เล่มที่ 28 เล่มที่ 28 ตอนที่ 813 ชะตาชีวิตกฎแห่งสวรรค์

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เมื่อพูดประโยคนี้จบ ร่างกายของเยี่ยโยวเหยาก็สั่นเทาเล็กน้อย

ความเจ็บปวดลึกล้ำพัวพันหัวใจของซูจิ่นซีราวกับเส้นไหม ทำให้นางรู้สึกเจ็บจุกจนหายใจไม่ออก

ร่างที่เศร้าโศกของซูจิ่นซีพลันแข็งทื่อ หลังจากนั้น นางก็กระชับอ้อมกอดของเยี่ยโยวเหยา เสียงสะอื้นหยุดลง ศีรษะของนางฝังลึกที่หน้าอกของเยี่ยโยวเหยา ราวกับถูกตรึงไว้ให้หยุดนิ่งและไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลานาน

ทุกสิ่ง… ราวกับหยุดไว้ที่ช่วงเวลานี้

คุณชายฉู่มองร่างที่กำลังเจ็บปวดของทั้งสองด้วยแววตาซับซ้อนและตกใจ ก่อนจะเข้าใจและสับสนอย่างมาก

เขาเคยได้ยินชื่อของจิ่วหรง ทว่าเขาไม่คาดคิดว่าสิ่งที่ซูจิ่นซีมองเห็นผ่านประตูโลหิตทมิฬจะเป็นภาพการตายของจิ่วหรง

เขายังไม่ฟื้นคืนสติจากสิ่งที่ตนเองเห็นผ่านประตูโลหิตทมิฬ แต่เขาได้ข้อมูลนี้จากปฏิกิริยาของซูจิ่นซี ซึ่งมันทำให้เขาตกใจจนนิ่งงันอยู่กับที่และไม่สามารถฟื้นคืนสติได้

จิ่วหรง สำหรับโลกนี้และสำหรับคนที่รู้จักเขา เขาเปรียบดังเทพเซียนที่มีชีวิตอยู่มาเนิ่นนาน ทว่าเขามีชีวิตอยู่มานานเท่าไรนั้นไม่มีผู้ใดรู้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใดจะคิดว่าวันหนึ่ง คุณชายจิ่วแห่งสำนักแพทย์เทียนอีจะหายไปและตายจาก…

หากบนโลกนี้มีสิ่งใดที่ดำรงอยู่ร่วมกับสวรรค์และโลก คงมีเพียงจิ่วหรงเท่านั้น การตายของจิ่วหรง สำหรับคนทั่วไปคงเปรียบดังสวรรค์และโลกล่มสลาย

เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ทว่าดูจากปฏิกิริยาของซูจิ่นซีแล้ว เขาไม่เชื่อไม่ได้

คุณชายฉู่กลับมาได้สติหลังจากตกใจ เขาต้องการพูดอันใด และต้องการแนะนำอันใดบางอย่าง ทว่าเมื่อมองไปยังเยี่ยโยวเหยาที่มีอารมณ์ซับซ้อน เขากลับพูดไม่ออก และไม่อาจเอ่ยถามออกไปแม้แต่ประโยคเดียว

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยโยวเหยาจึงวางมือของซูจิ่นซีลงบนหน้าอกตนเอง

เมื่อรับรู้ได้ถึงหัวใจของเยี่ยโยวเหยาที่กำลังเต้น ซูจิ่นซีก็ร้องไห้อย่างเงียบงัน นางเงยศีรษะขึ้นจากอ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยา และมองเข้าไปในดวงตาของเขา

ดวงตาดำขลับคู่นั้นที่หลบซ่อนอยู่ในเมฆหมอกจำนวนมาก ทำให้ผู้คนมองเห็นไม่ชัด เวลานี้กลับปรากฏความเจ็บปวดใจ เจ็บปวดรวดร้าว

น้ำตาของซูจิ่นซีร้อนผ่าวเล็กน้อย

เยี่ยโยวเหยากัดฟันแน่น “ซูจิ่นซี… ”

ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเวลานี้ ภายในใจของเยี่ยโยวเหยากำลังคิดสิ่งใด?

ไม่ว่าจิตใจของเขาจะซับซ้อนเพียงใด เกรงว่าเขาคงหวาดกลัว ทว่าเป็นนางที่หวาดกลัวยิ่งกว่าเขา

จิ่วหรงสามารถตายได้… การรับรู้เรื่องนี้ราวกับทำลายเส้นเลือดทั้งร่างของซูจิ่นซี ทำให้นางไม่มีความกล้าให้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่อจากนี้

เยี่ยโยวเหยามองสภาพของซูจิ่นซีด้วยสายตาที่เจ็บปวดใจอย่างมาก

“ซูจิ่นซี หากสิ่งที่เจ้าเห็นในประตูโลหิตทมิฬเป็นข้า เจ้าจะเป็นอย่างไร? จะเป็นอย่างเช่นตอนนี้หรือไม่ เจ็บปวดจนถึงขั้วหัวใจ… ”

เมื่อสิ้นเสียงพูดของเยี่ยโยวเหยา มุมปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันตนเอง

ซูจิ่นซีตกตะลึงและนิ่งเงียบไปทันที ทว่าน้ำตาร้อนระอุกลับไหลพรากลงมายิ่งกว่าเดิม

ครู่ต่อมา ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากแน่น พลางปิดตาทั้งสองข้างอย่างหมดแรง “เยี่ยโยวเหยา… จิ่วหรงตายได้ เขาตายได้… ”

ความเจ็บปวดของซูจิ่นซี ทำให้เยี่ยโยวเหยาอิจฉาริษยาจนแทบบ้า ทว่าซูจิ่นซีเป็นเช่นนี้ ทำให้เขาปวดใจจนแทบบ้ายิ่งกว่า

มือของเขาจับไหล่ของซูจิ่นซีแน่นอีกครั้ง ก่อนจะระงับความรู้สึกซับซ้อนทั้งหมดไว้ในใจ และบอกซูจิ่นซีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง

“ซูจิ่นซี เจ้าจำไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ข้าจะอยู่ ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า”

และรวมถึง… การตายของจิ่วหรงด้วย

หากทำให้สถานการณ์พลิกกลับได้ หากสามารถบรรเทาความเจ็บปวดของภรรยาได้ แม้เพียงเล็กน้อย เขาก็จะทำ เขาจะปกป้องนางและสิ่งที่นางห่วงใย

เยี่ยโยวเหยาผู้ที่เคยหยิ่งยโส ไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตา เวลานี้เป็นอันใดไปแล้ว?

คนผู้นั้นหายไปไหนแล้ว?

หากเป็นเมื่อก่อน แม้เขาจะฆ่าจิ่วหรงด้วยมือตนเอง ก็ไม่อาจให้คำมั่นสัญญาเช่นนี้กับนางได้

ทว่าตอนนี้…

ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มเยาะตนเองอีกครั้ง ดวงตาดำขลับลึกล้ำนิ่งสงบราวกับสระน้ำ เขาจ้องไปยังดวงตาทั้งสองข้างของซูจิ่นซีที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา

เมื่อเห็นว่าซูจิ่นซียังคงนิ่งเงียบด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด ปฏิกิริยาของเขาจึงเชื่องช้าลงเล็กน้อย เขาอ้าปากถามด้วยความขุ่นเคือง “ซูจิ่นซี หรือว่า… เจ้ายังไม่เชื่อข้า? ”

ในที่สุด ดวงตาของซูจิ่นซีก็กลับมาจดจ่อกับปัจจุบัน นางมองเยี่ยโยวเหยาด้วยน้ำตาและราวกับรับรู้สิ่งใดได้ นางกอดคอเยี่ยโยวเหยา พลางฝังศีรษะไปที่ซอกคอของเขา

“เยี่ยโยวเหยา ข้าไม่ได้… ข้าแค่… แค่กลัว… ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงควบคุมความเสียใจและความปวดใจของตนเองไม่ได้ ข้าควบคุมตนเองไม่ได้… ”

นางบอกตนเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ายังมีเยี่ยโยวเหยาอยู่ นางไม่ต้องกลัวอันใด

บอกตนเองซ้ำๆ ว่าคนที่นางรักคือเยี่ยโยวเหยา ทว่านางไม่อาจควบคุมอารมณ์เหล่านี้ มันเหมือนเป็นปีศาจในจิตใจที่ควบคุมนางอย่างน่ากลัว

ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาทอประกายความเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ทว่ากลับถูกแสงสงบนิ่งราวกับสระน้ำปกปิดไว้อย่างรวดเร็ว

“ข้าอยู่กับเจ้า อยู่กับเจ้าตลอด! ”

ศีรษะของซูจิ่นซีที่ฝังลึกอยู่ตรงซอกคอเยี่ยโยวเหยา ขยับขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง นางพยายามควบคุมอารมณ์ตนเอง ทว่าเสียงสะอึกสะอื้นกลับดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้ที่สิ้นสุด บรรยากาศกดดันและเย็นยะเยือกที่ห่างหายไปนานค่อยๆ ปรากฏขึ้นมารอบกายพวกเขาทีละนิด แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่ทันสังเกต

บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือกกว่าสระเย็นถึงสามส่วน

รอบกายคุณชายฉู่หนาวเย็นจนเขาเผลอกอดแขนทั้งสองข้างแน่นโดยไม่รู้ตัว

ผ่านไปครู่ใหญ่ คุณชายฉู่เหลือบมองไปยังด้านในประตูโลหิตทมิฬ สายตากวาดไปมองบริเวณที่แสงจันทร์ส่องกระทบ

“โยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง เกรงว่าพวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว หากล่าช้ากว่านี้ประตูโลหิตทมิฬจะปิดลง หากรอให้มันเปิดขึ้นอีกครั้งต้องรอถึงเดือนหน้า ตอนนี้พวกเรา… ยังไหวหรือไม่? ”

ด้านหลังประตูโลหิตทมิฬมีเงื่อนงำมากน้อยเพียงใด เวลานี้ยังไม่แน่ชัด ในเมื่อมาถึงแล้ว จึงไม่อาจเสียเปล่า

ซูจิ่นซีพยายามควบคุมอารมณ์ตนเอง หลังจากปรับสภาพจิตใจและเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้ว นางก็หันศีรษะเหลือบมองไปยังด้านในประตูโลหิตทมิฬ

“ยังไหว พวกเรา… เข้าไปกันเถิด! ”

เยี่ยโยวเหยาระงับอารมณ์ทั้งหมดไว้ในใจ เขาลุกขึ้นยืนและจับมือซูจิ่นซีแน่นโดยไม่พูดอันใดสักคำ

คุณชายฉู่พิจารณาคำพูดหนึ่งครั้ง “โชคชะตาไม่อาจเชื่อ ไม่อาจตัดสินอันใดได้ หากไม่ถึงที่สุด ย่อมไม่มีผู้ใดรู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นกับชีวิตตนเอง ภาพลวงตาบนประตูโลหิตทมิฬบานนี้ไม่แน่นอน พระชายาโยวอ๋องอย่าได้ใส่พระทัยมากเกินไป”

ซูจิ่นซีพยักหน้า

คุณชายฉู่จึงกล่าวต่อ “ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินท่านปู่พูดว่า ผู้บำเพ็ญเพียรทุกท่านมีดาวแห่งโชคชะตาของตนเอง ซึ่งอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว การโคจรของดาวแห่งโชคชะตานั้นเชื่อมโยงกับการกระทำของเจ้าของ ซึ่งก็คือชะตาชีวิตของผู้บำเพ็ญเพียร

ดวงชะตาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามวิถีปฏิบัติและวิถีของผู้คนที่อยู่รอบกาย ดังนั้นชะตาชีวิตจึงไม่แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ชะตาชีวิตของคุณชายจิ่วนั้นพิเศษ ชะตาของเขาล้ำค่าจนไม่อาจวัดได้ แน่นอนว่าสรรพสิ่งทั้งหกดินแดนไม่อาจเทียบเคียงได้”

ซูจิ่นซีเข้าใจคำพูดเหล่านี้

ชะตาชีวิตของจิ่วหรงไม่มีผู้ใดสามารถกำหนดได้ และไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้

เขาเกิดระหว่างสวรรค์และโลก ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาปรากฏตัวขึ้นเมื่อใด และไม่มีผู้ใดรู้ว่าบุพการีของเขาคือผู้ใด ราวกับว่าเขาอยู่บนโลกนี้มานานมากแล้ว ด้วยการดำรงอยู่เช่นนี้ ผู้ใดจะควบคุมชะตาชีวิตของเขาได้?

เกรงว่าแม้แต่กฎแห่งสวรรค์ก็ไม่อาจทำได้

ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา แม้ไม่อาจคาดเดาได้ ทว่าเมื่อมีนางอยู่ นางจะทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน