มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 761
“ไอ้แก่ อาศัยผลการฝึกตนพรีเมี่ยมยุทธ์มาไล่ตามฆ่าข้าที่เป็นแค่เพียงมกุฎยุทธ์ตัวเล็ก ๆ อายุที่มากเช่นนี้ดูแล้วน่าจะใช้ชีวิตมาอย่างเสียเปล่าแล้วสินะ” หลัวซิวหัวเราะเย้ยหยัน

“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน อย่ามาพูดจาพล่อย ๆ รอให้ข้าจับเจ้าให้ได้ก่อน เจ้าจะได้รู้ถึงความเก่งกาจของข้าแน่”

“ไอ้แก่ ถ้ามีความสามารถตามข้าให้ทันก่อนค่อยพูด”

คนหนึ่งหนีคนหนึ่งไล่ตาม คำก็ไอ้สัตว์เดรัจฉาน อีกคำก็ไอ้แก่ แต่หลัวซิวนั้นระหว่างที่บินหนี ตัวสำนึกก็ติดตามการเคลื่อนไหวของทั้งสี่ทิศอย่างใกล้ชิด พบว่านอกจากเจ้าดาบปีกเพลิงแล้วนั้น ก็ไม่มีผู้แข็งแกร่งคนอื่นไล่ตามฆ่าเขาอีก

สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวสามารถคลายความกังวลใจลงไปได้ในทันที ถ้าหากเป็นผู้แข็งแกร่งระดับพรีเมี่ยมยุทธ์สามคนขึ้นไป บางทีเขาอาจจะต้องเป็นกังวลอย่างมาก หากมีแค่ดาบปีกเพลิงคนเดียว ต่อให้อีกฝ่ายไม่ใช่พรีเมี่ยมยุทธ์ทั่วไป แต่เป็นถึงพรีเมี่ยมยุทธ์ช่วงกลาง หลัวซิวก็ยังคงไม่ต้องกลัวเช่นเดิม

อีกทั้งสำหรับพลังของเขาในตอนนี้ สามารถต้านทานพรีเมี่ยมยุทธ์ช่วงต้นได้ แต่กลับยังไม่เคยปะมือกับผู้แข็งแกร่งพรีเมี่ยมยุทธ์ช่วงกลาง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ร่างของหลัวซิวก็พลันหยุดลงทันที

เมื่อเห็นว่าอยู่ ๆ หลัวซิวก็หยุดลง ดาบปีกเพลิงก็เผยรังสีสังหารออกมา พูดด้วยน้ำเสียงหน้าหวาดกลัว “ไอ้สัตว์เดรัจฉานตายเสีย!”

เขายกมือขึ้นปล่อยลำแสงสีเลือดสายหนึ่งออกไป ราวกับว่าสายฟ้าสีเลือดพุ่งทะลุท้องฟ้า ความเร็วถึงขีดสุด พลังที่ทำให้คนตกตะลึง เต็มไปด้วยพลังแห่งกฎสังหาร

ในฐานะผู้แข็งแกร่งพรีระดับเมี่ยมยุทธ์ช่วงกลาง ยังอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด แดนกฎแห่งดาบปีกเพลิงย่อมบรรลุถึงในระดับต้นแล้วเช่นกัน

หลัวซิวก้าวเท้าก้าวใหญ่ขึ้นไปข้างหน้า พลังการต่อสู้ถูกปล่อยออกมาหมด พลังอำนาจเพิ่มขึ้น พลิกมือหยิบง้าวยุทธ์จื่อโม่ออกมา บดขยี้โซนจนแตกเป็นผุยผง

ปัง!

วินาทีที่แสงสีเลือดกลางจี่รบสว่างขึ้น พลังมหาศาลที่น่าเกรงขามก็ถูกส่งออกมา ทำให้ร่างกายของหลัวซิวสั่นไหว ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ข้าจะต้องฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ!”

ดาบปีกเพลิงเมื่อเห็นง้าวยุทธ์จื่อโม่ สายตาคู่นั้นก็แดงก่ำขึ้นมา ยกมือขึ้นและปล่อยพลังตราประทับออกไป

วาบ!

หลัวซิวรับรู้ได้การสั่นไหวของง้าวยุทธ์จื่อโม่ในมือ ทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสง บินตรงไปที่ดาบปีกเพลิงบนเรือรบ

สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวชะงักไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าดาบปีกเพลิงนี้มีวิชาลับที่สามารถควบคุมง้าวยุทธ์จื่อโม่ได้ สามารถแย่งอาวุธขลังชั้นดีชิ้นนี้ออกไปไปจากในมือของเขาได้อย่างง่ายดาย

ดาบปีกเพลิงเอื้อมมือออกไป จับง้าวยุทธ์จื่อโม่ไว้ แต่เดิมออร่าที่แข็งแกร่งระดับพรีเมี่ยมยุทธ์ช่วงกลาง ก็พลันเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่เทียบเท่าพรีเมี่ยมยุทธ์ช่วงปลาย

ถึงแม้จะไม่มีง้าวยุทธ์จื่อโม่ หลัวซิวถามตัวเองกฌพบว่าเป็นการยากที่จะเอาชนะดาบปีกเพลิงได้ อีกทั้งยังมีอาวุธขลังชั้นดีอยู่ในมืออีก หลัวซิวไม่พูดอะไรตต่อ หันหลังและจากไปทันที

ครั้งนี้เขาใช้พลังในการบินหนีอย่างสุดแรง แม้กระทั่งปีกทิพย์ไร้มลทินก็สยายอยู่ด้านหลังของเขา โดยไม่ได้คำนึงถึงแม้แต่น้อยว่าของขลังพรสวรรค์ชิ้นนี้จะถูกเปิดเผยหรือไม่

“ปีกทิพย์ไร้มลทิน?”

เมื่อเห็นปีกสยายอยู่ด้านหลังหลัวซิว ดาบปีกเพลิงก็อดไม่ได้ที่จะตกใจอย่างรุนแรง ก็รีบขับเคลื่อนเรือรบจันทราสีเลือดอย่างเต็มกำลัง

แต่ความเร็วของปีกทิพย์ไร้มลทินนั้นเร็วเกินไป ปีกเพลิงนิลสั่นไหวอยู่สองสามครั้ง ร่างของหลัวซิวก็ได้กลายเป็นจุดสีดำพร่ามัวในสายตาของเขาแล้ว

รับรู้ถึงออร่าของดาบปีกเพลิงที่ห่างจากตัวเองออกไปยิ่งไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หลัวซิวกลับไม่กล้าแม้แต่จะผ่อนกำลังลง บินติดต่อกันสามวันเต็ม และมาถึงบริเวณใกล้เคียงของคูเมืองแห่งอาณาจักรตะวันออก

ใช้วิธีการเคลื่อนเปลี่ยนกระดูกเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ หลัวซิวเข้าไปในคูเมืองนี้ จากนั้นก็พักชั่วคราวในโรงเตี๊ยมกลางเมือง หลังจากที่ได้สร้างค่ายกลเอาไว้ทั้งสี่ทิศของห้องแล้ว ก็เริ่มปิดขัง

การปิดขังครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อฝึกตน แต่เป็นการค้นหาว่าบนตัวของเขานั้นมีร่องรอยของวิชาลับเหลือเอาไว้อยู่หรือไม่

เพราะเขารู้ได้อย่างชัดเจนว่าดาบปีกเพลิงสามารถคนหาเขาเจอได้โดยง่าย ถ้าหากไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ไม่นานผู้แข็งแกร่งคนอื่น ๆ จากนิกายมารศักดิ์สิทธิ์และแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดก็ต่างสามารถตามหาเขาถึงที่ได้