เมื่อเล่หรูหั่วกับเฉินโม่รีบกลับไปถึงสวีรื่อ กรุ๊ป ปรากฏว่าในสวีรื่อ กรุ๊ปว่างเปล่าคนหายหมดไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
มองภาพภายในอาคารที่โล่งโจ้ง สีหน้าของเล่หรูหั่วดูไม่จืด “เป็นอย่างนี้ได้ยังไง?”
เฉินโม่มองไปรอบ ๆ พูดว่า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเศร้าเสียใจ ไปดูคุณพ่อของเธอก่อนว่าเป็นยังไงมั่ง”
“อือม์” เล่หรูหั่วจึงรีบพาเฉินโม่ขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องทำงานของเล่ชิงชาง แต่ก็ว่างเปล่าไม่มีคนอยู่
เล่หรูหั่วมองหน้าเฉินโม่ พูดสีหน้าเครียด “เกิดเรื่องกับคุณพ่อแล้ว”
เฉินโม่มองตรวจดูในห้องทำงาน พบว่าไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ดูลักษณะแล้วเล่ชิงชางไม่น่าจะเกิดเรื่องในห้องทำงานนี้
“เธอโทรศัพท์ไปถามหน่อย อาจจะออกไปที่อื่นหรือเปล่า?”
“ได้” เล่หรูหั่วต่อโทรศัพท์หาเล่ชิงชาง ผลกลับเป็นว่าไม่สามารถติดต่อได้
เล่หรูหั่วจึงรีบต่อโทรศัพท์ไปหาเล่หรูเฟิง ก็ไม่สามารถติดต่อได้เหมือนกัน
เล่หรูหั่วมองไปที่เฉินโม่ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “ไม่สามารถติดต่อได้ เฉินโม่ พวกเขาต้องเกิดเรื่องแน่แล้ว”
เฉินโม่พูดอย่างใจเย็น: “ใจเย็น เรารู้ว่าใครเป็นศัตรู พ่อและพี่ชายของเธอต้องอยู่กับคนของต้าเหอ
“เธอรู้ไหมว่าคนประเทศต้าเหอพวกนั้นอยู่กันที่ไหน?” เฉินโม่ถาม
เล่หรูหั่วส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้แน่ชัด แต่คิดว่าคุณแม่ฉันน่าจะรู้”
“งั้นเธอก็ลองถามดูสิ” เฉินโม่ยืนเฝ้ารออยู่ข้าง ๆ
เล่หรูหั่วต่อโทรศัพท์ได้ ซักถามเหตุการณ์ทั่ว ๆ ไป
“คุณแม่บอกว่าคุณพ่อกับพี่ชายขาดการติดต่อตั้งแต่เมื่อวานนี้ คนประเทศต้าเหอพวกนั้น เป็นพวกตระกูลยามาดะในกลุ่มมัตสึดะ กรุ๊ป”
“มัตสึดะ กรุ๊ป?ไป ผมพาเธอไปฆ่าคน!” เฉินโม่ลากมือเรียวงามของเล่หรูหั่ว เล่หรูหั่วขัดขืนเล็กน้อย แล้วก็ปล่อยให้เฉินโม่จูงมือไป ในใจเกิดความรู้สึกที่มีอะไรไม่ใช่อยู่บางอย่าง
ตระกูลยามาดะแห่งประเทศต้าเหอ มีชื่อเสียงโด่งดังมาก อยู่ถึงระดับท๊อปเท็นในห้าร้อยธุรกิจโลก ให้เพียงแค่บริษัทสาขาเดียวในประเทศหัวเซี่ย อิทธิพลก็ไม่ใช่ให้มองข้ามได้
ให้แม้แต่ทางการรัฐฯ.ของประเทศหัวเซี่ยจะไปทำอะไรพวกเขา ก็ยังต้องคิดกันหนัก เพราะฉะนั้น พวกเขาถึงได้กล้ากันขนาดในกลางวันแสก ๆ ยังทำเรื่องจับตัวพ่อลูกตระกูลเล่ไปได้
ในห้องลับสำหรับทำการทดลองของมัตสึดะ กรุ๊ป ภายในห้องจัดวางเต็มไปด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย รายเรียงไปด้วยหลอดแก้วถ้วยแก้วที่ไม่รู้คนประเทศต้าเหอจะใช้วิจัยทำอะไรกัน
ณ.ที่นี้ตัดขาดจากระบบสื่อสารกับโลกภายนอกทั้งหมด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้โทรศัพท์ของเล่ชิงชางกับเล่หรูเฟิงทั้งสองคนไม่สามารถติดต่อได้
ในห้องทดลองสีขาว พ่อลูกบ้านตระกูลเล่ถูกมัดไว้บนเก้าอี้สองตัว ตอนนี้ยังอยู่ในสภาพสลบไสล
ยามาดะ ทาเคชินำนักวิจัยในชุดกาวน์สีขาวหลายคน ยืนเฝ้ามองทั้งสองคนอยู่เงียบ ๆ
“ผ่านมาตั้งหนึ่งวันกับหนึ่งคืนแล้ว ยังไม่มีปัญญาถามเอาเรื่องข้อมูลของน้ำชีวิตจากพวกเขาได้เลยหรือ?”
เจ้าหน้าที่ทำงานหลายคนนั้นลนลานกันก้มหน้า คนที่เป็นผู้นำนั้นตอบไปอย่างละอายแก่ใจว่า “เรียนคุณชายยามาดะ ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่เคยรู้เรื่องข้อมูลของน้ำชีวิต หรือว่าพวกเขาจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พวกเราได้ใช้ยาสะกดจิตระดับสูงที่สุดแล้ว ก็ยังไม่สามารถทำให้พวกเขาพูดเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับน้ำชีวิตออกมาได้แม้แต่น้อย”
“โง่บัดซบ!” ยามาดะ ทาเคชิบันดาลโทสะขึ้นมา “ยาสะกดจิตใช้ไม่ได้ ก็ใช้วิธีทรมาน ใช้วิธีการทรมานที่โหดที่สุด ฉันไม่เชื่อว่าพวกมันจะทนได้!”
“ทำให้พวกมันตื่นขึ้นมา!”
“ครับผม” เจ้าหน้าที่สองนายรีบขึ้นหน้าไป จัดการเอายาเป็นของเหลวสีขาวสองเข็มแบ่งฉีดให้เล่ชิงชางสองพ่อลูก
เล่ชิงชางสองพ่อลูกก็งัวเงียตื่นขึ้นมาในไม่ช้า แต่ดูตามสภาพแล้วอ่อนเปลี้ยอยู่อย่างที่สุด
“หรูเฟิง คุณเป็นยังไงบ้าง?” เล่ชิงชางถามเสียงหอบหนัก
“คุณพ่อ ผมไม่เป็นไร คุณพ่อวางใจได้ ไอ้พวกเศษเดนพวกนี้ไม่มีทางหลอกเอาเรื่องข้อมูลใด ๆ ออกไปจากปากผมได้หรอก!” เล่หรูเฟิงตาทั้งคู่แดงก่ำ จ้องมองหน้าพวกยามาดะ ทาเคชิอย่างโกรธเกรี้ยว เคียดแค้นจนอยากกลืนกินพวกมันทิ้งกันสด ๆ