หลิงหยุนไม่รอช้าเขารีบเดินวิชาพลังลับหยิน–หยางทันที และเริ่มดูดซับเอาพลังหยินเข้าไปในร่างของตนอย่างรวดเร็ว!
  ทางเข้าถ้ำหินแห่งนี้ค่อนข้างเล็กและแคบแต่เมื่อทั้งคู่เดินตรงเข้าไปเพียงแค่สามสิบกว่าเมตร ก็พบลานกว้างที่มีพลังหยินอยู่หนาแน่น และอุณหภูมิภายในถ้ำก็ลดฮวบในทันที!
  หลิงหยุนและเย่ซิงเฉินเดินเลี้ยวขวาเข้าไปตรงทางแยกด้านหน้าจากนั้นหลิงหยุนจึงยกมือขึ้นชี้ไปด้านหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “ตรงไปทางนั้นคือถ้ำค้างคาวข้าเองก็ไม่รู้ว่าเวลานี้จะยังมีค้างคาวดูดเลือดหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่”
  ครั้งก่อนนั้นทั้งหลิงหยุนกับเจ้าขาวปุยล้วนต้องเผชิญกับค้างคาวดูดเลือดนับพันตัวเขาฆ่าพวกมันไปตลอดทางจนทางเดินล้วนเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปภายในห้องที่อยู่ด้านหลังประตูศิลา และที่นั่นก็เป็นที่ที่เขาได้พบกระบี่โลหิตเทวะนั่นเอง
  “ค้างคาวดูดเลือดงั้นรึเจ้าเรียกเอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์มาช่วยสิ!” เย่ซิงเฉินเอ่ยแนะนำหลิงหยุนทันที
  “เป็นความคิดที่ดี..ข้าจะลองตะโกนเรียกพวกมันทั้งสอง ดูสิว่าพวกมันจะได้ยินหรือไม่”
  เมื่อครั้งที่ลงมาหลุมยักษ์นั้นหลิงหยุนสังเกตเห็นว่าเอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์ได้กลายร่างเป็นค้างคาวซ่อนตัวอยู่ในถ้ำหินบนหน้าผา แต่เขาร้อนใจและรีบที่จะไปนำหินมังกรเขียวกลับไปโดยเร็ว จึงมิได้สนใจที่จะร้องเรียกพวกมันทั้งคู่
  แต่เวลานี้หลิงหยุนต้องการความช่วยเหลือของพวกมันเพราะแวมไพร์นับเป็นบรรพบุรุษของเหล่าค้างคาวดูดเลือด..
  หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกพร้อมกับใช้มังกรคำรามร้องเรียก“เอ็ดเวิร์ด เจสเตอร์ พวกเจ้ามาหาข้าที่นี่ได้แล้ว!”
  สองสามนาทีต่อมา..ค้างคาวตัวใหญ่สีม่วงสองตัวที่อยู่ภายในถ้ำหินมืดมิด ก็ได้กลายร่างเป็นนกยักษ์และบินตรงไปหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว
  “เจ้านายที่เคารพนายหญิงที่เคารพ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับพวกท่านอีกครั้ง!”
  ทันทีที่ร่อนลงพื้นทั้งเอ็ดเวิร์ดและเจสเตอร์ต่างก็รีบทำความเคาพหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินตามแบบฉบับของตนเอง
  “อืมม..”
  หลิงหยุนทำเสียงตอบรับในลำคอจากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปด้านหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เอ็ดเวิร์ด เจสเตอร์ ถ้ำหินด้านหน้ามีค้างคาวดูดเลือดอยู่มากมาย พวกเจ้าไปจัดการให้ข้าที!”
  “เจ้านายโปรดวางใจปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง!”
  เอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์ตรงเข้าไปในถ้ำด้านหน้าพร้อมกับร่ายมนต์ซาตานทันที
  “โอ้!ซิงเฉินไปกันได้แล้ว!”   หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจภายในถ้ำด้านหน้าก็พบว่าค้างคาวดูดเลือดมากมายที่กำลังห้อยหัวลงมาจากผนังด้านบนนัน ต่างก็แน่นิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ จึงรีบร้องบอกเย่ซิงเฉินให้เข้าไปด้านในทันที
  ครั้งก่อนเขาเกือบถูกเจ้าพวกค้างคาวดูดเลือดเหล่านี้ทำร้ายเอาแต่การมาในครั้งนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมมาก..
  แม้ภายในถ้ำจะมืดแต่ก็ไม่มีผลต่อหลิงหยุน เพราะจิตหยั่งรู้ของเขาสามารถรับภาพได้อย่างชัดเจน เขาเดินตรงไปที่ประตูศิลา และจัดการกดปุ่มหินด้านข้างประตูทันที
  ประตูศิลาค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆหลังจากนั้นหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินก็ก้าวเข้าไปด้านใน และทันทีที่เดินเข้าไปภายในห้องศิลา โลงศพโลหะขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของคนทั้งสอง..
  หลิงหยุนจ้องมองโลงศพโลหะนี้ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดก่อนจะหันไปบอกกับเย่ซิงเฉินว่า  “ซิงเฉินข้าพบกระบี่โลหิตเทวะ และกระบี่มังกรขาวภายในโลงโลหะใบใหญ่นี้!”
  เย่ซิงเฉินเองก็จ้องมองโลงโลหะด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความเคารพพร้อมกับหันไปถามหลิงหยุน
  “หลิงหยุนพวกเราจะทำเช่นใดต่อไป”
  “เปิดโลงศพออกดู!”
  ครั้งนี้มีเย่ซิงเฉินมาด้วยและนางก็รู้ความลับเกี่ยวกับพรรคมารมากมาย เป็นไปได้ว่านางจะต้องสามารถยืนยันฐานะของร่างที่อยู่ในโลงศพด้านในได้แน่ เขาจึงต้องการเปิดโลงศพพิสูจน์
  “เอ็ดเวิร์ดเจสเตอร์ พวกเจ้ามาช่วยข้าเปิดฝาโลงนี่หน่อย!”
  หลังจากที่แวมไพร์ทั้งสองร่ายมนต์แวมไพร์สะกดค้างคาวดูดเลือดให้หยุดนิ่งอยู่กับที่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรพวกมันอีก เอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์ตรงเข้าไปช่วยกันผลักฝาโลงโลหะขนาดใหญ่ตามคำสั่งของหลิงหยุนอย่างเร็ว
  ปัง!
  ฝาโลงหนักเป็นพันกิโลกรัมร่วงหล่นลงกระแทกกับพื้นเสียงดังและห้องศิลาทั้งห้องก็สั่นสะเทือนไปหมด
  “นี่!พวกเจ้าระมัดระวังให้มากกว่านี้หน่อย!”
  หลิงหยุนบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดเพราะเกรงว่าหากนี่เป็นโลงศพบรรพชนของแม่เขาจริง การส่งเสียงดังเช่นนี้ไม่เท่ากับเป็นการรบกวนบรรพชนหรอกหรือ!
  แต่ในระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกกระบี่โลหิตเทวะ และสร้างหอกมังกรทองขึ้นมาเตรียมรอรับหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น
  เวลานี้ภายในห้องศิลาได้กลายเป็นประกายสีทองจากหอกมังกรทองสลับกับสีแดงสว่างของกระบี่โลหิตเทวะ แสงสีทองและแสงสีแดงสาดส่องเข้ากระทบกับร่างของเหล่าค้างคาวดูดเลือดที่อยู่ด้านนอก
  ภายในโลงศพโลหะขนาดใหญ่นั้นนอกเหนือจากโลงโลหะยาวสองเมตรกว่าแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก..
  ในเวลานั้นหลิงหยุนได้เปิดจิตหยั่งรู้ และเนตรหยิน–หยางของตนออกขั้นสุด เพื่อที่จะทำการสำรวจดูสิ่งที่อยู่ภายในโลงขนาดเล็ก แต่ทั้งจิตหยั่งรู้และเนตรหยิน–หยางของเขากลับถูกสะกัดกั้น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในโลงศพขนาดเล็กนั้นได้
  “อาวุโสเมื่อห้าเดือนก่อน ผู้น้อยบังเอิญนำกระบี่ของท่านออกไปจากที่นี่ แต่มิได้มีเจตนาที่จะลบหลู่อาวุโสเลยแม้แต่น้อย”
  “เวลานี้ผู้น้อยได้ทราบว่ากระบี่ที่ผู้น้อยได้นำออกไปนั้นแท้จริงแล้วคือกระบี่โลหิตเทวะซึ่งเป็นสมบัติประจำตระกูลของท่านแม่ข้า ผู้น้อยจึงต้องการที่จะมาสำรวจ และค้นห้าความจริง มิได้ตั้งใจมาเพื่อลบหลู่ หากสิ่งที่ข้าน้อยทำลงไปเป็นการรบกวนอาวุโส ขอท่านได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย..”   หลิงหยุนกล่าววาจาขอขมาต่อหน้าโลงศพด้วยสีหน้าจริงจังเขาจำเป็นต้องทำการขอขมาร่างไร้วิญญาณที่อยู่ในโลงศพเสียก่อน เพราะไม่รู้ว่าหากเปิดฝาโลงออกมาแล้ว จะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง
  หลังจากนั้นทั้งหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินต่างก็หันไปมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้กันอย่างรู้ใจ..
  หลิงหยุนไม่รอช้าอีกต่อไปเขากระโดดเข้าไปพร้อมกับซัดฝ่ามือเข้าที่ด้านข้างของฝาโลงทันที!
  “ห๊ะ!”
  ทั้งหลิงหยุนเย่ซิงเฉิน รวมทั้งเอ็ดเวิร์ดและเจสเตอร์ ต่างก็ได้แต่ร้องอุทานออกมาพร้อมกับยืนทำหน้างุนงงด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่มีศพอยู่ในโลงอย่างที่คิดไว้เลยแม้แต่น้อย!
  ถึงแม้ว่าจะไม่มีศพแต่ภายในโลงเล็กนั้นยังมีของอีกมากมายหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นโอสถสามขวด คัมภีร์ทองคำเล่มหนึ่ง และผ้าแพรสีเหลืองทอง..
  “นี่เป็นโอสถชั้นเลิศ!”
  หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้ของตนสำรวจดูโอสถที่อยู่ภายในขวดทั้งสามจึงรู้ได้ทันทีว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นโอสถชั้นเลิศทั้งสิ้น แม้ยังไม่รู้ว่าเป็นโอสถชนิดใดกันแน่ แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นโอสถพลังชีวิตชั้นเลิศ เพราะแม้แต่อยู่ในขวด ก็ยังมีแสงสว่างเปล่งประกายออกมา
  โอสถที่อยู่ภายในขวดทั้งสามนั้นมีทั้งหมดสามสีคือสีทอง สีดำ และสีแดงโลหิต โอสถทั้งสามสีต่างก็เปล่งประกายแสงเจิดจ้าออกมา แม้ว่าขวดที่บรรจุโอสถทั้งสามนั้นจะทำจากวัสดุชั้นเยี่ยม แต่ก็ยังไม่อาจยับยั้งพลังชีวิตที่แข็งแกร่งของมันไว้ได้!
  แต่ถึงอย่างนั้นแสงสว่างของโอสถทั้งสามชนิดก็ยังไม่สามารถกลบแสงสีทองอร่ามที่ส่องสว่างมาจากคัมภีร์ทองคำเล่มนั้นได้ แม้แต่หลิงหยุนยังลืมตาขึ้นมองตรงๆได้อย่างยากลำบาก  หลิงหยุนไม่ลังเลที่จะเรียกโอสถสามขวดและคัมภีร์ทองคำกลับเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลของตนทันที จากนั้นจึงหยิบผ้าแพรสีเหลืองทองนั้นออกมาคลี่ดู..
  สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาของหลิงหยุนในทันทีที่คลี่ผ้าแพรสีเหลืองทองนั้นออกมาก็คือ..ตัวอักษรจีนสีแดงขนาดใหญ่ห้าตัวที่เขียนด้วยโลหิต และมีความหมายว่า ‘ผู้เปิดฝาโลงจงรับคำสั่ง!’
  ตามมาด้วยคำสั่งอีกหลายชุดตัวอักษร..
  ‘ผู้ใดที่ทำการเปิดโลงศพนี้เจ้าจะได้รับกระบี่โลหิตเทวะ กระบี่มังกรขาว คัมภีร์ทองคำ และโอสถอีกสามขวด ซึ่งได้แก่โอสถโลหิตภูติ โอสถหยิน และโอสถมังกรทอง โอสถทั้งสามชนิดล้วนเป็นโอสถล้ำค่าอย่างยิ่ง เจ้าจงใช้มันฝึกฝนบ่มเพาะพลังของตนเอง’
  ‘ความอัปยศที่ราชวงศ์ชางถูกล้มล้างเป็นเรื่องที่มิอาจลืมได้!หากเจ้าสามารถเปิดโลงศพนี้ได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าย่อมมีชะตาต้องกันกับข้า หลังจากที่เจ้าฝึกฝนจนสำเร็จแล้ว จงเข้าคุนหลุน หาจิ่วติ่ง (九鼎) ให้พบ และแก้แค้นให้กับชาติบ้านเมืองแทนข้าด้วย!’
  ‘แต่หากเจ้าฝ่าฝืนไม่ทำตามบัญชาข้าเจ้าจักต้องถูกฟ้าดินลงโทษ!’
  และด้านล่างสุดของผ้าแพรสีเหลืองทองนั้นก็ปรากฏข้อความสุดท้ายเป็นอักษรจีนสามตัวซึ่งเป็นชื่อของผู้ที่เขียนคำบัญชานี้ – หยินจิ่วโย่ว!
  หลังจากที่อ่านจบหลิงหยุนก็ได้แต่ตกตะลึง!
  ตึง!
  ทางด้านเย่ซิงเฉินถึงกับทรุดร่างคุกเข่าลงกับพื้นทันทีหลังจากที่ได้อ่านข้อความทั้งหมดผ่านทางจิตหยั่งรู้ของตนเอง..
  หยินจิ่วโจ่ว..แน่นอนว่าเย่ซิงเฉินย่อมต้องเคยได้ยินนามนี้มาก่อน และเวลานี้นางก็สามารถยืนยันได้ว่าผ้าแพรสีเหลืองทองที่เขียนด้วยอักษรเลือดนี้ เป็นบรรพชนของหยินชิงเฉวียนจริงๆ!   “เอ็ดเวิร์ดเจสเตอร์ พวกเจ้าสองคนออกไปข้างนอกก่อน!”
  หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็สั่งให้แวมไพร์ทั้งสองตนให้ออกไปรอนอกห้องศิลาทันที!