ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 18 กระบวนสังหารแรกของวิถีเขตลวงโลกเทียม (1)

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ภายในหุบเขาเขี้ยวหัก

กลางเกาะลอยคว้างแห่งหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงมุ่งเข้าไปตามลำพังด้วยความระมัดระวัง เขาปลดปล่อยเขตลวงโลกเทียมห่อหุ้มบริเวณโดยรอบเอาไว้ สังเกตการณ์รอบทิศอย่างระแวดระวัง

เผ่ามรณะทมิฬตนหนึ่งสังเกตพบผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอผู้นี้ ผู้บำเพ็ญประสบกับการขับไล่ของกลิ่นอายเกาะลอยคว้าง ดังนั้นอาศัยเคล็ดซ่อนเร้นที่ร้ายกาจยิ่งกว่า ขอเพียงแค่อยู่ในระยะที่ใกล้สักหน่อย เผ่ามรณะทมิฬต่างก็สามารถรับรู้ได้อย่างง่ายดาย

“โฮก”

ถ้าหากบอกว่ากลิ่นอายของบรรพชนแมลงและจอมกระบี่มีพลังรบกวน

เช่นนั้นกลิ่นอายของตงป๋อเสวี่ยอิงที่เป็นเพียงเทพจักรวาลชั้นที่สองก็ไม่มีพลังรบกวนเลยจริงๆ

นัยน์ตาของชนเผ่ามรณะทมิฬตนนี้เต็มไปด้วยความละโมบ หมายจะกิน ‘เหยื่ออันโอชะ’ ตรงหน้าเสียให้เกลี้ยง จากนั้นก็กะพริบร่างคราหนึ่งแล้วเคลื่อนที่ผ่านระยะทางไกลมาถึงข้างกายตงป๋อเสวี่ยอิง แต่มันเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นแล้วหมายจะเขมือบกินผู้บำเพ็ญตรงหน้าให้เกลี้ยงในคำเดียวอยู่นั้นเองก็รู้สึกว่าสติรับรู้สั่นไหวแล้วก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไปแล้ว

พลั่ก!

ร่วงหล่นลงสู่พื้นในทันใด

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูชนเผ่ามรณะทมิฬที่ร่วงหล่นอยู่ข้างกาย หลังจากที่วิญญาณของชนเผ่ามรณะทมิฬตนนี้แหลกสลายไปแล้วร่างกายก็มลายหายไปราวกับไอหมอก มลายหายไปท่ามกลางฟ้าดิน ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายหน้า “ชนเผ่ามรณะทมิฬธรรมดาทั่วไปก็เหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน แต่กลับมีพลังยุทธ์แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ การฟูมฟักช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”

ในข้อมูลที่รัฐโบราณคิมหันตวายุมอบให้ก็เคยมีการอิงถึงมาก่อน

ต่างก็เล่าลือกันว่ากลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมมีสายโลหิตสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอยู่สายหนึ่ง ทว่าเผ่ามรณะทมิฬกลับถูกสงสัยว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถือกำเนิดมาจากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่ตายไปแล้ว เชาวน์ปัญญาโดยทั่วไปต่ำต้อยกว่ากลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมมากมายเหลือเกิน ส่วนใหญ่ก็ราวกับสัตว์เดรัจฉาน

“พรึ่บ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนเข้าไปอย่างต่อเนื่อง นี่คือการบุกเกาะลอยคว้างตามลำพังเป็นครั้งแรกของเขา โชคชะตาไม่เลวเลยทีเดียว ถึงขนาดที่มาถึงศูนย์กลางสำคัญของเกาะลอยคว้างแห่งนี้อย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง มิได้ก่อให้เกิดระลอกคลื่นเลยตลอดทาง

แต่ในขณะที่ผ่านบริเวณรอบนอกของดินแดนชนเผ่าของเกาะลอยคว้างนั้นเอง กลับไปกระตุ้นเตือนยามรักษาการณ์เข้า

“มีผู้บุกรุก”

“มีผู้มาจากภายนอก”

ทั่วทั้งดินแดนชนเผ่าปั่นป่วนขึ้นมาในทันใด

สิ่งมีชีวิต ‘ระดับอ๋อง’ ของดินแดนชนเผ่านำคนใต้ปกครองบุกสังหารเข้ามาในทันใด เมื่อได้เห็นหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่บินเข้ามาด้วยความเร็วสูง เหล่าระดับสุดยอดของเผ่ามรณะทมิฬในดินแดนชนเผ่ากลับรู้สึกตื่นตระหนกและนึกรังเกียจ! สามารถอยู่ที่ดินแดนชนเผ่าได้ พลังยุทธ์ก็มิได้อ่อนแอ โดยทั่วไปก็มีเชาวน์ปัญญาที่ค่อนข้างสูงแล้ว

“ผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอถึงเพียงนี้ ถึงกับทำให้เขาเคราะห์ดีมาถึงดินแดนชนเผ่าได้เลยหรือ ชนเผ่ามรณะทมิฬบนเกาะมากมายถึงเพียงนั้นกลับมิอาจพบตัวได้เลยเช่นนั้นหรือ” ระดับสุดยอดของเผ่ามรณะทมิฬเหล่านี้มิได้เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในสายตาเลย เพราะว่าในประวัติศาสตร์ เหล่าผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพของผู้บำเพ็ญมิได้พกพาสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า มาด้วย เพียงแค่ส่งร่างแยกมาแล้วประสบโชคดีก็พอมีอยู่บ้าง

แล้วก็เคยมีผู้ที่ประสบโชคใหญ่ ได้เข้าไปใส่ส่วนลึกที่สุดของเกาะลอยคว้างด้วย

เพียงแต่ว่าผู้ที่สามารถโชคดีมาถึงดินแดนชนเผ่าได้ตลอดนั้นยังพบเห็นได้น้อยนิดยิ่งนัก!

“กินเขาให้เกลี้ยง” เผ่ามรณะทมิฬเหล่านี้ไม่ไว้ไมตรีเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเหล่าผู้บำเพ็ญจะมาถึง การรวมตัวโดยปกตินั้นย่อมเป็นสิ่งที่เผ่ามรณะทมิฬไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว แต่เผ่ามรณะทมิฬก็ยังคงไม่ยอมอยู่ดี ยังคงไล่สังหารกลืนกินเช่นเดิม!

“พรึ่บ”

บรรดาชนเผ่ามรณะทมิฬกลุ่มหนึ่งมาถึงข้างกายตงป๋อเสวี่ยอิงในชั่วพริบตา ทันใดนั้นแต่ละคนก็ร่วงหล่นลงบนพื้นเสียงดังตุ้บ แม้กระทั่ง ‘อ๋อง’ ที่เป็นผู้นำผู้นั้นก็ยังตื่นตระหนกจนทรุดลงบนพื้น! คิดจะรักษาสติอันแจ่มชัดเอาไว้ภายใต้เขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิง โดยทั่วไปก็ต้องเป็นระดับสุดยอดในบรรดาระดับอ๋องแล้ว เห็นได้ชัดว่า ‘อ๋อง’ ตรงหน้าผู้นี้มิได้มีความมุ่งหมายเช่นนั้น

แต่คราวนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมิได้ทำการสังหารอย่างเอิกเกริก เพียงแค่ทำให้ชนเผ่ามรณะทมิฬเหล่านี้จมดิ่งเข้าไปในเขตลวงเท่านั้น และมิได้ผลาญสังหารวิญญาณของพวกเขาเลย

“ฟิ้ว” เผ่ามรณะทมิฬกลุ่มหนึ่งต่างก็สูญสิ้นสติรับรู้ ถูกตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมให้ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ รายล้อมอยู่บริเวณรอบๆ ตงป๋อเสวี่ยอิง

ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

“นี่มันเรื่องอันใดกัน”

“นี่… นี่มันอะไรกัน”

อาณาบริเวณของดินแดนชนเผ่าก็กว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น อาณาบริเวณเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงก็นับได้ว่าไม่เล็ก เชื่อมต่อโอบล้อมระดับสุดยอดที่อยู่บริเวณรอบๆ จำนวนหนึ่ง ชั่วพริบตาก็มีระดับสุดยอดของเผ่ามรณะทมิฬหลายสิบคนเข้าสู่ห้วงนิทราแล้วลอยคว้างอยู่บริเวณรอบๆ ตงป๋อเสวี่ยอิง

“ผู้บำเพ็ญ! เจ้ามันรนหาที่ตาย” เสียงคำรามอย่างโกรธแค้นเสียงหนึ่งดังขึ้น สถานการณ์อันแปลกประหลาดพรรค์นี้ย่อมทำให้ดินแดนชนเผ่าปลุก ‘จักรพรรดิ’ ให้ตื่นในทันทีอยู่แล้ว

ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมองเห็นสายธารสีแดงโลหิตเชี่ยวกรากแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป สายธารสีแดงโลหิตล้อมรอบต้นไม้ผลประหลาดเอาไว้ ที่เรือนยอดของต้นไม้ผลก็มีดวงตาสีเทาดวงหนึ่งอยู่เช่นกัน

“พรึ่บๆๆ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงความคิดวูบไหวคราหนึ่งแล้วก็ปล่อยร่างแยกกลุ่มใหญ่ออกมา เหินบินมุ่งหน้าไปทุกทิศทุกทาง

“จักรพรรดิของเผ่ามรณะทมิฬ ที่ข้ามาที่นี่ก็มิได้มีเจตนาร้ายหรอกนะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ชนเผ่ามรณะทมิฬเหล่านี้ก็เพียงแค่จมดิ่งเป็นการชั่วคราวเท่านั้น ข้ามิได้จะสังหารพวกเขา” พูดไปอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังจดจำองค์ประกอบของเขตลวงภายในดวงตาสีเทาดวงนั้นอยู่

“มิได้มีเจตนาร้ายหรือ” นี่คือผู้แกร่งกล้าแห่งเผ่ามรณะทมิฬที่ดูราวกับแมงมุมตัวอ้วนพีคนหนึ่ง ชนเผ่ามรณะทมิฬลักษณะเหมือนแมงมุมผู้นี้ยังมีศีรษะเป็นมนุษย์ จ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง

“ที่ข้ามาก็เพียงเพื่อเสาะหาวัสดุที่ข้าต้องการบางอย่างเท่านั้น วัสดุเหล่านี้มิได้มีประโยชน์ใดๆ ต่อเผ่ามรณะทมิฬเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด พูด “จักรพรรดิของเผ่ามรณะทมิฬ ท่านโปรดวางใจได้ สมบัติล้ำค่าที่เผ่ามรณะทมิฬของพวกท่านสนใจ ข้าย่อมไม่มีทางแตะต้องอย่างแน่นอน เมื่อข้าได้เสาะหาและเก็บเกี่ยววัสดุที่ต้องการไปแล้วก็จะจากไปในทันที”

“ทุกสิ่งทุกอย่างบนเกาะลอยคว้างล้วนเป็นของเผ่ามรณะทมิฬทั้งสิ้น เจ้าไม่มีสิทธิ์เอาไปได้ทั้งนั้น”

“ไม่มีประโยชน์อันใดกับพวกท่านเลยนะ”

“ไม่ เจ้าไม่มีสิทธิ์เอาไป” จักรพรรดิผู้นั้นจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิงพลางส่งเสียงคำราม “ปล่อยพวกเขาลงมาเสีย แล้วไสหัวไปให้ข้า ข้าก็จะเว้นโทษตายให้เจ้า”

ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างโมโหอยู่บ้าง “วัสดุชิ้นเดียวก็มิได้เลยเชียวหรือ”

“ไม่ได้หรอก! ยอมเว้นโทษตายให้เจ้าก็นับว่าบุญโขแล้ว” จักรพรรดิตะคอกอย่างเดือดดาล

“ก็ได้ ข้าไปก็ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงขบกรามพลางเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยและคับแค้น “แต่ว่าท่านจะไม่ไล่ล่าสังหารข้าจริงๆ น่ะหรือ ชนเผ่ามรณะทมิฬเหล่านั้นจะเชื่อฟังคำพูดของท่านกันหมดเลยหรือ”

“วางใจเถิด พวกเขาย่อมต้องฟังในสิ่งที่ข้าพูดอยู่แล้ว ไม่มีใครกล้าไม่เชื่อฟังหรอก ไสหัวไปเสียเถิด”

จักรพรรดิเอ่ยเสียงเย็น

ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงโบกมือคราหนึ่ง ร่างแยกทั้งหมดที่อยู่ไกลออกไปต่างก็มุ่งหน้าไปยังจุดรวมตัวอย่างรวดเร็ว ยามที่รวมตัวก็ย่อมต้องใช้เวลาล่าช้าออกไปมากพอสมควร

“จดจำเอาไว้หมดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบผ่อนลมหายใจคราหนึ่ง

เขาพูดไปมากมายถึงเพียงนี้ก็เพื่อถ่วงเวลาออกไปให้ได้มากที่สุด ขอเพียงแค่จดจำส่วนประกอบเขตลวงของดวงตาสีเทาดวงนี้ได้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว

“ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ…”

ชนเผ่ามรณะทมิฬซึ่งหลับใหลแล้วลอยคว้างอยู่บริเวณรอบๆ ร่วงหล่นลงสู่พื้นจนหมด

ตงป๋อเสวี่ยอิงร่นถอยไปอย่างรวดเร็ว “หวังว่าจักรพรรดิจะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา”

จักรพรรดิมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง

มาถึงระดับขั้นเช่นเขา ก็นับได้ว่าเชาวน์ปัญญาสูงส่งเป็นอย่างยิ่งแล้ว เพียงแต่การกำเนิดของชนเผ่ามรณะทมิฬทำให้ในจิตใจของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความอาฆาตอันไร้ที่สิ้นสุด ความอาฆาตเติมเต็มหัวสมอง! สามารถควบคุมจนทำให้อีกฝ่ายเอาชีวิตรอดได้ ก็เป็นบรรทัดฐานที่ใหญ่โตที่สุดของจักรพรรดิแล้ว ทั้งยังคิดจะนำเอาวัสดุชิ้นหนึ่งไปด้วยอย่างนั้นหรือ นี่คือการดูหมิ่น ‘จักรพรรดิ’ อย่างแท้จริง!

……

ณ เกาะลอยคว้างอีกแห่งหนึ่ง

“พวกเขามิได้ตาย” รอบกายของตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีชนเผ่ามรณะทมิฬที่หลับอยู่ในห้วงนิทราจำนวนหนึ่งลอยเคว้งคว้างอยู่เช่นกัน และที่บริเวณไกลออกไป เผ่ามรณะทมิฬกลุ่มหนึ่งก็มองดูที่นี่อย่างตกตะลึง ย่อมมิกล้าเฉียดเข้าใกล้ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่แล้ว

“ข้าเพียงแค่ต้องการวัสดุที่ไม่มีประโยชน์อันใดต่อพวกเจ้าเผ่ามรณะทมิฬเลยแม้แต่น้อยเท่านั้นเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงเอ่ยอย่างเร่งร้อน

ยังมิทันได้เอ่ยคำพูดอธิบายจนจบ

“ผู้บุกรุกดินแดนชนเผ่า ตายเสีย!” ฝ่ามือขนาดยักษ์อันหนึ่งแทรกผ่านอากาศเข้ามาในทันใด ปกคลุมผืนฟ้าแล้วล้อมโจมตีลงมา

“เจ้าบ้า” ภายใต้ความคิดหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงก็สังหารชนเผ่ามรณะทมิฬคนหนึ่งในบรรดาผู้ที่ล่องลอยอยู่รอบๆ เหล่านั้น มิได้สังหารคนอื่นๆ

พรึ่บ

ร่างแยกร่างนี้ถูกเผาผลาญไป

เพียงแค่มาถึงดินแดนชนเผ่า ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ปล่อยร่างแยกกลุ่มหนึ่งออกไปแล้ว ร่างแยกร่างอื่นกระจายตัวกันออกไป ทั้งยังมีดวงตาสีทองดวงหนึ่งที่จ้องมองไกลออกไปมองดูอยู่อย่างต่อเนื่อง

“ข้าต้องการเพียงแค่ความนึกคิดเดียวเท่านั้นก็สามารถสังหารเผ่ามรณะทมิฬได้แล้ว จักรพรรดิ ท่านก็อย่าได้บีบคั้นข้าเลยนะ” ร่างแยกกว่าร้อยร่างที่อยู่รอบกายตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน ส่งเสียงอึกทึก บริเวณรอบๆ ยังคงมีชนเผ่ามรณะทมิฬที่หลับอยู่ในห้วงนิทราลอยคว้างอยู่เช่นเดิม

“ตายเสีย”

จักรพรรดิผู้เดิมทีร่างกายสูงตระหง่านผู้นั้นกลับรังเกียจยิ่งนัก

สำหรับเขาแล้ว ต่อให้ชนเผ่ามรณะทมิฬคนอื่นๆ ทั่วทั้งเกาะลอยคว้างตายไปกันจนหมดสิ้น เขาก็ไม่แยแส ต้องรู้ไว้ว่าชนเผ่ามรณะทมิฬต่างก็สามารถสังหารและกลืนกินซึ่งกันและกันเองได้ทั้งสิ้น! ผู้ที่แยแสผู้ใต้บังคับบัญชาก็เป็นเพียงแค่ ‘จักรพรรดิ’ บางส่วนเท่านั้นเอง มี ‘จักรพรรดิ’ บางคนที่ไม่แยแสผู้ใต้บังคับบัญชาเลยด้วยซ้ำ นี่ก็เป็นเพราะว่าจักรพรรดิมีเชาวน์ปัญญาและจิตใจที่สูงส่งพอ

อย่างเช่นเหล่าอ๋องบางกลุ่มก็ยิ่งไม่สนใจความเป็นความตายของผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว

……

“เป็นคนบ้าจริงๆ เสียด้วย ข้าเพียงแค่เจรจาต่อรองเท่านั้นเอง แม้กระทั่งเจรจาก็ยังไม่เจรจากับข้าเลยหรือ ยังมิได้จดจำส่วนประกอบเขตลวงของดวงตาลึกลับดวงนั้นเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็จนใจเป็นอย่างยิ่ง เขารู้ว่าตั้งแต่จักรพรรดิของเกาะลอยคว้างผู้นั้นฟื้นคืนสติ เกรงว่าคงจะไม่หลับใหลภายในระยะเวลาอันสั้น เกาะลอยคว้างแห่งนั้นก็ไม่เหมาะสมที่จะให้ไปบุกอีกต่อไปแล้ว

******

กาลเวลาเคลื่อนผ่าน

ตงป๋อเสวี่ยอิงไปบุกเกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่า มีบางทีที่โชคดีประสบความสำเร็จ มีบางทีที่ล้มเหลวจนร่างแยกกว่าร้อยร่างถูกผลาญจนสิ้น แต่เขามีร่างแยกกว่าหมื่นร่าง การจะสร้างร่างแยกขึ้นมาใหม่นั้นเป็นเรื่องที่รวดเร็วอย่างยิ่ง

วัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่ที่มีประโยชน์ต่อผู้บำเพ็ญเป็นอย่างมากจำนวนหนึ่ง อาจจะสามารถพบได้ที่ส่วนลึกของเกาะลอยคว้าง แต่ดูเหมือนว่าจะต้องมีอยู่ที่ดินแดนชนเผ่าอย่างแน่นอน!

เพียงชั่วพริบตา

หลังจากเคลื่อนไหวตามลำพังแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็บุกเข้าไปในเกาะแก่งกว่าสามร้อยแห่ง

ที่สามารถเข้าไปในส่วนลึกได้สำเร็จทั้งยังกลับออกมาได้อย่างปลอดภัยก็มีเพียงแค่เกาะห้าสิบห้าแห่งเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ร่างแยกสูญสลาย เห็นได้ชัดว่าเงื่อนไขของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นต่ำมากๆ แล้ว ทั้งยังมี ‘จักรพรรดิ’ บางคนที่ปรารถนาจะเก็บตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ไม่ให้ตาย ห้าสิบห้าครั้งนี้ก็ย่อมไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่ปล่อยให้ตงป๋อเสวี่ยอิงไปเก็บรวบรวมวัสดุ ตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนค้นพบวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่จำนวนหนึ่งที่ด้านนอกดินแดนชนเผ่าทั้งสิ้น ทั้งหมดทั้งมวลรวมกันขึ้นมาก็สามารถเทียบเคียงได้กับสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าสองชิ้นแล้ว

ช่วยไม่ได้

ตอนนั้นมี ‘จอมกระบี่’ อยู่ พวกเขาก็สามารถปะทะกับจักรพรรดิได้

ตอนนี้เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงเผชิญหน้ากับ ‘จักรพรรดิ’ ก็ไม่มีพลังต้านทานเลยแม้แต่น้อย ผู้ที่สามารถต้านทานเขตลวงได้ ต่างก็สามารถผลาญสังหารเขาได้โดยง่ายทั้งสิ้น

แต่ทว่า…

ถึงแม้ว่าร่างแยกที่เข้าไปในเกาะลอยคว้างจำนวนมากมายจะถูกผลาญสังหารจนสิ้น แต่ขณะที่ถ่วงเวลายามที่ถูกผลาญสังหารกลับจดจำส่วนประกอบโลกเขตลวงของดวงตาลึกลับเอาไว้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

กว่าสามร้อยเกาะเหล่านี้

ส่วนประกอบโลกเขตลวงภายในดวงตาลึกลับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงจดจำเอาไว้ทั้งหมดก็มีอยู่ถึงหนึ่งร้อยสองดวงแล้ว นับรวมกับอีกสามสิบสามดวงที่ค้นพบไปแล้วก็มีดวงตาลึกลับอยู่ถึงหนึ่งร้อยสามสิบห้าดวง แต่เกาะลอยคว้างที่มีดวงตาลึกลับที่มีอยู่ในข้อมูลที่เผ่าเซวี่ยเหยียนบันทึกเอาไว้ ก็เคยบุกผ่านมาเป็นส่วนใหญ่แล้ว ทว่าในตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับหยุดยั้งการผจญภัยเอาไว้

……

ณ คีรีมารสกุลฝาน

ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวนั่งขัดสมาธิอยู่ภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตต้นเตี้ย

ในขณะนี้ดูเหมือนว่าร่างแยกที่มีอยู่ทั้งหมดของตงป๋อเสวี่ยอิงจะทุ่มเทจิตใจไปกับการบำเพ็ญทั้งหมดแล้ว ดังนั้นจึงหยุดการผจญภัย ก็เพราะว่าเขาเข้าสู่สถานะรู้แจ้งแล้ว ส่วนประกอบเขตลวงของดวงตาลึกลับหนึ่งร้อยสามสิบห้าดวง ในบรรดานั้นมีดวงตาสีเทาอยู่แปดสิบสองดวง มีดวงตาสีทองห้าสิบสามดวง ส่วนประกอบเขตลวงเหล่านี้มีจำนวนมากมาย ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าสู่ความรู้แจ้ง

เขาหยั่งรู้อย่างสุดกำลัง ไม่รับการรบกวนใดๆ จากโลกภายนอกเลย

และเขตลวงที่พิเศษแห่งหนึ่งก็กำลังก่อรูปร่างขึ้นภายในใจของเขา…

………………………..………….