ตอนที่ 1972 ผู้ทำลายล้างมิติ

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1972 ผู้ทำลายล้างมิติ

จางเซวียนออกจากหอนิรันดร์ เขาเปิดใช้งานค่ายกลที่อยู่บนตราสัญลักษณ์ แล้วยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐาน 5 เม็ดก็ปรากฏตรงหน้า

เขานำออกมาเม็ดหนึ่ง วางมันไว้บนฝ่ามือและสำรวจอย่างถี่ถ้วน ถ้าเปรียบเทียบกับยาเม็ดอมตะขั้นต้น มันมีพลังจิตวิญญาณเข้มข้นกว่ามาก คุณภาพของพลังจิตวิญญาณก็สูงกว่า เมื่อเห็นว่าอย่างน้อยที่สุดยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานเหล่านี้ก็มีคุณภาพดี จางเซวียนค่อยใจชื้นขึ้นมา

จางเซวียนสูดหายใจลึก เขากำลังจะกลืนยานั้นลงไปเพื่อผลักดันให้เกิดการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติขั้นสูงสุด ก็พอดีกับที่มีแสงสว่างวาบเข้าตา น้ำเต้าตงฉู่กระโจนออกจากจุดตันเถียนของเขาอีกครั้ง มันจ้องยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานในมือของจางเซวียนด้วยนัยน์ตาเป็นมัน

“หอมจัง”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

เห็นน้ำเต้าตงฉู่กระโจนออกมา จางเซวียนรีบยกมือขึ้นและตวาดให้หยุด

เขาเจ็บใจมาหลายหนแล้วกับการถูกน้ำเต้าตงฉู่ขโมยข้าวของไป

ทันทีที่จางเซวียนได้ของดีๆมา น้ำเต้าตงฉู่ก็จะได้กลิ่นทันทีราวกับหมาพันธุ์ดี มันจะพุ่งตัวออกมาและกลืนกินสิ่งนั้นลงไปในชั่วพริบตา ที่ผ่านๆมาเขาพอมองข้ามได้ แต่นี่คือยาเม็ดที่ต้องจ่ายเงินซื้อถึง 200 เหรียญสำนักดาบ!

ถ้าแกกินยาของฉันแล้วฉันจะยกระดับวรยุทธได้อย่างไร?

“ขอให้ผมเถอะ ผมอยากได้!” น้ำเต้าตงฉู่ร่ำร้องขณะส่ายก้น “ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าน้ำเต้าลูกนี้เป็นแค่ร่างชั่วคราว แท้ที่จริงผมคืออสูรในตำนานซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีอำนาจทั่วทั้งดินแดน ขอแค่ผมฟื้นคืนพละกำลังดังเดิม ก็จะมอบพละกำลังให้คุณเหนือกว่าที่คุณจะจินตนาการได้เสียอีก จะไม่มีใครกล้าหาเรื่องคุณอีกแล้ว เพราะฉะนั้นมอบยานั่นให้ผมดีกว่าจะเอาไปยกระดับวรยุทธที่ไม่เอาไหนของคุณ”

“ไปให้พ้น!” เส้นเลือดของจางเซวียนปูดโปนเมื่อได้ยินคำนั้น

เขาเตะน้ำเต้าตงฉู่กระเด็นโดยไม่ลังเล จากนั้นก็รีบกินยาที่อยู่ในมือ

แกจะฉกสมบัติของฉันอีกหรือ*?ฝันไปเถอะ!*

ยาเม็ดนั้นแตกตัวอย่างรวดเร็วในปาก ปล่อยกระแสพลังงานอันทรงพลังออกมา วรยุทธที่หยุดชะงักของจางเซวียนรุดหน้าไปอีกครั้ง

ผู้ทำลายล้างมิติ ขั้นสูง!

ผู้ทำลายล้างมิติ ขั้นสูงสุด!

ผู้ทำลายล้างมิติ ขั้นสมบูรณ์แบบ!

ผู้ทำลายล้างมิติ โลกจารึก!

ต้องใช้ยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานถึง 2 เม็ดกว่าที่วรยุทธของเขาจะเข้าถึงระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 โลกจารึก อีกเพียงก้าวเดียวก็จะได้เป็นนักรบเสมือนอมตะแล้ว

จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานเข้มข้นที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย

รู้ดีว่าพละกำลังของเขาตอนนี้ยังเทียบชั้นไม่ได้กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญตัวจริงของสำนักดาบเมฆเหิน แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เป็นรองศิษย์สายตรงฝ่ายในคนไหน

ส่วนยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานที่เหลืออยู่อีก 3 เม็ด จางเซวียนมอบให้ตัวโคลนของเขา 2 เม็ดเพื่อให้มันฝ่าด่านวรยุทธ และเม็ดสุดท้ายมอบให้ไอ้โหด ซึ่งทั้งคู่ก็ยกระดับวรยุทธไปเป็นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกได้สำเร็จ

เพราะถึงอย่างไร ทั้งตัวโคลนและไอ้โหดก็เป็นไม้ตายของเขายามตกอยู่ในอันตราย จึงจำเป็นต้องยกระดับวรยุทธให้ทั้งคู่

“แล้วของผมล่ะ?” น้ำเต้าฟาดหัวฟาดหางร่ำร้องเมื่อเห็นว่าไม่ได้ยาทั้ง 5 เม็ดที่เหลือ

“แกเอาแต่กินกับกิน ทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม? เสียใจด้วย ฉันไม่มียาเหลือแล้ว!” จางเซวียนยักไหล่อย่างไม่แยแส

“แต่คุณดื่มน้ำที่อาบตัวผมนะ!”

“ก็แล้วแกทำอะไรได้อีกล่ะ? เคยทำอะไรดีๆบ้างหรือเปล่า? ขนาดฉันตกอยู่ในอันตรายแกก็ยังไม่มาช่วย ฉันจะต้องให้แกกินยาทำไม?”

“แต่คุณดื่มน้ำที่อาบตัวผมนะ!”

“คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าแกขโมยพลังปราณเทียบฟ้าของฉันด้วย! แอบอยู่ในจุดตันเถียนและขโมยพลังงานของฉัน ทำตัวไม่ต่างกับเชื้อโรค มันเรื่องอะไรถึงอาจหาญขนาดนี้ ควรจะดีใจแล้วนะที่ฉันไม่อเปหิแกออกไป!”

“แต่คุณดื่มน้ำที่อาบตัวผมนะ!”

จางเซวียนถึงกับพูดไม่ออก “ช่วยหยุดพูดเรื่องน้ำอาบของแกสักทีได้ไหม?”

“น้ำที่อาบตัวผมน่ะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ คุณยังขายมันให้คนอื่นและได้กำไรด้วย!” น้ำเต้าตงฉู่ประท้วงอย่างขัดใจ

จางเซวียนปวดหัวหนึบ “เอาเถอะ สมมุติว่าที่แกบอกมาเป็นเรื่องจริง ไอ้เรื่องที่ว่าแกคืออสูรในตำนานที่มีอำนาจทั่วทั้งดินแดนน่ะ ฉันจะซื้อยาเม็ดที่แกต้องการให้ตอนนี้เลยก็ได้ แต่นับจากนี้ไป แกต้องยอมรับฉันเป็นเจ้านายและทำตามคำสั่งของฉัน ฉันช่วยแกหายาที่มีคุณภาพดีกว่านี้ก็ยังได้นะ แกจะได้ฟื้นคืนพละกำลังโดยเร็วที่สุด!”

“คุณอยากให้ผมรับคุณเป็นเจ้านายหรือ?” น้ำเต้าตงฉู่ย้อนถามขณะส่ายก้น

“ก็ใช่น่ะสิ โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีหรอก แค่ยอมเป็นอสูรของฉัน ฉันก็จะปล่อยให้แกซึมซับพลังปราณของฉันตามสบาย แล้วจะหาเงินให้ได้มากๆเพื่อซื้อยาเม็ดที่แกต้องการด้วย” จางเซวียนพูด

เขาไม่รู้ว่าน้ำเต้าตงฉู่อยู่ในระดับขั้นไหนหรือแม้แต่แท้ที่จริงแล้วมันคืออะไร แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าน้ำที่ได้จากการต้มน้ำเต้าตงฉู่สามารถเยียวยาอาการบาดเจ็บได้ดีกว่าพลังปราณเทียบฟ้าก็ชี้ชัดแล้วว่ามันต้องไม่ธรรมดา

ต่อให้สิ่งที่มันอวดอ้างว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเองคืออสูรในตำนานที่มีอำนาจทั่วทั้งดินแดนเป็นเรื่องคุยโม้ เขาก็คงทำอะไรไม่ได้

ถึงอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือต้องทำให้น้ำเต้าตงฉู่ยอมจำนนให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้น น้ำเต้าตงฉู่อาจกระด้างกระเดื่องทันทีที่มันได้พละกำลังกลับคืนมา

“ผมคืออสูรในตำนานที่ครั้งหนึ่งเคยมีอำนาจทั่วทั้งดินแดน แทนที่จะนอบน้อมและดูแลผม คุณกลับอยากให้ผมยอมจำนน? กล้าดีอะไรอย่างนี้…” น้ำเต้าตงฉู่คำราม

แต่ยังไม่ทันที่มันจะพูดจบ จางเซวียนก็สะบัดข้อมือ แล้วยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานเม็ดหนึ่งก็มาอยู่ในฝ่ามือของเขา

“ฮึ่มมม! ผมคืออสูรในตำนานที่ครั้งหนึ่งเคยมีอำนาจทั่วทั้งดินแดน คุณคิดว่าผมจะยอมจำนนให้คุณเพียงเพราะยาเม็ดเดียวหรือ?” น้ำเต้าตงฉู่น้ำลายสอ แต่พยายามหักห้ามใจเต็มที่

จางเซวียนสะบัดข้อมืออีกครั้ง แล้วยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานอีกเม็ดหนึ่งก็มาอยู่ในฝ่ามือของเขา

เขาใช้เงินที่เหลืออยู่ 400 เหรียญสำนักดาบซื้อยา 2 เม็ดนี้มา

“เชอะ, 2 เม็ดนะไม่พอหรอก อย่างน้อยที่สุดคุณก็ต้อง…ต้องมีสัก 20 เม็ด! ไม่ใช่สิ อย่างน้อยก็ 100 เม็ดน่ะ!” น้ำเต้าตงฉู่เบือนหน้าหนีอย่างดื้อดึง

“100 เม็ด? ก็ได้ ถ้างั้นแกไปเล่นตรงนู้นเลย ฉันจะพักผ่อน” จางเซวียนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระขณะเก็บยาเม็ดเข้าแหวนเก็บสมบัติ

เขารู้ว่าน้ำเต้าตงฉู่มีความสามารถพิเศษเกี่ยวกับมิติ จึงใช้พลังปราณปกปิดยาไว้

ยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานมีราคาถึงเม็ดละ 200 เหรียญสำนักดาบ เพราะฉะนั้น สนนราคาของยา 100 เม็ดก็จะอยู่ที่ 20,000 เหรียญ! ต่อให้เขาเข้าร่วมในสังเวียนประลองจนตายไปข้างก็คงหาเงินไม่ได้ขนาดนั้น

ก็ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว จะวุ่นวายไปทำไม?

“เดี๋ยวก่อน จะล้มเลิกกันดื้อๆแบบนี้หรือ? ผมหมายถึง…ทำไมไม่คุยกันอีกสักหน่อย ผมก็ไม่ใช่อสูรในตำนานที่ไร้หัวใจนะ…”

น้ำเต้าตงฉู่ตกใจที่จางเซวียนตัดบทเอาดื้อๆ มันรีบหันกลับมาและร่ำร้อง น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นหายวับไป แทนที่ด้วยอาการประจบประแจง “ทำไมเราไม่ทำแบบนี้ล่ะ? คุณมอบยาที่เหลืออีก 2 เม็ดให้ผม แล้วผมจะพิจารณาอีกทีว่าควรรับคุณเป็นเจ้านายหรือไม่”

ถึงวรยุทธของชายหนุ่มคนนี้จะไม่สูงส่งนัก แต่พลังปราณในร่างกายของเขาอบอุ่นและสร้างความสบายได้มาก แถมมันยังรู้สึกได้ถึงความเหนือชั้นโดยธรรมชาติที่อยู่ในร่างของเขาด้วย จึงไม่ได้น่าขัดอกขัดใจอะไรถ้าชายผู้นี้จะมาเป็นเจ้านายของมัน

เพียงแต่…อสูรในตำนานชนิดไหนที่จะยอมรับชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นเจ้านายเพียงเพราะอีกฝ่ายสั่งให้ทำ?

ตอนนี้มันอาจเป็นแค่น้ำเต้าลูกหนึ่ง แต่ก็ยังมีศักดิ์ศรีอยู่!

“นี่!”

เมื่อเห็นว่าในที่สุดน้ำเต้าตงฉู่ก็เงียบปาก จางเซวียนโยนยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐาน 2 เม็ดที่เหลือให้

ฟึ่บ!

น้ำเต้าตงฉู่กลืนยาทั้ง 2 เม็ดลงไปพร้อมกัน มันเรอเสียงดังสนั่น จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าพออกพอใจ “ยาเม็ดนี้ไม่เลว แต่ระดับขั้นยังต่ำไปหน่อย ผมอยากได้อะไรที่เด็ดกว่านี้!”

จางเซวียนเลิกคิ้ว

เขาเองก็กินไป 2 เม็ด และวรยุทธของเขาก็เพิ่มจากขั้นผู้ทำลายล้างมิติขั้นสูงไปเป็นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึก ส่วนน้ำเต้าที่กินไป 2 เม็ดกลับดูจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ในสภาวะแข็งแกร่งสูงสุด มันจะทรงพลังขนาดไหน?

หรือว่าต้องใช้ยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐาน 100 เม็ดหรือบางอย่างที่มีอานุภาพรุนแรงกว่านั้นเพื่อให้มันกลับคืนสู่ ‘สภาพเดิม’?

การที่น้ำเต้าไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆหลังจากกินยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานเข้าไปถึง 2 เม็ดก็บอกชัดแล้วว่าระดับขั้นของมันจะต้องสูงกว่าที่เราคิดไว้มาก**เราจะต้องรีบจัดการให้มันยอมจำนนเสียก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น จางเซวียนคิด

เขารู้ดีว่าน้ำเต้าตงฉู่ต่างจากบรรดาอสูรที่เขาเคยจัดการให้ยอมจำนนมาก่อนหน้านี้ วิธีการฝึกอสูรด้วยการอัดให้น่วมอันเป็นที่เลื่องลือของเขาคงใช้กับมันไม่ได้

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จางเซวียนปล่อยให้น้ำเต้าตงฉู่กลับสู่จุดตันเถียนของเขาขณะเพ่งสมาธิเข้าสู่ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลเพื่อกลับไปที่หอนิรันดร์อีกครั้ง

เพียงไม่ถึง 4 ชั่วโมง เขาก็ใช้เงินหมดแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่ใครๆพูดกันว่านักรบถังแตกย่อมไปไหนไม่ได้ไกล

ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาเหลืออยู่แค่ 32 เหรียญสำนักดาบ ซึ่งไม่พอจะซื้อแม้แต่ยาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐาน 1 ใน 5 ส่วนเสียด้วยซ้ำ

เมื่อไหร่เราจะพ้นจากความยากจนข้นแค้นเสียที*?*

จางเซวียนคิดขณะมุ่งหน้าสู่สังเวียนประลองอีกครั้ง

…..

บนยอดเขาที่สูงที่สุดของภูเขาแห่งหนึ่งซึ่งบรรดาศิษย์สายตรงพำนักอยู่ มีบ้านพักหลังหนึ่งตั้งอยู่ริมหน้าผา

ที่ลานบ้าน ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวที่ชื่อหลิวลู่จี่กำลังนั่งอยู่กับพื้น นัยน์ตาปิดสนิท

พลังจิตวิญญาณเข้มข้นจากโดยรอบค่อยๆรวมตัวกันอยู่รอบตัวเขาและก่อตัวขึ้นเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ เขาเปิดจุดชีพจรทั้งหมดในร่างกายและซึมซับพลังจิตวิญญาณเข้มข้นนั้นอย่างรวดเร็ว

ครู่ต่อมา เขาก็อ้าปากกว้าง

ฟิ้วววววว!

กระแสดาบฉีพุ่งออกไป ตัดก้อนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก

หากพิจารณาใกล้ๆ กระแสดาบฉีนี้มีพลังงานแบบเดียวกันกับพลังจิตวิญญาณที่เขาเพิ่งซึมซับไปเมื่อครู่

แทนที่จะขัดเกลาพลังจิตวิญญาณให้กลายเป็นพลังปราณ เขากลับแปรสภาพมันให้กลายเป็นกระแสดาบฉีและปลดปล่อยมันออกมา

เมื่อทำสิ่งนั้นแล้ว หลิวลู่จี่ค่อยๆลืมตา

ที่บริเวณทางเข้าลานบ้าน เขาชำเลืองมองชายหนุ่มในเสื้อคลุมสีน้ำเงินคนหนึ่งซึ่งรอเขาอยู่ตรงนั้นมาได้สักพักแล้ว