เขาออกแรงบีบ ยันต์สีทองแตกกระจายในทันที ลายเส้นสีเงินที่วาดอยู่ด้านบนเหมือนได้มีชีวิตขึ้นมา คลื่นพลังอันแรงกล้าของกฎปริภูมิได้แผ่ซ่านออกมา แสงสีเงินได้ม้วนห่อหุ้มเขาเอาไว้ จากนั้นก็ได้ทำลายช่องอากาศ และได้หายไปในทันที

“ยันต์ทะลุฟ้าขั้นเก้า?”

วินาทีที่โฮ๋สงได้ใช้ยันต์หลบหนีไปนั่นเอง เงาร่างของหลัวซิวก็ได้หยุดลงในทันที ใบหน้ามืดมน

จากที่เขาทราบมา ยันต์ทะลุฟ้าขั้นเก้าสามารถทำลายช่องอากาศ สามารถทะลุปริภูมิออกไปเป็นหมื่นลี้ได้ภายในพริบตา

ทันทีที่โฮ๋สงได้กระจายเรื่องที่เกิดขึ้นในเหวปีศาจมรณาออกไป หลัวซิวทราบตัวเองดีว่าจะต้องถูกนิกายมารศักดิ์สิทธิ์และแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดตามสังหารอย่างแน่นอน

คิดมาถึงตรงนี้ หลัวซิวก็ไปจากเหวปีศาจมรณาในทันที แม้เขาจะไม่กลัวผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์มาตามสังหารที่เหวปีศาจมรณา เพราะงูดำยักษ์ที่อยู่ในทะเลสาบมรณาจิ่วหยินนั้น น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์อีกมากนัก

แต่สำหรับหลัวซิวถ้าไม่ถึงที่สุด หรือหมดทางเลือกแล้วจริง ๆ ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางที่จะอาศัยพลังของงูดำยักษ์อย่างแน่นอน

……

เหมือนกับที่หลัวซิวได้คาดการเอาไว้ สิ่งแรกที่โฮ๋สงทำหลังจากหลบหนีมาได้ก็คือบอกเรื่องที่เจียงหวูจี้กับเซี๋ยลี่เฟิงถูกสังหารให้ทางนิกายมารศักดิ์สิทธิ์และแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดได้รับรู้

ในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งวัน สองแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ส่งผู้แข็งแกร่งมายังอาณาจักรใต้ เพื่อล่าสังหารหลัวซิว

“มาเร็ว จริง ๆ!”

ในป่าเขาแห่งหนึ่ง สีหน้าของหลัวซิวพลันเปลี่ยนไป กระแสสัมผัสที่ว่องไวได้สัมผัสถึงคลื่นความผิดปกติบางอย่าง

ทันใดนั้นเอง หมู่เมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ถูกสะเทือนกระจัดกระจาย ไอสังหารสีเลือดโหมซัดสาด แทงทะลุช่องอากาศ

ครืน!

ช่องอากาศบริเวณกว้างแตกกระจายเป็นสุญญากาศ เรือรบสีแดงเลือดขนาดมหึมาได้ปรากฏขึ้น ตัวเรือรบเหมือนดั่งได้เอาออกมาจากกองเลือด ทั้งแดงสดทั้งน่าเกลียดน่ากลัว

ธงผืนหนึ่งได้ชูตระหง่านอยู่บนเรือรบ ด้านบนวาดเอาไว้ด้วยพระจันทร์สีเลือด

“เรือรบจันทราสีเลือด” หลัวซิวมีท่าทางเคร่งขรึม เวลาไม่ถึงครึ่งวัน กองทัพไล่ล่าก็ได้มาถึงอาณาจักรใต้ แถมยังได้ตามหาร่องรอยของตนจนเจอ

กองกำลังขนาดใหญ่จำนวนมากต่างก็มีเรือรบเป็นของตนเอง ยกตัวอย่างเช่นเรือรบเทพหงส์ของเผ่าหงส์ เรือรบจันทราสีเลือดของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด

เรือรบเป็นอาวุธสงครามที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างหนึ่ง ผสานไว้ด้วยความยอดเยี่ยมของการกลั่นสมบัติและค่ายกล ไม่เพียงการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอันน่าทึ่ง อานุภาพก็เป็นที่น่าสะพรึงกลัว

สำหรับเรื่องที่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดตามหัวตนเองเจอ หลัวซิวไม่ได้ประหลาดใจเลยสักนิด เขาเคยได้ยินมาว่ากองกำลังขนาดใหญ่บางกองกำลังมีวิชาอาถรรพณ์พิเศษบางอย่างอยู่ในมือ เมื่อศิษย์ใจกลางหรือผู้อาวุโสที่ค่อนข้างจะสำคัญถูกสังหาร วิชาอาถรรพณ์ชนิดนี้จะพุ่งเป้าหมายไปที่กลิ่นอายของฆาตกรในทันที ไม่ว่าอีกฝ่ายจะหนีไปที่แห่งใด ล้วนจะถูกตามหาจนเจอ

“เจ้าเดรัจฉาน กล้าสังหารศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันนี้แม้แต่ลี่เฟิงบุตรชายของข้ายังตายในเงื้อมมือเจ้าอย่างอนาถ เอาชีวิตของเจ้ามาให้ข้าเสีย!”

มีเงาร่างร่างหนึ่งยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือรบจันทราสีเลือด รอบกายรายล้อมไปด้วยรัศมีพลังของเจ้ายุทธจักร

คนผู้นี้มีนามว่าดาบปีกเพลิงเป็นผู้อาวุโสเจ้ายุทธจักรของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด และเป็นบิดาของเซี๋ยลี่เฟิง

หลังจากได้รับข่าวว่าบุตรชายของตนถูกสังหาร ภายใต้ความโมโหเขาจึงได้ขับเคลื่อนเรือรบจันทราสีเลือดมาที่อาณาจักรใต้ในทันที สาบานว่าจะต้องให้ฆาตกรที่สังหารบุตรชายของตนร่างฉีกออกเป็นชิ้น ๆ

หลัวซิวไม่รีรอ กลายเป็นลำแสงพุ่งหนีไกลออกไปในทันที

“เจ้าเดรัจฉาน เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ต่อให้เจ้ารวดเร็วเพียงใด จะเร็วไปกว่าเรือรบจันทราสีเลือดอย่างนั้นหรือ?” ไอสังหารของดาบปีกเพลิงพลุ่งพล่าน

ครืนนน…….

เรือรบสีเลือดอันน่ารังเกียจบดขยี้ไปในอากาศ ด้วยความเร็วเป็นที่สุด ตามไปติด ๆ

“เจ้าเดรัจฉาน ต่อให้เจ้าหนีไปไกลสุดขอบฟ้า ข้าก็จะต้องเลาะเอ็นล้วงกระดูกของเจ้าเป็นแน่ ยังมีทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า ข้าจะต้องให้พวกมันเหมือนตายทั้งเป็น!” เสียงอาฆาตแค้นของดาบปีกเพลิงดังมาเข้าหูของหลัวซิว

เขาคิดจะใช้คำพูดมาทำให้จิตใจของหลัวซิวสับสนวุ่นวาย