กระบี่ลอยขึ้น กระบี่ตกลง ลมหิมะระเบิด
กระบี่ของฮั่นชิงเป็นเสมือนทุ่งหิมะกลางเหมันต์ รุกเข้าสู่แสงดาวด้วยความเย็นเยือกสุดขั้ว
เสียงฟาดฟันมากมาย ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนถูกตัดเป็นชิ้นๆ
ดวงดาวเหล่านั้นเป็นของปลอม เป็นเพียงการควบแน่นของแสงดาว แม้จะถูกตัดด้วยพายุหิมะจากกระบี่ของฮั่นชิง แต่ก็ไม่พังทลายไปจริงๆ ทว่ากลายเป็นประกายดาวมากมายแทน
ในท้องฟ้าราตรีเบื้องหน้าถนนเสิน มีสายดาวตกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ทุกสายมีแสงดาวขนาดเล็กอยู่ด้านหน้า
ลำธารบนทุ่งหินก็เต็มไปด้วยประกายดาวนับไม่ถ้วน ดูวิจิตรงดงามอย่างยิ่ง
ดาวตกจำนวนมากพุ่งผ่านพายุหิมะและตกลงบนร่างฮั่นชิง
แปะ แปะ แปะ เสียงประหนึ่งฝนตก เหมือนพายุทรายปะทะกระโจม รอยตัดมากมายปรากฏขึ้นบนพื้นผิวชุดเกราะโบราณในทันที
ฝุ่นตามร่องชุดเกราะกระเด็นออกมา สนิมบนพื้นผิวถูกแสงดาวเฉือนออกมา เผยให้เห็นสีแดงเข้มอย่างเลือนราง
“คนขี้ขลาดไร้ประโยชน์!”
ครั้นเห็นกวนซิงเค่อใช้แสงดาวเข้าสู่พายุหิมะและเป็นฝ่ายมีเปรียบ อู๋ฉยงปี้ก็ไม่อาจรอให้สามีนางเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป หลังจากสบถอย่างขุ่นเคือง นางก็พุ่งออกไป
คลื่นสูงหลายร้อยจั้งติดตามมาด้านหลังนาง น้ำทะเลเย็นเยียบแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่เงียบงันมาถึงต้นถนนเสิน
การต่อสู้ของผู้อยู่ในเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ หากต้องการชนะก็ไม่อาจผ่อนผันแม้แต่น้อย นางใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่กระบวนท่าแรก!
โครม! เสียงคลื่นมหึมาถาโถมดังออกมาจากสุสานเทียนซู คลื่นสีเขียวครามจำนวนนับไม่ถ้วนซัดใส่ฮั่นชิง
ใบหน้าชราของฮั่นชิงไม่เปลี่ยนแปลง เขาเหมือนกับตอไม้แก่ที่ถูกตัดมานานหลายร้อยปีแล้ว
สายตาเขาก็ไม่เปลี่ยนผัน เฉกเช่นบ่อน้ำเก่าที่แห้งขอดไปนานหลายร้อยปี
แม้ต้องเผชิญหน้าการร่วมมือโจมตีด้วยวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของสองยอดฝีมือ เขาก็ยังทำเพียงแค่ยกกระบี่ขึ้นและฟันลงตรงๆ
กระบี่มาจากทุ่งหิมะแดนเหนือ เย็นเยียบถึงขีดสุด
พายุหิมะส่งเสียงโหยหวน ปานจะกลืนกินดาวตกดวงเล็กๆ พวกนั้น แช่แข็งคลื่นสูงพันจั้งเหล่านั้น
เขาจะทำได้หรือไม่
……
……
โลกเบื้องหน้าสุสานเทียนซูถูกแบ่งเป็นสามส่วนด้วยพลังปราณแกร่งกล้าสามสาย สร้างภาพอันน่าเหลือเชื่อสามภาพ
ท้องฟ้าราตรีทั้งสามส่วน หนึ่งเต็มไปด้วยดาวตก หนึ่งเป็นพายุหิมะ และส่วนสุดท้ายเป็นคลื่นยักษ์
ไกลออกไป มีดอกไม้แดงเล็กๆ อยู่ท่ามกลางพายุหิมะ ในหมู่ดวงดาวมากมาย ลอยไปมาในเกลียวคลื่น สีสดดังเช่นเคย
เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนร่วงลงมา แช่แข็งน้ำในลำธาร ซึ่งจากนั้นก็ถูกดาวตกทำให้แตกกระจาย จังหวะนั้นเองคลื่นที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายการดับสูญก็กวาดเข้ามา
ชุดเกราะของฮั่นชิงถูกดาวตกล้างสนิมไปจนหมด ครั้นแล้วก็ถูกคลื่นไร้สิ้นสุดชะล้างจนเงางาม
ผิวชุดเกราะสะท้อนแสงอันซับซ้อน ซึ่งเกิดจากการผสมผสานของแสงดาวกับน้ำทะเล ทำให้ท้องฟ้าราตรีเหนือสุสานเทียนซูมีสีหม่นมัว
เกิดรอยของแส้ปัดบนเกราะอกด้านซ้าย ด้านข้างมีรอยที่เกิดจากดวงดาว ทั้งสองฝั่งลึกประมาณหนึ่งนิ้ว แทบจะทะลุผ่านชุดเกราะเข้าไป
เลือดค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากร่องบนชุดเกราะ จากนั้นก็ถูกแช่แข็งในทันที ดูประดุจปะการังสีแดงเลือด
เมื่อเผชิญกับการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์สองคน ไม่ว่าระดับการบำเพ็ญเพียรของฮั่นชิงจะสูงส่งเพียงใด เขาก็ยังเสียเปรียบและตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าด้านหลังพายุหิมะ ส่วนลึกของดวงดาวและคลื่นสูง ดอกไม้สีแดงยังคงส่ายไหว เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาจะร่วมศึกนี้ด้วย
เปี๋ยยังหงพลันเงยหน้าขึ้นมองยอดเขาสุสานเทียนซู
ประกายความประหลาดใจฉายขึ้นในดวงตาอันกระจ่างสดใสของเขา
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ยืนอยู่บนยอดเขาสุสานเทียนซู ไม่ว่าการต่อสู้ที่ต้นถนนเสินด้านล่างจะเป็นอย่างไร สีหน้านางก็ไม่เปลี่ยนไปสักนิด ไม่แม้แต่จะมองดูด้วยซ้ำ
สายตานางมองไกลออกไป ห่างไปนับหมื่นลี้
ดวงจิตนางก็อยู่ห่างไปหมื่นลี้
ริมลำธารข้างวัดเก่าเมืองซีหนิงที่ห่างไปหมื่นลี้ นักบวชพลันลืมตาขึ้นและมองไปอีกฝั่งหนึ่ง
สายลมพัดกิ่งไม้และยังคงพัดแขนเสื้อหญิงงามที่ยืนอยู่อีกฝั่งของลำธาร
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ยืนอยู่ริมลำธาร แต่นางก็ดูเหมือนไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว
นักบวชขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาโบกแขนเสื้อเล็กน้อย โยนสายสร้อยประคำในมือลงในลำธาร
สร้อยประคำตกลงในลำธารแต่ไม่จมลง เม็ดประคำแตกกระจายออกไปหลายสิบเม็ดและพุ่งไปทุกทิศทาง
ดอกบัวโลหิตสองดอกที่ลอยไปมาระหว่างพลังปราณอันแข็งแกร่งทั้งสอง ถูกเม็ดประคำพุ่งใส่และเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ราวกับมีสายจูงที่มองไม่เห็นลากพวกมันไปทางอีกฝั่งหนึ่งของลำธาร
เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่าง จึงไม่ลังเลที่จะใช้ประคำวิเศษที่เขาพกติดตัวมาปิดกั้นลำธารที่ล้อมไว้ด้วยแสงดาวมากมาย เพื่อกักดวงจิตของนางเอาไว้ที่นี่
มุมปากจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ยกขึ้น เผยรอยยิ้มเยาะในยามที่นางโบกแขนเสื้อ
ครั้นสายลมพัดผ่านลำธาร ดอกบัวโลหิตก็ไม่อาจลอยมาได้อีกต่อไป ลูกประคำที่กระจัดกระจายไปตามลำธารราวกับดวงดาวเริ่มสั่นไหว
เมื่อสายลมแน่นิ่ง นางก็หายไปจากริมลำธารแล้ว
……
……
หากมองจากหลายแง่มุมจะเห็นว่าที่ราบระหว่างจิงตูกับลั่วหยางไม่ได้มีทุ่งนามากนัก ที่ดินส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้าง
ก่อนหน้านี้ในยามดึกของค่ำคืนฤดูใบไม้ร่วง ทุ่งหญ้านี้ได้รับความชุ่มชื่นจากสายฝนจนกลายเป็นดินโคลน ทำให้เดินทางได้ยาก ยากยิ่งกว่าหนองน้ำใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองไป๋ตี้เสียอีก
สำหรับนักพรตจี้แล้ว นี่ไม่มีความหมายมากนัก
หลังจากออกจากจิงตู เขาก็มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เห็นโครงร่างเมืองอันยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่รำไร
ทว่าเขาก็ไม่ได้ตรงต่อไป แต่หยุดอยู่บนที่ราบ สายตาจับจ้องไปที่นาฬิกาทรายในมือ
ครึ่งบนของนาฬิกาทรายเจียนจะว่างเปล่าแล้ว ทรายที่ไหลลงนั้นบางมาก เหมือนจะหมดลงได้ทุกขณะ
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าราตรี
ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปกติแล้วปกคลุมไปด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วน ในตอนนี้กลับไร้ซึ่งแสงดาว เหลือไว้เพียงแค่ความมืดมิดไร้สิ้นสุด
ที่ขอบฟ้าราตรี เขามองเห็นเมฆที่เคลื่อนด้วยความเร็วสูง มีเพียงที่แห่งนั้นเท่านั้นถึงพอจะมองเห็นแสงสีเงินได้
เมฆดำฉีกกระชากกันเองไม่หยุดหย่อน พัวพันซึ่งกันและกัน ผสานรวมกัน เป็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในความมืดมิดที่ใจกลาง
มังกรดำตัวมหึมาทอดกายบนท้องฟ้าประดุจเทือกเขาใหญ่
ขอบของมังกรดำส่องประกายแสงสีเงิน ให้ความรู้สึกเย็นเยียบ
นักพรตจี้ยืนอยู่ในทุ่งหญ้า มองไปยังมังกรที่ก่อตัวจากราตรีกาล สีหน้าเคร่งเครียด
ในที่สุดจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ก็ยืนยันที่อยู่ของเขาได้
เขาสัมผัสได้ถึงดวงจิตของเทียนไห่ซึ่งกลับมาจากที่ห่างไปหมื่นลี้ เทียนไห่ที่อยู่บนยอดเขาสุสานเทียนซูก็ถอนสายตากลับมา
เมื่อสายตานางจดจ้องลงยังที่แห่งนี้ หากดวงจิตนางกลับคืนสู่กาย หากนางมายังที่แห่งนี้ เขาก็จำเป็นต้องต่อสู้กับนาง
ต่อให้นางอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าอ่อนแอที่สุดในช่วงสองศตวรรษมานี้ เขาก็ยังไม่ต้องการที่จะปะทะกับนางซึ่งหน้า
ยี่สิบปีก่อน เขาได้รับบทเรียนมามากพอแล้ว
แสงกระจ่างใสไหลออกมาจากส่วนลึกของชุดนักพรต
แสงนี้ศักดิ์สิทธิ์อย่างที่สุด ยากที่จะบรรยายด้วยคำพูดของมนุษย์
ชุดนักพรตของเขาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย แขนเสื้อคือส่วนที่สั่นมากที่สุด
แขนเสื้อนักพรตฉีกขาดดังแขวก เส้นด้ายสิบกว่าเส้นถูกพลังที่มองไม่เห็นดึงออกมา
ในท้องฟ้าราตรี มังกรดำเห็นได้ชัดว่าก่อตัวขึ้นจากวิชาเต๋าบางอย่าง เกิดรอยแยกสิบกว่าสาย มีแสงกระจ่างใสพุ่งออกมา
.……
……
.……
……
ดวงจิตกลับคืนมาจากที่ไกลแสนไกล
นัยน์ตาหงส์ของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่เป็นประกายสุกใสกว่าเดิม
นางดึงสายตากลับมา ทว่าไม่ได้มองไปทางลั่วหยางหากแต่เป็นเท้าของนางเอง
เสียงร้องของหงส์สวรรค์อันชัดเจนยิ่งดังขึ้นจากสุสานเทียนซูอย่างฉับพลัน กึกก้องเอ็ดอึงไปทั่วฟ้า!
เสียงหงส์ร้องช่างทรงพลังจนไม่มีสิ่งใดในโลกกล้าส่งเสียง!
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่หายไปจากสายตาเฉินฉางเซิง
แสงสีดำสองสายดุจหมอกควันปรากฏขึ้นบนถนนเสินสีขาว
ขอบของแสงดำตัดผ่านอากาศ ก่อให้เกิดเสียงที่โหยหวนอย่างยิ่ง
นั่นคือปีกทั้งสองข้างของหงส์สวรรค์
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ปรากฏขึ้นต่อหน้าโลกใบนี้อีกครั้ง เผยให้เห็นด้านที่ทรงพลังที่สุดของนาง
ไม่มีสิ่งใดที่จะเร็วไปกว่านาง ไม่ว่าจะเป็นเสียง ภาพหรือความคิด
นางไม่ได้ไปลั่วหยางแต่พุ่งลงไปยังที่ราบหินต้นถนนเสินราวกับสายฟ้าสีดำ
ปีกหงส์สวรรค์สีดำก่อให้เกิดลมแต่ก็ดูลึกขึ้นในความมืด
จากความมืดมิดก่อเกิดนิ้วสีขาวบริสุทธิ์เจิดจ้ากระจ่างใส
นิ้วนั้นผลักหิมะ ดวงดาวและน้ำทะเลออกไปอย่างใจเย็น พุ่งเข้าสู่หน้าผากของนักพรตหญิง
นิ้วนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้านักพรตหญิงอย่างฉับพลัน
ดวงตาอู๋ฉยงปี้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้างดงามของนางบิดเบี้ยวด้วยความตกใจและหวาดกลัว
นางส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัว เสื้อผ้าสั่นไหว ก่อให้เกิดคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าบนพื้นในยามที่นางถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน แส้หางม้าของนางก็สั่นไหวอย่างบ้าคลั่งที่สุด ปล่อยคลื่นความนิ่งงันเป็นระลอกๆ
แต่นางจะหนีจากนิ้วนั้นได้อย่างไร
นิ้วนั้นสงบมั่นคง ดูเหมือนจะไม่มีเปลวเพลิงบนนิ้ว ทว่าเหมือจะเป็นสิ่งที่อุณหภูมิสูงที่สุดในโลก เพลิงแท้หงส์สวรรค์
คลื่นแห่งความนิ่งงันกลายเป็นไอในทันทีและสลายไปอย่างรวดเร็ว
คลื่นบนพื้นระเหยแห้งแล้วพลันก็ลุกไหม้ ความร้อนแผ่มายังเท้าของอู๋ฉยงปี้ด้วยความเร็วที่ลึกลับที่สุด ปลายชุดนักพรตของนางลุกเป็นไฟ!
นิ้วนั้นยังคงพุ่งตรงมา อย่างสงบนิ่งและมั่นคง แต่ก็ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ แม้ว่าจะมีภูเขานับพันแม่น้ำนับหมื่นอยู่ตรงหน้า ก็ไม่อาจหนีพ้นไปได้
อู๋ฉยงปี้จ้องมองไปยังนิ้วที่พุ่งเข้ามา ใบหน้าขาวซีดด้วยความสิ้นหวังอย่างที่สุด
มีเสียงตบมือเบาๆ ทีหนึ่ง
ดอกไม้สีแดงก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหน้าผากอู๋ฉยงปี้
ดอกไม้แดงนี้อ่อนนุ่มอย่างมาก กลีบดอกสีสันสดใสสั่นไหวในสายลม มีหยดน้ำค้างหลายหยดอยู่บนกลีบดอก ดูชุ่มชื้นอยู่บ้าง
นิ้วนั้นสัมผัสกับดอกไม้และกลีบดอกก็สั่นไหว น้ำค้างระเหยด้วยความเร็วที่มองเห็นได้แต่ก็ชัดเจนว่าช้ากว่าคลื่นพวกนั้น
เพลิงแท้หงส์สวรรค์สามารถละลายได้ทุกสรรพสิ่ง
กลีบดอกค่อยๆ อ่อนลงจากนั้นก็แห้ง ก่อนจะโรยรา
ในที่สุดดอกไม้นั้นก็มลายหายไปในสายลม
นิ้วนั้นก็หายไปเช่นกัน หายไปยังที่ใดก็ไม่ทราบ
อู๋ฉยงปี้หันไปอีกทางหนึ่งแล้วกู่ร้อง “หนีเร็ว!”
.……
……