มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 763
จากนั้นหลัวซิวก็เห็นผู้อาวุโสสองคนที่สวมชุดของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด มาถึงเมืองเทียนหัวด้วย

ผู้อาวุโสทั้งสองเดินเข้ามาดุจพญาเสือ ล้อมรอบด้วยรังสีสังหารสีเลือด ตลอดทั้งทางที่เดินมา ทำให้ผู้คนล่าถอยไป ไม่มีใครที่กล้าเข้าใกล้

เมื่อเห็นบรรดาผู้แข็งแกร่งมากมายเช่นนี้มารวมตัวกัน หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความประหลาดใจ เมื่อหาสถานที่ที่ปลอดภัยในเมืองที่หนึ่งได้ ก็ติดต่อกับภูตแห่งค่ายของสี่แก๊งใหญ่

วันนี้ในระบบขององค์กรนักล่ายุทธ์ หลัวซิวได้ครอบครองสิทธิขั้นฟ้าแล้ว จากนั้นก็อาศัยสิทธิเพื่อเรียกดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้

เขาเชื่อว่าด้วยความสามารถในการรายงานขององค์กรนักล่ายุทธ์ จะสามารถมีข้อมูลในส่วนนี้ได้นั้นคงไม่ยากเกินความสามารถ

“ภูตทอง?”

เมื่อหลัวซิวได้รับข้อมูลตอบกลับจากองค์กรนักล่ายุทธ์ ก็เกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นในทันที

คนจากกองกำลังใหญ่ต่าง ๆมารวมตัวกันที่เมืองเทียนหัว เพราะว่ามีคนที่นี่พบภูตทองฟ้าดิน

เพียงแต่ว่าจิตฟ้าดินนั้นต่างมีจิตวิญญาณและความชาญฉลาด เมื่อถูกคนพบเจอก็จากไปด้วยความรวดเร็ว ส่วนจอมยุทธ์ที่พบเจอภูตทองนั้นมีผลการฝึกตนไม่สูง ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะจับเอาไว้ได้

คนที่เข้าใจจิตฟ้าดินอย่างแท้จริงนั้นต่างรู้ดีว่า สถานที่ที่สามารถทำให้จิตฟ้าดินปักฐานได้นั้น แต่เดิมย่อมเป็นสถานที่ที่ไม่ธรรมดา แต่ในเมื่อจิตฟ้าดินมาหยุดลงตรงที่แห่งนี้ นั่นหมายความว่าสิ่งแวดล้อมในสถานที่แห่งนี้เหมาะสมกับการเติบโตของมัน

ดังนั้น เว้นแต่จะไม่อับจนหนทางจริง ๆ จิตฟ้าดินจะไม่เคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่อย่างง่ายดาย

“ที่แท้ก็มาเพราะภูตทอง” หลัวซิวรี่ตาลงเล็กน้อย

ในบรรดาจิตฟ้าดิน ภูตอัคคีพบเจอได้ยากกว่า ถูกจอมยุทธ์พูดถึงก็มากกว่าด้วย ส่วนจิตฟ้าดินอื่น ๆ เมื่อเทียบกันแล้วน้อยกว่ามาก

ถ้าสามารถพิชิตภูตทองได้ จะสามารถทำให้พลังการโจมตีมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะในบรรดาธาตุทั้งห้า การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดคือธาตุทอง!

นอกจากนี้หลังจากการกลั่นแปรภูตทอง ความแข็งแกร่งของร่างเนื้อก็สามารถยกระดับได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการโจมตีหรือทางด้านการคุ้มกัน

โดยเฉพาะจอมยุทธ์ที่ฝึกตนกฎธาตุทอง ภูตทองถือว่าเป็นขุมทรัพย์สำหรับพวกเขา สามารถทำความเข้าใจความลึกลับของกฎที่แฝงอยู่ด้านในนั้น ยกระดับแดนกฎของตัวเอง

ปัง!

ทันใดนั้น ที่ท้องฟ้าด้านนอกเมืองก็มีเสียงดังอึกทึกคึกโครมเกิดขึ้น คลื่นออร่าแห่งกฎที่รุนแรงขยายเป็นวงกว้าง มีผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์กำลังทำสงครามใหญ่อยู่

หลัวซิวเหลือบตามองขึ้นไป เห็นร่างสองร่างอยู่กลางอากาศที่นอกเมือง หนึ่งในสองสวมชุดสีฟ้า มีดาวเก้าดวงปรากฎอยู่ด้านบนศีรษะ ขณะที่เคลื่อนไหวมือและเท้าก็สามารถหลอมรวมพลังแห่งกฎทองไม้น้ำไฟทั้งสี่ชนิด

“นั่นนายน้อยซิงหลิง อีกคนคือใครกัน ถึงกล้าปะมือกับเขาในที่แห่งนี้?” หลัวซิวประหลาดใจเล็กน้อย

ในหมู่คนรุ่นใหม่ หากไม่นับรวมตัวหลัวซิวเองแล้ว ซิงหลิงเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของคนรุ่นใหม่ ด้วยคุณสมบัติด้านพรสวรรค์ที่สูงมาก เรียกได้ว่าหมื่นปีจะเจอสักคนหนึ่ง

คนที่ต่อสู้กับซิงหลิง เปลวเพลิงแผดเผาอยู่รอบตัว แสงไฟพุ่งทะลุฟ้า แปลงร่างเป็นนกฟีนิกซ์ขนาดมหึมา ปกคลุมท้องฟ้า

“ที่แท้ก็เทพบุตรเผ่าหงส์” หลัวซิวสามารถยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายได้

ถึงแม้หากเทียบเรื่องแดนกฎกับตัวเอง เทพบุตรเผ่าหงส์จะไม่อาจสู้ได้ แต่หลัวซิวก็ต้องยอมรับว่า คนผู้นี้สามารถฝึกตนกฎเพลิงอัคคีถึงแดนขั้นแรกได้แล้ว ไม่ใช่แค่เพียงอาศัยสายเลือดเทพหงส์ คุณสมบัติด้านพรสวรรค์ของตัวเขาเองนั้นก็ถือว่าอยู่ในระดับต้น ๆ เช่นกัน

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่กลับไม่มีใครใช้ไพ่ไม้ตายออกมา ผ่านไปชั่วครู่ ผู้แข็งแกร่งตำหนักดารานภาและผู้อาวุโสเผ่าหงส์ก็ปรากฎตัวขึ้น หยุดการพิพาทในทั้งนี้

เหล่าอัจฉริยะต่างก็มีจิตใจที่หยิ่งผยอง ในโลกฝึกยุทธ์ทุกยุคสมัย เหล่าอัจฉริยะวัยรุ่นมักจะขัดแย้งซึ่งกันและกัน เหยียบคนอื่น ๆ เพื่อขึ้นไปเป็นระดับหัวมังกรของ เหล่าอัจฉริยะ มีความกระตือรือร้นที่จะก้าวหน้า เข้าทัพแดนขั้นสูงแห่งโลกยุทธ์