มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 762
ในสถานการณ์ที่ตัวเองอยู่ในที่สว่างแต่ศัตรูอยู่ในที่มืดนั้น แม้ว่าครอบครองปีกทิพย์ไร้มลทินของขลังในการบินชั้นยอดเช่นนี้ เมื่อถูกปิดล้อมเอาไว้ หลัวซิวก็รู้ดีว่ามันจะต้องร้ายมากกว่าดี

ก่อนอื่นหลัวซิวใช้ตัวสำนึกกวาดสำรวจไปทั่วร่างกายหลายรอบ แต่กลับไม่ได้พบความผิดปกติใด ๆ แม้แต่น้อย

จากนั้น ก็ใช้ภูตอัคคีแผดเผาไปทั่วร่างกายอีกครั้ง ทันใดนั้นตัวสำนึกก็ส่งเสียงปุออกมา มีสองรอยประทับที่ซ่อนเร้นไว้อย่างดีถูกภูตอัคคีทำลายแผดเผาทิ้งไปแล้ว

ทั้งสองรอยประทับนี้ รอยหนึ่งติดอยู่ด้านบนเส้นผมของเขา อีกรอยหนึ่งอยู่บนรองเท้าของเขา เหมือนว่าจะไม่มีร่องรอยของออร่าที่เคลื่อนไหว ดังนั้นเมื่อครู่ที่เขาใช้ตัวสำนึกกวาดสำรวจ จึงไม่พบเบาะแสใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่ภูตอัคคีเป็นการเผาไหม้ในทุกส่วนของร่างกายโดยไม่มีข้อยกเว้น เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่ารอยประทับทั้งสองนี้จะซ่อนอยู่ลึกเพียงใด พวกมันย่อมถูกเผาอย่างแน่นอน

หลังจากแก้ปัญหาร้ายแรงนี้ไปได้แล้ว หลัวซิวก็สบายใจขึ้นมา จากนั้นก็ออกจากโรงเตี๊ยมในทันที

เขาเพิ่งจะเดินออกจากโรงเตี๊ยม สายตาก็พลันไปเห็นร่างหนึ่งที่คุ้นตา —— ลู่เมิ่งเหยา!

นางสวมชุดกระโปรงสีชมพูแดง เดินอยู่บนตรอก ใบหน้าที่งดงามนั้นดึงดูดสายตาทุกคู่ให้หันมาสนใจ

มีผู้หญิงอีกคนเดินอยู่กับนางด้วย อีกทั้งใบหน้ายังงดงาม ทั้งสองพูดคุยกันพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ดูแล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่เลวเลย

“นางมาทำอะไรที่นี่?” หลัวซิวรู้ว่านางเพ็ญตนอยู่กับเทวีหานยู่ แต่เขายู่หลิงห่างจากคูเมืองแห่งนี้ออกไปนับแสนลี้

หลัวซิวไม่ได้เดินเข้าไปแสดงตัวว่ารู้จักกับนาง เพราะว่าเขาใช้วิชาเปลี่ยนรูปลักษณ์อยู่ อีกทั้งในเวลานี้ผู้แข็งแกร่งจากนิกายมารศักดิ์สิทธิ์และแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดก็คงจะตามมาถึงอาณาจักรตะวันออกแล้วเป็นแน่ เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนอย่างง่ายดายได้

เพราะอย่างนี้ ทั้งสองคนจึงได้เดินสวนกันบนถนนเท่านั้น หลัวซิวก็ไม่ได้แสดงออกถึงความผิดปกติแต่อย่างใด เดินผ่านกันไปเฉย ๆ เช่นนั้น

แต่ลู่เมิ่งเหยากลับหยุดลงทันทีเหมือนถูกไฟดูด หันศีรษะไปมองแผ่นหลังสีดำที่ค่อย ๆ เดินห่างออกไป

“เมิ่งเหยาเจ้ามองสิ่งใดอยู่?” หญิงสาวทีเดินมากับนางเอ่ยถาม

“พี่เซี๋ย ข้ารู้สึกว่าคนที่เพิ่งเดินผ่านไปเมื่อครู่นี้มีบางอย่างพิเศษ” ลู่เมิ่งเหยาครุ่นคิด

“เพียงแค่คนที่มีผลการฝึกตนแดนราชายุทธ์เท่านั้น มีอะไรพิเศษหรือ?” หญิงสาวคนนั้นหัวเราะพร้อมส่ายศีรษะ

เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น ถึงแม้ลู่เมิ่งเหยาจะยังคงรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีก ทั้งสองคนเดินห่างกันออกไปเรื่อย ๆ

หลัวซิวไม่ได้ยินที่ทั้งสองพูดคุยกัน เพื่อที่จะปิดซ่อนตัวตนของตัวเอง เขากดผลการฝึกตนให้อยู่ในแดนราชายุทธ์ และไม่ปล่อยตัวสำนึกออกไปโดยง่าย

เขาเดินไปตามถนนกว้างในเมือง ทันใดนั้นก็เจอกับหกลุ่มคนห้าคน ทั้งห้าคนต่างก็วัยรุ่นมาก สวมชุดของแดนศักดิ์สิทธิ์พื้นนภา

จากนั้น หลัวซิวก็สังเกตเห็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง สวมชุดแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน

หลังจากนั้นศิษย์ของ แดนศักดิ์สิทธิ์เวหาเซียนก็ปรากฏตัวขึ้นที่กลางคูเมืองแห่งนี้ด้วย

“สามแดนศักดิ์สิทธิ์อาณาจักรตะวันออกรวมตัวกันที่นี่ หรือว่าจะเป็นเพียงเหตุบังเอิญ?” หลัวซิวรู้สึกว่าที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่ไม่ใช่ที่ที่ควรอยู่อีกต่อไป คิดเพียงแค่ว่าต้องออกไปให้เร็วที่สุด

ยังไม่ทันเดินไปถึงประตูเมือง กลางท้องฟ้าจากที่ไกล ๆ ดวงดาวเก้าดวงส่องแสงประกายระยิบระยับ ซิงหลิงก็มาด้วย!

ไม่เพียงแต่ซิงหลิง ต้าวหวูซินและเหลียนเอ๋อร์ที่แยกจากหลัวซิวไปก่อนหน้านี้ที่เหวปีศาจมรณา ก็มาที่แห่งนี้ด้วย

คูเมืองแห่งนี้มีชื่อว่าเมืองเทียนหัวหลัวซิวสามารถแน่ใจได้ว่าที่แห่งนี้ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้น มิฉะนั้น คนเหล่านี้จะไม่มารวมกันที่นี่อย่างแน่นอน

การรวมตัวของเหล่าคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ ที่เมืองเทียนหัวเช่นนี้ ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าต้องมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นที่นี่

หลังจากซิงหลิง ต้าวหวูซินและเหลียนเอ๋อร์หลังจากเข้าเมืองมาได้ไม่นาน เสียงนกฟีนิกซ์คำรามก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน เทพบุตรเผ่าหงส์ก็ขี่นกฟีนิกซ์มายังเมืองเทียนหัวนี้ด้วย