สวีรื่อ กรุ๊ป ฐานที่มั่นของตระกูลเล่
เมื่อก่อนสวีรื่อ กรุ๊ป เป็นสัญญาลักษณ์ของจงไห่ เป็นสถานที่ที่คนทำธุรกิจฝ่ายฝัน
แต่ตอนนี้ ตั้งแต่คุณหนูใหญ่ตระกูลเล่แต่งงานไปแล้ว ฐานะทางสังคมของตระกูลเล่ก็ถดถอยไปมาก
แต่ว่าอูฐที่ผอมตายก็ยังไงก็ใหญ่กว่าม้า(ยังไงก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อน) วันนี้ตระกูลเล่ยังคงเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของจงไห่
อย่างไรก็ถาม เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้นำของมัตสึดะ กรุ๊ปมาที่สวีรื่อ กรุ๊ป มีคนได้ยินเสียงที่ทะเลาะกันจากห้องของท่านประธาน
จานนั้น ยอดธุรกิจของตระกูลเล่ก็ดิ่งลงมาเรื่อยๆ ตอนนี้รายได้น้อยกว่ารายจ่าย
ในห้องของประธานสวีรื่อ กรุ๊ป เล่ชิงชางผมหงอกไปกว่าครึ่งหัวแล้ว และเมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ที่ดูกระฉับกระเฉงของเขาเมื่อครึ่งปีที่แล้ว เหมือนแก่ขึ้นสิบกว่าปี
“ท่านประธาน เราถูกมัตสึดะ กรุ๊ปปิดกั้นหนทางทั้งหมดมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้ ธุรกิจทั้งหมดของเราถูกมัตสึดะ กรุ๊ปปิดกั้น บริษัทมีหนี้หลายร้อยล้าน หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ภายในสิบวันนี้ ธุรกิจส่วนใหญ่ของบริษัทก็คงต้องหยุดดำเนินการ”
เล่หรูเฟิงรายงานด้วยสีหน้าที่ใจมาก อยู่ในบริษัท เล่หรูเฟิงก็คือเลขาของเล่ชิงชาง ที่เล่ชิงชางทำแบบนี้ ก็เพื่อฝึกความสามารถของเล่หรูเฟิง ให้เตรียมความพร้อมรับช่วงแทนเขา
“รู้แล้ว นายออกไปก่อน!” เล่ชิงชางใช้มือกุมขมับเอาไว้ ถอนหายใจไปหนึ่งที
เล่หรูเฟิงที่เป็นห่วง ไม่ได้ออกไปทันที แต่มองเล่ชิงชาง แล้วพูดอย่างเป็นห่วง “พ่อครับ พ่อต้องรักษาสุขภาพด้วยนะครับ!”
เล่ชิงชางเงยหน้าขึ้น มองลูกชายตัวเอง นี่มันไม่ใช่แค่ลูกน้องรายงานกับหัวหน้าแล้ว แต่เป็นความห่วงใยที่ลูกมีต่อพ่อ
ทันใดนั้นเล่ชิงชางก็รู้สึกว่าดวงตาเปียกชุ่มเล็กน้อย เมื่อไม่นานมานี้ เหมือนว่ามีมือที่อ่อนโยนคู่หนึ่ง ทุกครั้งที่เขาเหน็ดเหนื่อย ก็จะปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา พลางจับอยู่ที่หลังของเขาอย่างเบาๆ พลางยิ้มและบ่น พ่อคะ บ้านเรารวยขนาดนี้แล้ว ทำไมพ่อยังต้องทำงานหนักขนาดนี้!”
ในตอนนั้น เล่ชิงชางไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้เลย รวย? เห่อๆ ไม่เคยเห็นว่าตัวเองรวยเลย เล่ชิงชางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ และปรารถนาที่จะเป็นหัวหน้าที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลเล่ และนำตระกูลเล่ไปสู่จุดสูงสุด
ตอนนั้น เล่ชิงชิงไม่ได้สนใจความห่วงใยของลูกๆ ถึงขนาดเพื่อเป้าหมายของตัวเองแล้ว เขาก็ผลักลูกสาวของตัวลงไปในกองไฟ
บางทีอาจจะเพราะสวรรค์ทนดูไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ได้รับกรรมที่ทำเอาไว้
“ถ้าหากตอนนั้นเขาไม่ทำแบบนั้น หรูหั่วก็คงไม่ไปจากเขา ตระกูลเล่ก็คงไม่ไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตคนนั้น…….”
น่าเสียดาย ชีวิตคนไม่มียาย้อนเวลา ถ้าผิดพลาด มันก็คือทั้งชีวิต!
เก็บความคิดของตัวเอง แววตาของเล่ชิงชางก็ค่อยๆสว่างขึ้นมองสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยของเล่หรูเฟิง ไม่ได้วางมาดของท่านประธานอีกต่อไป พูดอย่างยิ้มๆ “สบายใจเถอะ พ่อยังรับไว้!”
เล่หรูเฟิงพยักหน้า หันหลังเดินออกไป
แต่ว่าเพิ่งจะถึงหน้าประตู เล่หรูเฟิงก็หยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง
หันหน้ากลับไปมองเล่ชิงชาง เล่หรูเฟิงถามขึ้น “พ่อครับ พ่อว่าน้องจะช่วยเรามั้ย?”
เล่ชิงชางหันหน้ามองไปทางนอกหน้าต่าง แล้วพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “เมื่อก่อนคงช่วย แต่ตอนนี้…..พ่อก็ไม่รู้!”
“ผมทราบแล้วครับ” พยักหน้า เล่หรูเฟิงก็ก้าวเดินจากไป แววตามีความรู้สึกอ้างว้าง
เล่หรูเฟิงเดินออกมาจากห้องของท่านประธาน ก็ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “น้องสาว แม้ว่าตระกูลเล่จะทำผิดกับเธอ แต่ว่าตอนนี้ตระกูลเล่กำลังเผชิญวิกฤต น้องจะไม่สนใจไม่ได้ วันนี้ ต่อให้พี่ต้องตาย พี่ก็ต้องไปขอคำตอบจากน้องให้ได้!”
ในขณะที่เล่หรูเฟิงได้ตัดสินใจแล้ว กำลังจะเดินออกไปที่ประตูใหญ่ของสวีรื่อ กรุ๊ป เล่หรูเฟิงก็ได้หยุดฝีเท้าลงทันที จากนั้น เขาก็หันหลัง เดินกลับไปทางเดิม