เย่เฉินตกใจจนผงะไปครู่หนึ่ง นี่นายท่านจะฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ

หรือว่านางก็เป็น…เป็น…

ในใจของเย่เฉินมีความคิดที่น่ากลัวมากความคิดหนึ่ง

หรือว่านายท่านสามารถฝึกสัตว์ได้!

กู้ไป๋อีก็คิดเช่นเดียวกัน และเมื่อพวกเขาเห็นว่ามู่เฉียนซีได้ฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมดเหล่านี้เสร็จแล้ว พวกเขาถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

เย่เฉินอุทานขึ้นว่า “นายท่าน นี่นายท่าน…”

กู้ไป๋อีก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าพลางกล่าว “คุณหนูใหญ่ ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”

การฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นทำให้สูญเสียพลังจิตไปเป็นอย่างมาก แต่ภายในชั่วพริบตาเดียวนางกลับสามารถฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้มากมายเช่นนี้!

มู่เฉียนซีกินเม็ดยาวิญญาณไปขวดหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ก็แค่สิ้นเปลืองพลังจิตเท่านั้นเอง กินยาวิญญาณฟื้นฟูก็ได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด”

มู่เฉียนซีมองไปที่เย่เฉินและกล่าวว่า “เจ้าเลือกคนที่เชื่อใจได้เพื่อมาทำสัญญาสักส่วนหนึ่งเถอะ! เพิ่มความแข็แกร่งให้กับพวกเขา”

ความทะเยอทะยานของสำนักขวางโซ่วนั้นสูงมาก หากพวกนั้นลงมือในขณะที่นางออกไปฝึกฝนประสบการณ์ การที่เย่เฉินมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้อยู่ก็จะทำให้มีกำลังในการต่อสู้เพิ่มมากขึ้น

เย่เฉินพยักหน้าพลางกล่าว “ขอรับ!”

เรื่องสุดท้ายก็ได้จัดการเสร็จสิ้นแล้ว มู่เฉียนซีจึงเตรียมกลับไปพักผ่อน

วันต่อมา มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีก็เตรียมเดินทางไปยังเมืองเฮยตู

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ ไปกันเถอะ!”

“ขอรับ!”

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์บินได้พามู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีมาถึงเมืองระดับสองแห่งหนึ่งของทุ่งรกร้างที่อยู่ใกล้กับเมืองเหลยมากที่สุด นั่นก็คือเมืองชีจิ่น

เมื่อมาถึงเมืองชีจิ่น กู้ไป๋อีก็พามู่เฉียนซีเข้าไปในหอสุราแห่งหนึ่ง

เมื่อเข้ามาในหอสุรา กู้ไป๋อีได้เรียกเสี่ยวเอ้อร์มา “เสี่ยวเอ้อร์ เตรียมสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บินที่จะไปทะเลทรายดำให้ข้าหน่อย”

เสี่ยวเอ้อร์กล่าว “นายท่าน ที่นี่คือหอสุราขอรับ ไม่ใช่สถานที่จัดเตรียมสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ดูท่านายท่านคงจะมาผิดที่แล้วขอรับ”

“ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศ มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่สามารถจัดเตรียมสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บินเดินทางไปยังทะเลทรายดำได้ ข้าพูดผิดไปอย่างนั้นเหรอ?” กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เชิญนายท่านเข้ามาพักทางด้านนี้ก่อนขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปแจ้งเถ้าแก่ให้”

มู่เฉียนซีกล่าว “นั่งลงกันก่อนเถอะ!”

พวกเขานั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง มู่เฉียนซีมองไปรอบ ๆ พลางกล่าว “หอสุราเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีสิ่งใดโดดเด่นเช่นนี้สามารถพาพวกเราไปส่งที่เมืองเฮยตูได้เหรอ?”

กู้ไป๋อีกล่าว “ก็เป็นเพราะร้านเล็ก ๆ นี่แหละ ตลอดเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา มีเพียงแค่ร้านพวกเขาเท่านั้นที่สามารถจัดเตรียมสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บินไปยังเมืองเฮยตูได้”

ไม่นานนักเถ้าแก่เจ้าของร้านก็เดินหรี่ตายิ้มมา ในมือของเขายังถือลูกคิดมาด้วย

เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านทั้งสองต้องการไปเมืองเฮยตู พวกเราจะไม่เก็บเงินค่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภา แต่พวกท่านจะต้องใช้จ่ายในร้านของเราในจำนวนที่ร้านของเรากำหนด พวกท่านถึงจะได้สิทธิ์นั้น”

เรียกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภา อย่างนั้นเหรอ…ก็ฟังดูดีอยู่เหมือนกัน

มู่เฉียนซีกล่าว “ต้องจ่ายเท่าไหร่ บอกมาตรง ๆ เถอะ!”

เถ้าแก่กล่าว “คิดเป็นตัวเลขกลม ๆ ก็แล้วกัน ทั้งหมดหนึ่งร้อยล้านหยกวิญญาณ!”

ร้อยล้านหยกวิญญาณ ต่อให้นางกับเสี่ยวไป๋รวมทั้งอู๋ตี้กินก็กินไม่ไหว

เถ้าแก่ยิ้มพลางกล่าว “ข้ายังพูดไม่จบ คนละหนึ่งร้อยล้านหยกวิญญาณระดับสูง!”

มู่เฉียนซีกล่าว “สองร้อยล้าน? เอารายการอาหารมา!”

รายการอาหารที่พวกเขาใช้ไม่เหมือนกับที่คนทั่วไปใช้ ราคาถูกที่สุดที่อยู่ในรายการอาหารนั้นล้วนแต่มีราคาหลายล้านทั้งสิ้น!

มู่เฉียนซีกล่าว “โชคดีที่ราคาสูงพอ มิเช่นนั้นโต๊ะนึงก็คงจะวางไม่พอ”

เถ้าแก่กับเสี่ยวเอ้อร์เห็นมู่เฉียนซีสงบนิ่งเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย!

หากเป็นคนอื่นคงไม่พอใจและเจ็บใจไปตั้งนานแล้ว แต่สองท่านนี้กลับไม่ได้มีปฏิกิริยาเช่นนั้นเลย

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เสี่ยวไป๋ เจ้าชอบกินอะไรเหรอ?”

กู้ไป๋อีกล่าว “คุณหนูใหญ่เลือกอันใดมาก็ได้”

บุรุษผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพียงแค่ผู้ติดตามคนหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่! เถ้าแก่ไม่อยากจะเชื่อ

มู่เฉียนซีจึงตัดสินใจ “เช่นนั้นก็เลือกที่แพงที่สุดก็แล้วกัน เลือกอาหารราคาแปดพันหยกวิญญาณมาที่หนึ่งแล้วก็ราคาหกพันหยกวิญญาณมาสองที่”

“เอาแค่นี้!”

“ขอรับ!” ครั้นแล้วเสี่ยวเอ้อร์จึงไปแจ้งรายการอาหารในห้องครัว

เถ้าแก่กล่าว “เช่นนั้น โปรดทั้งสองท่านจ่ายเงินก่อน”

มู่เฉียนซีเหลือบตามองเขา “นี่เจ้ากลัวว่าพวกข้ากินของแพงแล้วจะชิ่งหนีไม่จ่ายเหรอ!”

“ทั้งสองท่านมีสถานะไม่ธรรมดา จะทำเรื่องเช่นนั้นให้ตัวเองเสียหายได้เช่นไรกันเล่า นี่เป็นเพียงแค่กฎเท่านั้น มีทางนี้ทางเดียว ข้าถึงจะจัดการเรื่องการเดินทางไปทะเลทรายดำให้ท่านทั้งสองได้อย่างสมบูรณ์แบบหลังจากที่ท่านทั้งสองได้รับประทานอาหารเสร็จสิ้น”

มู่เฉียนซีโยนแหวนมิติวงหนึ่งให้เขาพลางกล่าวว่า “ในนี้มีหยกวิญญาณระดับสูงอยู่สองร้อยล้าน เจ้าค่อย ๆ นับล่ะ!”

“ขอรับ!”

จ่ายง่ายเช่นนี้ เขาก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

เถ้าแก่อารมณ์ดี แต่มู่เฉียนซีนั้นกลับอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก

จ่ายไปแพงเช่นนั้น แล้วผลลัพธ์ล่ะ…

ผลลัพธ์…

เมื่อเห็นอาหารสีดำสามจานที่อยู่ตรงหน้า มู่เฉียนซีคล้ายกับว่าได้เห็นอาหารดำไหม้ของจิ่วเยี่ยปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

ทำอาหารออกมาสภาพนี้ยังกล้าเอามาขายอีก แถมยังขายในราคาที่สูงลิ่วอีกด้วย

ในตอนนี้กู้ไป๋อีไม่แม้แต่จะแตะตะเกียบ มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้าไม่ชิมดูหน่อยเหรอ?”

กู้ไป๋อีกล่าว “ข้าไม่หิว!”

มู่เฉียนซีคิดในใจ ‘เจ้าหมอนี่เคยมาแล้วครั้งนึง เขาต้องรู้เป็นแน่ว่าอาหารที่นี่มีปัญหาก็เลยไม่แตะต้องอาหารเช่นนี้’

มู่เฉียนซีมองดูอาหารเหล่านี้ก็ไม่มีความอยากกินแต่อย่างใดเลย

ร้านนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว!

เถ้าแก่เดินมาและกล่าวว่า “ท่านทั้งสองได้จ่ายเงินเสร็จสิ้นแล้ว เหตุใดถึงไม่กินล่ะ?”

สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำด้วยความโกรธ “กินเหรอ เถ้าแก่ช่วยพวกข้ากินอาหารเหล่านี้หน่อยได้ไหมล่ะ?”

เถ้าแก่กล่าว “หอดำของพวกเรามีกฎ อาหารที่สั่งจะต้องกินให้หมด นี่นับว่าแม่นางค่อนข้างโชคดีที่สั่งมาน้อย ลูกค้าคนอื่นสั่งมาสิบจานร้อยจานก็ต้องกินให้หมดเกลี้ยงถึงจะสามารถเดินทางได้”

“นี่มันกฎบ้าบออะไรของพวกเจ้า!” มู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว

เถ้าแก่กล่าว “นี่เป็นกฎของหอดำพวกเรา หากแม่นางไม่ทำตามก็ออกไปได้ เพียงแต่จะไม่สามารถไปเมืองเฮยตูได้อีกตลอดไป”

นี่มันเผด็จการชัด ๆ!

มู่เฉียนซีคิดในใจ ‘ร้านบ้านี่คิดว่าตัวเองควบคุมสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บินไปเมืองเฮยตูได้แล้วจะทำบีบบังคับกันยังไงก็ได้อย่างนั้นเหรอ’

รอให้นางกลับมาก่อนเถอะ จะพังร้านนี้ให้ได้เลยคอยดู

กู้ไป๋อีกล่าว “คุณหนูใหญ่อย่าโกรธไปเลย”

มู่เฉียนซีกล่าว “เถ้าแก่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปให้พ้นหน้าข้าซะ ตรงนี้ไม่ต้องการเจ้า”

เถ้าแก่กล่าวเตือนเป็นพิเศษว่า “ท่านทั้งสองอย่าได้สิ้นเปลืองอาหารเชียวล่ะ หากพ่อครัวรู้เข้าพ่อครัวต้องโกรธมากแน่ ๆ”

พ่อครัว ทำอาหารออกมาสภาพนี้ยังเป็นพ่อครัวได้อีกเหรอ โหดร้ายกับแขกเกินไปแล้ว

หลังจากที่เถ้าแก่ผู้ขวางหูขวางตาได้ออกไปแล้ว มู่เฉียนซีก็หันไปมองกู้ไป๋อีและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้ารู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ว่าอาหารที่นี้มันแย่มาก?”

“อืม! โชคดีที่คุณหนูใหญ่ไม่ต้องให้ข้าเตือนและสั่งอาหารมาน้อยมาก นึกไม่ถึงเลยว่าเวลาจะผ่านมานานถึงเพียงนี้แล้ว ร้านนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนพ่อครัวอีก”

แม้กระทั่งในตอนนี้ เมื่อนึกถึงรสชาติของอาหารเหล่านี้แล้ว ใบหน้าของกู้ไป๋อีก็บิดเบี้ยวขึ้น

“ข้าว่าที่พวกเขาไม่ยอมเปลี่ยนพ่อครัว ก็เพราะอยากจะปฏิบัติต่อแขกอย่างโหดร้ายมากกว่า” มู่เฉียนซีบ่นพึมพำ

อาหารดำไหม้เหล่านี้มู่เฉียนซีรู้สึกว่าตนเองไม่มีทางกินลงไปได้!

นางมองกู้ไป๋อีและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ อาหารเหล่านี้มอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าได้กิน เจ้าต้องคุ้ยเคยมากกว่าข้าแน่นอน”

กู้ไป๋อีกล่าว “คุณหนูใหญ่ ข้าปฏิเสธได้หรือไม่?”

.

.