที่สิ้นสุดตกต้องร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงบรรพชนแมลงและจอมกระบี่

 

“พี่กระบี่ปีศาจ ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ทว่าสิ้นใจไปก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ว่าหากข้าจะฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง ก็ต้องทุ่มเทไปค่อนข้างมาก เวลาที่ต้องใช้ก็ต้องนานหน่อยก็เท่านั้นเอง!” บรรพชนแมลงถ่ายเสียงพูด

 

“จอมกระบี่ ต้องอาศัยเจ้าสู้สุดชีวิตเสียแล้ว ข้าไร้หนทางแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถ่ายเสียงพูด

 

จอมกระบี่กลับโบกมืออย่างเยียบเย็นคราหนึ่ง แล้วเก็บตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงข้างกายลงไป

 

ร่างแยกพลังรบหลักร่างหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งไปสำรวจล่วงหน้าก่อนหน้านี้กลับไม่ทันการเสียแล้ว ภายใต้พละกำลังดูดกลืนอันน่าหวาดหวั่น เขาก็รู้สึกว่าทั้งร่างล้วนถูกห่อหุ้มแล้วตกเข้าไปอย่างรวดเร็ว ภายในปากมหึมาของจักรพรรดิเหวศิลา ที่ส่วนลึกของปากนั้นเป็นสีแดงเข้มบิดเบี้ยว เมื่อถูกกลืนเข้าไป ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สัมผัสได้ถึงความร้อนระอุถึงขั้นสุด!

 

แม้ร่างกายของเขาจะฝึกฝนมาจนเทียบได้กับเทพจักรวาลสามชั้นสายฝึกกายแล้ว แต่ภายใต้ความร้อนระอุระลอกนี้ ร่างกายก็ยังคงแยกออกอยู่ดี

 

“ร่างแยกร่างหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นพรรค์นี้ ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้แม้แต่น้อยอย่างแท้จริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึงในใจ จักรพรรดิเหวศิลายังแข็งแกร่งกว่า ‘ลูกมังกรหมื่นสัมผัส’ ที่ถูกจองจำตนนั้นตั้งมากมาย! ทว่าพลังโดยรวมของดินแดนจิตโลกาแข็งแกร่งมาก นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่าง ชนพื้นเมืองและเผ่ามรณะทมิฬ ก็ล้วนมิอาจทะลุสิ่งกีดขวางจากหุบเขาเขี้ยวหักเข้ามายังดินแดนจิตโลกาได้

 

ตามรายงาน

 

สิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหักล้วนเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างเท่านั้น จำนวนก็น้อยอย่างยิ่ง บนเกาะลอยคว้างจำนวนนับไม่ถ้วนพบสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่าได้ยากมาก! ในหมู่พวกมัน ส่วนใหญ่ล้วนมีพลังธรรมดามาก หากสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูพบเข้า โดยทั่วไปก็สามารถรักษาชีวิตไว้ได้อย่างไร้ปัญหา แต่ในจำนวนนั้นมีอยู่แปดตนที่เป็นระดับยอดสุด และได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้วิเศษใหญ่

 

จักรพรรดิเหวศิลาก็ได้รับการเรียกขานว่า ‘ผู้วิเศษใหญ่แห่งเหวศิลา’! เป็นหนึ่งในผู้วิเศษใหญ่! หากเป็นจักรพรรดิเซี่ยที่ถือสมบัติลับขั้นสุดยอดเอาไว้เกิดพบเข้า ก็ยังมีหวังหนีเอาชีวิตรอดได้ แต่พวกตงป๋อเสวี่ยอิงจะเอาชีวิตรอดน่ะหรือ ความหวังก็ริบหรี่มากแล้ว!

 

แน่นอนว่าทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหัก ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดก็ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตของเผ่ามรณะทมิฬและชนพื้นเมืองที่บรรลุถึงระดับยอดสุดอย่างแท้จริงห้าท่าน ซึ่งถูกเรียกว่าเป็น ‘ห้ายอดเคารพ’

 

ห้ายอดเคารพ!

 

สามท่านมีต้นกำเนิดจากเผ่ามรณะทมิฬ ส่วนอีกสองท่านจากเผ่าชนพื้นเมือง

 

ระดับอย่างผู้ปกครองหุบเขาเขี้ยวหักอันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างแท้จริงนั้น ต่อให้ราชันย์อนธการอมตะและจักรพรรดิเซี่ยทำทุกวิถีทางก็ยังสามารถถูกทำลายได้อย่างง่ายดายอยู่ดี! ดังนั้นราชันย์อนธการอมตะจึงคิดจะหลอม ‘ผู้ท่องมรณะ’ ขึ้นมาอยู่ตลอด จึงได้ทุ่มเทไปมูลค่ามหาศาลเพื่อบูชาครั้งใหญ่ หมายจะสำเร็จให้ได้ในคราวเดียว ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับลงมือทำลายธุระของเขา ทำให้แม้ราชันย์อนธการอมตะจะกระหายสถานที่อยู่ลึกที่สุดต่างๆ ของหุบเขาเขี้ยวหักมาก แต่กลับมิกล้าถลำลึกเข้าไป”

 

เนื่องจากทั้งหุบเขาเขี้ยวหัก ทรัพยากรที่ดีที่สุด สถานที่พิเศษสุดอย่างแท้จริงก็ล้วนแต่มีห้ายอดเคารพครอบครองแล้ว!

 

……

 

ห้ายอดเคารพนั้นไม่ต้องสนใจแล้ว

 

จักรพรรดิเหวศิลาตรงหน้าก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิง บรรพชนแมลงและจอมกระบี่ตื่นเต้นหาใดเปรียบแล้ว

 

“มิได้บอกว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างมีน้อยมากหรอกหรือ พวกเราบุกฝ่าเกาะลอยคว้างมาสามสิบกว่าแห่ง ได้พบสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็แล้วไปเถิด แต่ยังปะทะเข้ากับจักรพรรดิเหวศิลา หนึ่งในผู้วิเศษใหญ่อีกด้วย!” ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ บรรพชนแมลงมีสีหน้าขมขื่น

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับส่งผลังผ่านสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ไป เขายังคงพยายามสำแดงเขตลวงออกมาอย่างสุดกำลัง

 

ตู้มมม…

 

เขตลวงแผ่คลุมรอบด้าน แม้เพียงแค่ปะทะถูกร่างกายเพียงส่วนน้อยนิดของจักรพรรดิเหวศิลาเท่านั้น แต่กลับรุกรานเข้าไปในวิญญาณของจักรพรรดิเหวศิลาด้วย เพียงแต่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นพิเศษอย่างยิ่งจริงๆ หลายส่วนของร่างกายเป้นการปรากฏของกฎเกณฑ์อันสูงส่ง เกล็ดหรือกระดูกสักแผ่นหนึ่งก็มีความเร้นลับมากมาย วิญญาณของมันก็ย่อมแข็งแกร่งหาใดเปรียบ ต่อให้ปัญญาทั่วไปมาก ก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พลังก็คงลดลงเพียงส่วนเดียวเท่านั้นเอง

 

“สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ก็มีเพียงราวๆ นี้ จอมกระบี่ ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วนะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบถอนหายใจ แม้ตนจะพกดอกบัวเพลิงห้วงอากาศมาด้วย แต่ร่างแยกทั้งเก้าร่างร่วมมือกัน ก็มิอาจต้านทานการดูดกลืนของจักรพรรดิเหวศิลาได้

 

“ฟิ้ว!”

 

ประกายกระบี่อันโดดเด่นสะดุดตาแหวกความมืดหม่นอันไร้ที่สิ้นสุดออกไป

 

จอมกระบี่ถือกระบี่เล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ เขาทำลายพละกำลังหลายชั้นที่พันธนาการเอาไว้ แล้วพยายามพุ่งออกไปข้างนอกอย่างสุดกำลัง!

 

“แคว่ก!” กรงเล็บมหึมาของจักรพรรดิเหวศิลาราวกับก่อตัวขึ้นจากหินผา มันปรากฏขึ้นมาท่ามกลางความมืดหม่นอันไร้ที่สิ้นสุด แล้วแผ่คลุมไปทางจอมกระบี่ด้วยความเร็วสูง จอมกระบี่พยายามต้านทานและถ่ายแรงอยากสุดกำลัง

 

ปัง!

 

ประกายกระบี่สลายไป

 

จอมกระบี่กระอักเลือดแล้วบินทะยานต่อไปอย่างน่าอนาถ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” จักรพรรดิเหวศิลาเปล่งเสียงหัวเราะออกมา สะท้อนก้องไปทั่วทั้งเกาะลอยคว้าง เหมือนกับสนุกสนานตื่นเต้นดีใจนัก

 

……

 

ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงตรวจดูโลกภายนอกด้วยความกังวล พลางมองดูจอมกระบี่ดิ้นรนด้วยความยากลำบาก

 

“แข็งแกร่งเกินไปอยู่ดี” บรรพชนแมลงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “กระบี่ปีศาจมีพลังที่ไร้ศัตรู นอกจากนี้วิธีการต่างๆ ก็ยังสมบูรณ์แบบมาก ต่อให้เป็นพวกบรรพชนราตรีนิรันดร์หรือประมุขรัฐจันทร์บุปผามาเอง ก็เกรงว่าคงจะสู้พี่กระบี่ปีศาจไม่ได้เสียด้วยซ้ำ”

 

“ใครใช้ให้พบจักรพรรดิเหวศิลาเข้ากันเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจ “นอกจากนี้ ดูๆ แล้วจักรพรรดิเหวศิลาก็เห็นนี่เป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่ง มิได้สู้อย่างสุดกำลัง น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ในเกาะลอยคว้าง พวกเราผู้บำเพ็ญก็ต้องเผชิญกับการผลักไส มิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ ทำได้เพียงค่อยๆ บินไปอย่างเชื่องช้าเท่านั้น! จักรพรรดิเหวศิลาจึงไม่กลัวเลยว่าพวกเราจะหนีพ้นได้”

 

“อ๊าก!” แผ่นเกล็ดบนหน้าของบรรพชนแมลงหดลง

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ขมวดคิ้วคราหนึ่ง เนื่องจากร่างของจอมกระบี่ถูกเชือดเฉือนออก แม้จะสมานกันอย่างรวดเร็ว แต่บนร่างของจอมกระบี่กลับมีพละกำลังสีเทาอันแปลกประหลาดพันธนาการเอาไว้

 

ผ่านไปราวสิบกว่าชั่วลมหายใจ

 

“เสวี่ยอิง บรรพชนแมลง ต้านทานไว้ไม่ได้แล้ว” เงาร่างสายหนึ่งของจอมกระบี่ส่งเสียงมา

 

ตู้ม!

 

ไม่นานนัก สมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงมองสบตากันยิ้มๆ แม้ท้ายที่สุดจะดิ้นรนเสียจนต้องหนีไปทั่วสารทิศ แต่ภายใต้การกดดันของ ‘จักรพรรดิเหวศิลา’ ซึ่งดุจดั่งการดูดกลืนของหุบเหวลึกอันไร้ที่สิ้นสุด ก็ยังคงถูกดูดกลืนเข้าไปจนสิ้น

 

“ข้าต้องใช้เวลานานมากจึงจะฟื้นฟูกลับมาได้ รอหลังจากฟื้นฟูแล้ว ก็จะมายังเมืองหิมะเหิน พี่ใหญ่หิมะเหิน สมบัติล้ำค่าต่างๆ ช่วยข้าเก็บเอาไว้ให้ดีก่อนก็แล้วกัน” ขณะที่บรรพชนแมลงถูกกลืนลงไปก็ยังถ่ายเสียงพูด

 

“วางใจเถิด ข้าไม่เอาเปรียบเจ้าแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะใหญ่

 

กองกำลังสามคนของจอมกระบี่ ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงก็ดับสลายไปเช่นนี้เอง!

 

******

 

ณ เมืองหิมะเหิน

 

กองหิมะปกคลุมสวนดอกไม้เอาไว้ ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ภายในสวนดอกไม้เพียงลำพังพลางแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า มีเงาร่างสายหนึ่งรวมตัวกันขึ้นกลางอากาศ ซึ่งก็คือร่างแปรของจอมกระบี่ที่ร่อนลงมานั่นเอง

 

“เสวี่ยอิง” จอมกระบี่ร่อนลงมา บนใบหน้าของเขาก็เผยแววจนใจสายหนึ่งออกมา “ทำให้เจ้าและคนอื่นๆ ผิดหวังเสียแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเหวศิลาก็ไม่สามารถต้านทานได้เลย”

 

“อย่างน้อยเจ้าก็ยังสามารถต้านทานได้ ข้ายังไม่ไม่มีแม้แต่โอกาสเสียด้วยซ้ำไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “นอกจากนี้ก่อนหน้าที่จะเข้าไปในหุบเขาเขี้ยวหัก พวกเราก็ได้เตรียมการที่จะสูญเสียร่างแยกเอาไว้แล้ว แม้เมื่อต้องสูญเสียสมบัติล้ำค่าก็เสียใจ แต่หากพูดถึงสิ่งที่ได้รับมา ก่อนหน้านี้พวกเราก็ได้อะไรมาจากเกาะลอยคว้างสามสิบสามแห่งตั้งมากมายแล้ว”

 

จอมกระบี่พยักหน้า “ไม่ต้องรีบร้อนไป รอจนบรรพชนแมลงมาแล้วค่อยแบ่งกันก็ได้”

 

“พลังของเขาจะฟื้นฟู ก็ยังต้องใช้เวลาอยู่บ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “เขาไม่มีร่างแยก คงจะเป็นเคล็ดลับฟื้นคืนชีพของแมลงขั้นสุดยอดกระมัง”

 

“เข้ามายังหุบเขาเขี้ยวหักในครั้งนี้ ได้บุกฝ่าเกาะลอยคว้างตั้งหลายแห่งติดต่อกัน เนื่องจากมีเจ้า เสวี่ยอิง จึงได้ผลประโยชน์มามากกว่าที่คาดเอาไว้มาก และได้สบโอกาสตั้งหลายครั้ง” จอมกระบี่กล่าว “ในเมื่อครั้งนี้สูญเสียร่างแยกไป อาวุธข้าก็สูญหายไปด้วย ภายในระยะเวลาสั้นๆ พลังของข้ากับเจ้าก็จะไม่ต่างอะไรกันมากนัก ข้าจะยังไม่ไปที่หุบเขาเขี้ยวหักก่อนชั่วคราว แล้วเตรียมตัวเก็บตัว บำเพ็ญเพียรอย่างเงียบๆ โอกาสที่ได้พบในหุบเขาเขี้ยวหักพวกนั้น ยังไม่มีเวลาลองรับรู้ดูเลย”

 

“เจ้าไม่ไปแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง

 

“ตอนนี้ยังไม่ไปก่อนแล้วกัน” จอมกระบี่เอ่ย

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ “แต่ข้าก็ยังจะไปอยู่ดี ข้ายังต้องไปดูดวงตาเร้นลับดวงอื่นๆ ด้วย”

 

“ฮ่าฮ่า ร่างแยกของเจ้ามีตั้งมากมาย ลองอีกสักสองสามครั้ง ก็มีโอกาสมองเห็นดวงตาเร้นลับนั่นได้” จอมกระบี่พูดยิ้มๆ

 

“อื้ม”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

 

แม้ครั้งนี้จะได้อะไรมามากมาย แต่เมื่อร่างแยกของจอมกระบี่ร่างนั้นตายไป สูญเสียสมบัติลับของวิถีทำลายล้างที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งไปชิ้นหนึ่ง จอมกระบี่มีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง เมื่อบวกกับสมบัติลับระดับยอดสุดที่เหมาะสมอย่างยิ่งนั้น จึงจะมีพลังที่ไร้ศัตรูได้! บัดนี้ตามหาสมบัติลับที่เหมาะสมไม่พบ พลังของเขาลดลง หากใช้พลังเช่นนี้ไปบุกฝ่าเกาะลอยคว้าง ก็ไม่มั่นใจว่าจะ ‘ฆ่าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน’ ได้ ต้องอาศัยโชคเต็มๆ

 

หากพูดถึงร่างแยก จอมกระบี่มิได้มีมากเท่ากับตงป๋อเสวี่ยอิง สูญเสียร่างแยกไป ก็ต้องค่อยๆ ฝึกฝนร่างแยกร่างหนึ่งกลับมา

 

ข้อแรกก็คือเขาไม่อยากเป็นตัวถ่วงของตงป๋อเสวี่ยอิง ข้อสองก็คือเขาอยากสงบจิตใจเพื่อบำเพ็ญ และซึมซับสิ่งที่ได้รับจากช่วงเวลานี้!

 

“จอมกระบี่จะเก็บตัวบรรพชนแมลงเพื่อบำเพ็ญ ส่วนพลังของบรรพชนแมลงก็มิอาจฟื้นฟูได้ชั่วคราว หากอาศัยตัวข้าเอง…ก็ทำได้เพียงอาศัยร่างแยกทั้งหลายและศาสตร์เขตลวงโลกเทียมเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ หากพูดถึงว่ามีร่างแยกมากเพียงอย่างเดียว เขาก็ไม่กล้าคิดว่าตนจะสามารถทะลุไปตลอดทางจนถึงใจกลางของเกาะลอยคว้างแห่งหนึ่งได้ ทว่าเขามีลูกไม้เขตลวงโลกเทียมที่สามารถกวาดล้างระดับอ๋องได้ด้วย ทำให้เขาพอจะมีความมั่นใจอยู่บ้าง

 

 

………………………………………….