เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1128

ในนั้นมีป้ายของหยวนเลี่ยเองด้วย

เมื่อเก็บป้ายเรียบร้อย หยวนเลี่ยเอาที่เหลือยื่นให้ลู่ฝานแล้วพูดว่า “เก็บไว้สิ ถือว่าเป็นรางวัลที่ได้จากสงคราม”

ลู่ฝานรับป้ายมา แล้วพูดว่า “คนปัญญาอ่อนพวกนี้ มีป้ายแต่ไม่รู้จักใช้ ไม่งั้นพวกเขาอาจหนีรอดก็ได้”

หยวนเลี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “คนอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวสุดขีด มักจะลืมเรื่องบางอย่าง สหายลู่ฝาน ต่อไปถ้านายเจอคนแบบนี้บนเขาวิถีบู๊อีก ต้องรีบฆ่าทันที อย่าให้พวกเขาได้มีโอกาสบีบป้ายให้แตก”

ลู่ฝานพยักหน้า เอาป้ายเปื้อนเลือดพวกนี้เก็บเข้าไปในเข็มขัด

หยวนเลี่ยมองลู่ฝานแล้วพูดว่า “ดูเหมือนผมคงอยู่บนเขาวิถีบู๊ต่อไปไม่ได้แล้ว น่าเสียดายจัง ไม่ได้รับการถ่ายทอดอะไรสักอย่าง ดูเหมือนผมไม่มีโชค”

ลู่ฝานพูดว่า “นายไม่ต้องไปก็ได้นะ ตามฉันมาสิ ฉันจะพานายบุกเข้าไปในจวนพวกนั้น”

หยวนเลี่ยส่ายหน้าพูดว่า “ช่างเถอะ ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงของนาย สหายลู่ฝาน ขอให้นายเจอการถ่ายทอดดีๆ บนเขาวิถีบู๊ กลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”

ลู่ฝานมองหยวนเลี่ย แล้วพูดช้าๆ ว่า “ฉันคิดว่าการถ่ายทอดเป็นเรื่องรอง ยังไงนักบู๊ก็ต้องพึ่งตัวเอง”

หยวนเลี่ยพยักหน้าพูดว่า “ใช่ นักบู๊ต้องพึ่งตัวเอง ได้ครับ สหายลู่ฝาน ถือว่าประโยคนี้ของนาย เป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่ผมได้รับบนเขาวิถีบู๊ ไปละ การคัดเลือกนี้สิ้นสุดลงแล้ว อย่าลืมมาเที่ยวหาพวกเราที่เขตเยี่ยนนะ พวกเฝิงอิ่งก็อยู่ด้วย”

ลู่ฝานเข้าใจความหมายของหยวนเลี่ย พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงต่อไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้ต้องกลับเขตเยี่ยนให้เร็วที่สุด

ลู่ฝานทอดถอนใจ แล้วพูดกับหยวนเลี่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน!”

หยวนเลี่ยฝืนยิ้มออกมา บาดแผลบนใบหน้า ทำให้รอยยิ้มของเขาดูตลกมาก โดยเฉพาะฟันซี่ที่หายไปในปาก ดูแล้วซื่อบื้อมาก

ค่อยๆ บีบป้ายให้แตก แสงหนึ่งปกคลุมหยวนเลี่ยเอาไว้ ค่ายกลด้านล่างเท้าสว่างขึ้น หลังจากนั้นตัวของหยวนเลี่ยหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ลู่ฝานสูดหายใจลึก วันนี้ช่างยากลำบากจริงๆ ถ้าเขาเรียกไอ้เก้าออกมาช้าอีกแค่นิดเดียว กลัวว่าวันนี้หยวนเลี่ยคงต้องตายแน่นอน

สะบัดมือไปมา แล้วทำความสะอาดสถานที่ต่อสู้

ของที่เอาไปได้ก็เอามาทั้งหมด ไม่ว่ายังไงสี่คนนี้ก็เป็นยอดฝีมือที่มาร่วมการคัดเลือก ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าจะไม่มีอะไรเก็บไว้บนตัว

สิ่งที่สามารถกลืนกินได้ ก็ให้ไอ้เก้ากินเป็นอาหาร ส่วนที่เหลือกองไว้ในตำหนักดวงดาวในเข็มขัด เก็บไว้กับพวกของขวัญครั้งที่แล้ว มีเวลาค่อยจัดระเบียบแล้วกัน

สะบัดมือปล่อยเปลวไฟ เผาศพทั้งสี่จนมอดไหม้ จากนั้นลู่ฝานเดินช้าๆ ขึ้นไปบนเขา

หลังจากเดินได้ประมาณหลายร้อยก้าว ลู่ฝานรู้สึกว่าพลานุภาพสร้างความกดดันของเทพบู๊หายไปหมดแล้ว

ในที่สุดเขาก็สามารถใช้ปราณชี่ของตัวเองอีกครั้ง!

ความรู้สึกนี้ดีสุดยอดไปเลย ลู่ฝานถอนหายใจยาวออกมา

แค่ใช้ปราณชี่ได้ ถึงมีนักบู๊แบบเมื่อกี้มาอีกสัก 40 คน เขาก็สามารถฆ่าพวกนั้นได้ด้วยมือเดียว

ไม่ไกล ลู่ฝานเห็นจวนแรก มีคนเอาหัวโขกพื้น กองกันอยู่หน้าประตู!

เห็นว่าแปลก ลู่ฝานจึงรีบเดินเข้าไป

ส่วนคนที่กำลังเอาหัวโขกพื้นอยู่หน้าประตู เห็นลู่ฝานเดินเข้ามา พากันหน้าเปลี่ยนสี

“ลู่ฝาน เขาขึ้นมาแล้ว! เขาขึ้นมาได้ยังไง เมื่อกี้พวกหม่านเวยไปจัดการเขาไม่ใช่เหรอ รีบไปแจ้งซุนจื้อว่าลู่ฝานขึ้นมาแล้ว”

มีคนสองสามคนมาขวางหน้าลู่ฝานทันที จากนั้นพูดว่า “ลู่ฝาน ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายมาได้ รีบไสหัวไป อุโมงค์สวรรค์นี้เป็นของพวกเรา!”

ลู่ฝานยกยิ้มมุมปาก สะบัดมือโยนป้ายเหล็กเปื้อนเลือดออกมาสี่อัน

“เมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ค่อยชัด นายพูดอีกรอบสิ ฉันมาได้หรือเปล่า”