หลิงฮันพักอยู่ในหอคอนทมิฬและฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎ โดยที่เขาไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกจะสงบลงเมื่อใด ดังนั้นเขาจึงเตรียมที่จะปรุงยาเพื่อนำไปขายให้กับตระกูลโม่ แต่แล้วเขาก็ถูกสุ่ยเยี่ยนยวี่ขัดจังหวะและบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือที่เกิดขึ้น
“เจ้านั่นอีกแล้ว?” แววตาของหลิงฮันดูเย็นชา
ก่อนหน้านี้ที่จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ เขาเคยถูกกล่าวหาอย่างไร้เหตุผลโดยจ้าวหลุน แต่โชคดีที่จักรพรรดินียื่นเข้ามาช่วย และสังหารกลุ่มคนที่กระทำผิด
นอกจากนั้นด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจักรพรรดินี ทำให้นางไม่คล้อยตามคำพูดของจ้าวหลุน
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง จักรพรรดินีไม่สามารถเข้ามาก่าวก่ายได้ ถึงนางจะเข้ามาช่วยหลิงฮัน แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จำเป็นต้องไว้หน้านางด้วยหรือ?
ในจักรวาลนี้ใครสามารถเป็นศัตรูกับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ได้กัน?!
“คำโกหกพวกนั้นสามารถเปลี่ยนขาวเป็นดำได้ น่าขันสิ้นดี!” หลิงฮันคิดว่ามันไร้สาระและเป็นที่ทราบกันดีว่าเขาเป็นคนได้รับหยดเซียนหยวน ส่วนคนของกองกำลังก่าวที่ตายนั้น เป็นเพราะมันใช้พลังระดับสุริยันจันทราต่างหาก…
อีกฝ่ายระเบิดกลายเป็นละอองเลือดกลางอากาศ เขายังไม่ทันได้แตะเนื้อต้องตัวเลยด้วยซ้ำ
“ก่าวฮวงช่างเป็นคนไร้ยางอายยิ่งนัก!” แววตาของหลิงฮันส่องประกายเย็นชาด้วยความหนาวเย็น
“แต่ปัญหาตอนนี้คือทั้งนิกายกำลังพูดว่าเจ้าเป็นคนฆ่าศิษย์ร่วมนิกายเดียวกันและปล้นหยดเซียนหยวน” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวด้วยความกังวล
หลิงฮันส่ายหน้าและพูดว่า “เรื่องหยดเซียนหยวนเจ้าไม่ต้องกังวล ในตอนนั้นมีพยานเห็นมากมาย และใครจะเชื่อว่ากองกำลังก่าวได้รับหยดเซียนหยวนสี่หยด?”
“อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า ถึงนางจะกังวล แต่ก็ไม่มีวิเคราะห์ได้อย่างใจเย็นเหมือนกับหลิงฮัน
“แต่ปัญหาคือการตายของฉือหมิงและคนอื่นๆ” หลิงฮันลูบคาง “นั่นเป็นเพราะไม่มีใครเห็นการต่อสู้ทั้งหมดที่เกิดขึ้น แล้วผู้คนแปดในสิบส่วนก็ไม่ใช่ศิษย์ของนิกาย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเป็นพยานให้กับข้า”
ใช่แล้ว มีผู้คนเข้าไปในเขตแดนลี้ลับเยอะมาก แล้วเขาจะไปหาพยานจากที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้น พยานสามารถซื้อตัวได้เช่นกัน หากพูดถึงความมั่งคั่งทางการเงิน หลิงฮันไม่อาจเทียบกับกองกำลังก่าวได้เลยที่มีจอมยุทธระดับดาราอยู่เบื้องหลัง
ถึงสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินจะเป็นพยานให้เขา แต่พวกนางก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลิงฮัน อาจมีน้ำหนักไม่เพียงพอ
“ยิ่งไปกว่านั้น ก่าวฮวงอาจข่มขู่ใครบางคนให้เป็นพยานและกล่าวหาข้าว่าเป็นข้าสังหารผู้คนของกองกำลังก่าว” หลิงฮันคาดเดา มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่ก่าวฮวงจะทำเช่นนั้น
“ถ้างั้นเจ้าจะทำยังไง?” สุ่ยเยี่ยนยวี่วิตกกังวล เพราะที่แห่งนี้คือนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ซึ่งกองกำลังก่าวมีอิทธิพลอย่างมาก
หลิงฮันคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่กองกำลังก่าวจะปกปิดความจริงได้ทั้งหมด ที่นี่คือนิกายสวรรค์เยือกแข็งไม่ใช่กองกำลังก่าว! ถ้าจะให้รอดพ้นจากปัญหานี้ไปได้ อย่างแรกขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาแปดคนจะให้ความร่วมมืออีกไม่ และทัศนคติของปรมาจารย์สามวิถี”
สุ่ยเยี่ยนยวี่สงบสติอารมณ์และวิเคาระห์ตามหลิงฮัน “ปรมาจารย์สามวิถีมีศิษย์ทั้งหมดเก้าคน ซึ่งแต่ละคนจะต้องมีความแข็งแกร่งที่จะประชันหน้ากับกองกำลังก่าว ไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาทั้งแปดคน แต่แค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
“ถูกต้อง และนั่นคือคำถามว่าคนเหล่านั้นจะช่วยข้าหรือไม่?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็ดึงสุ่ยเยี่ยนยวี่เข้ามาในอ้อมกอด ทุกวันนี้เขาเอาแต่ฝึกฝนบ่มเพาะพลังและปรุงยา ไม่มีเวลาพักผ่อนเลย แต่ตอนนี้นางก็ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว ทำให้เขารู้สึกเยียวยาอย่างบอกไม่ถูก
ช่วยไม่ได้ที่สุ่ยเยี่ยนยวี่อยากจะขัดขืน ถึงหลิงฮันจะไม่สนใจนางมาเป็นเวลาสิบวันครึ่ง แต่เมื่อถูกเขาโอบกอด นางก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวเช่นไรดี
“เอาล่ะ พวกเราไปพูดคุยเรื่องสำคัญกันต่อที่เตียงกันดีกว่า!”
….
หลิงฮันกอดสุ่ยเยี่ยนยวี่และพูดว่า “ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ว่าข้ามีหยดเซียนหยวนอยู่กับตัว หากกองกำลังใดช่วยข้า ข้าก็จะตอบแทนด้วยหยดเซียนหยวน”
สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้าและพูดว่า “บางทีเป้าหมายของก่าวฮวงอาจต้องการให้เจ้ายอมแพ้และมอบหยกเซียนหยวนให้กับเขา”
“อาจเป็นเช่นนั้น ถึงข้าจะไม่เคยเห็นก่าวฮวงมาก่อนก็เถอะ แต่จากการที่เขาไม่สนใจชีวิตลูกน้องของตัวเอง มันก็ทำให้เขารู้แล้วว่าเขาจะเป็นต้องคนที่เห็นแก่ตัวมากไม่ผิดแน่” หลิงฮันกล่าว “ก่าวฮวงติดอยู่ในระดับสุริยันจันทรามานาน หากไม่ได้หยดเซียนหยวนก็อาจต้องใช้เวลาอีกหลายล้านปีเพื่อทะลวงผ่านระดับดาราอย่างไร้ซึ่งความหวัง”
“ดังนั้นเขาจะต้องหาโอกาสช่วงชิงหยดเซียนหยวนจากเจ้าให้ได้อย่างแน่นอน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ประหลาดใจ
หลิงฮันแสยะยิ้ม “หมาบ้าต้องระวังให้มาก มิฉะนั้นจะถูกกัด”
“แล้วเขารอให้เขตแดนลี้ลับเปิดอีกครั้งไม่ได้หรือ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถามอย่างไม่พอใจ
หลิงฮันส่ายหน้าและพูดว่า “คนที่เห็นแก่ตัวและโลภมากแบบนั้น เมื่อเห็นข้าครอบครองหยดเซียนหยดสี่หยด เขาจะอดใจไหวได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ถึงข้าจะเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ แต่ข้าก็มาจากโลกใบเล็ก”
ใช่แล้ว ทั้งที่ราชาอีกห้าคนก็ได้รับหยดเซียนหยวนเหมือนกัน ถ้าก่วงฮวงข่มขู่พวกเขาทั้งห้าคนได้ก็จะได้รับหยดเซียนหยวนมากกว่าของหลิงอันมิใช่หรือ?
ทำไมเขาถึงไม่ไปแย่งมันมาจากเฉินจู๋เอ๋อและคนอื่นๆ? นั่นเป็นเพราะพวกเขามีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา
“แต่ไม่ใช่ว่าจักรพรรดินี…โปรดปรานเจ้ามากหรอกรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว นางไม่รู้ว่าจะใช้คำอะไรดี และความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดินีกับหลิงอันนั้นยังไม่ชัดเจน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงจักรพรรดินีจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา กองกำลังมีจอมยุทธระดับดาราหลายคนและก่าวเฟิงยังเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์อีก” หลิงฮันกล่าว
“นั่นหมายความว่าพวกเราต้องแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง?” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างไม่สบายใจ
“ถูกต้อง!” หลิงฮันพยักหน้า แล้วพูดต่อว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า ลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีเซียนหวู่เซียงอยู่ ไม่ว่าใครก็ต้องหวาดกลัวตัวตนของเขาอย่างแน่นอน”
สุ่ยเยี่ยนยวี่เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยและปล่อยให้หลิงฮันเป็นคนจัดการ
หลิงฮันรู้ว่าดีว่าไม่สามารถใช้เซียนหวู่เซียงได้ ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังฝึกฝนบ่มเพาะพลังอยู่ แม้จะเป็นจอมยุทธระดับดาราหรือจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ใครจะสามารถขัดขวางการฝึกฝนบ่มเพาะพลังของเขาได้กัน?
ที่เขาพูดแบบนั้นก็เพื่อให้สุ่ยเยี่ยนยวี่สบายใจ