มหาวิทยาลัยหัวหนาน บนทางเดินสายเล็ก ๆ ที่ร่มรื่น
เฉินโม่กับเล่หรูหั่วเดินเคียงคู่กันไป ข้างหลังเป็นจี๋ต๋าจิ๋วตูกับมู่หรงยานเอ๋อร์ที่แววตาดูค่อนข้างเหม่อลอย
“เฉินโม่ ขอโทษด้วยนะ ให้นายมาช่วยฉัน ต้องถึงกับฆ่าคุณชายเล็กของตระกูลยามาดะ พวกเขาจะต้องไม่ปล่อยให้เรื่องจบลงด้วยดีเป็นแน่!” เล่หรูหั่วมองหน้าเฉินโม่พูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
เฉินโม่พูดเสียงราบเรียบว่า “พวกมันบังอาจจะมาจ้องเอาน้ำชีวิตของผม ครั้งนี้จึงพูดไม่ได้ว่าเป็นเรื่องไปช่วยเธอทั้งหมด ให้ว่าไม่ใช่ช่วยเธอ ผมก็ต้องฆ่าเขาทิ้ง!”
“ส่วนเรื่องการล้างแค้น ฉันยังไม่เคยรู้จักคำว่ากลัว อย่างมากก็พวกมันมาคนหนึ่ง ผมก็ฆ่าหนึ่งคน มาสองคน ก็ฆ่าคู่หนึ่ง ฆ่าจนพวกมันไม่กล้ามาก็จบ!”
เล่หรูหั่วฟังเฉินโม่พูดเหมือนเรื่องไม่ใช่สาระสำคัญ อดไม่ได้ที่จะหนาวสะท้านขึ้นมาในใจ หล่อนรู้ดีว่าเฉินโม่ไม่ได้พูดไปงั้น ๆ หากว่าคนตระกูลยามาดะกล้าเข้ามาแก้แค้นจริง เฉินโม่ก็ทำได้อย่างที่พูด
เฉินโม่ใช้จังหวะช่วงว่าง โทรศัพท์หาเจียงเหอซานอยู่ครั้งหนึ่ง เล่าให้เขาฟังเรื่องที่เกิดขึ้นที่จงไห่ บอกให้เขาเฝ้าจับตาพวกคนประเทศต้าเหอไว้ให้ดี
แน่นอนว่า ขาดไม่ได้ที่ต้องถูกเจียงเหอซานต่อว่าไปยกใหญ่ ว่าเฉินโม่ไม่ควรลงมือถึงขนาดฆ่าคน ควรจะให้ทางการหัวเซี่ยจัดการด้วยกฎหมายกับยามาดะ ทาเคชิเอง จะได้ใช้โอกาสนี้การป้องปรามสยบตระกูลยามาดะ
สุดท้ายโอกาสดี ๆ แบบนี้ กลับถูกเฉินโม่ทำเสียหมด
ตอนนี้ กลับกลายเป็นฝ่ายหัวเซี่ยต้องตกเป็นเบี้ยล่าง จะถูกฝ่ายตระกูลยามาดะร้องเรียกเอาความได้ทุกเวลา
เฉินโม่ฟังจนรำคาญ จึงพูดไปกับเจียงเหอซานว่า ถ้าตระกูลยามาดะมาเอาเรื่อง ก็บอกให้พวกคนตระกูลยามาดะมาหาเขานี่
ทำเอาเจียงเหอซานโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงได้
มีฝ่ายทางการคอยซุ่มเฝ้าดูแลให้ เฉินโม่ก็วางใจลงได้ไม่น้อย ถึงพวกตระกูลยามาดะจะมาแก้แค้น ทางด้านเจียงเหอซานก็จะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าให้รู้ได้
หลายวันมานี้ เฉินโม่รู้สึกได้ว่าพลังทิพย์ในตัวส่อแววให้เห็นถึงสภาวะการอิ่มตัว ดูท่าว่าการที่จะทะลวงเข้าถึงชั้นแปดแดนรวมพลังคงไม่ไกลแล้ว
ถ้าหากสามารถฝึกฝนไปถึงแดนยาทองแล้ว ต่อให้อาวุธนิวเคลียร์ เฉินโม่ก็ไม่ต้องกลัวแล้ว
เฉินโม่ได้ยื่นเรื่องขอลาพักหนึ่งเดือน เตรียมตัวทะลวงการฝึกตนอย่างสบายใจ และได้ฝากงานไว้ให้จี๋ต๋าจิ๋วตูกับพวก ถ้าหากไม่มีเรื่องเร่งร้อนจริง ๆ ห้ามรบกวนเขาอย่างเด็ดขาด
เฉินโม่กลับไปยังเรือนพักบ้านเช่า จัดทำปรัมพิธีเก็บเสียงอย่างเรียบง่าย และแล้วก็เก็บตัวเริ่มฝึกปฏิบัติ
พอนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง กำลังจะฝึกปฏิบัติ เฉินโม่เกิดฉุกคิดขึ้นมาในใจ
แค่เพียงสะกิดใจ แสงสีขาวกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากแหวนตลับที่สวมอยู่กับนิ้วหัวแม่มือ วนเวียนไปรอบตัวเฉินโม่ เหมือนว่ากำลังตัดพ้อเฉินโม่ที่ปล่อยพวกมันทิ้งไปเสียนาน
เฉินโม่มองไปที่วิญญาณธาตุน้ำที่ขยายตัวกว้างขึ้นอีกวงหนึ่ง ผงกหัว แววละโมบส่องเป็นประกายในลูกตา “ไม่เลว หลายวันนี้เลี้ยงจนเจ้าอ้วนขึ้นมาอีกวงหนึ่ง เดี๋ยวอีกสองวันเจ้าต้องคายหินหยาบทะเลลึกออกมาให้ฉันเพิ่มอีก”
ได้ยินว่าต้องให้เฉินโม่ดูดเลือดอีก วิญญาณธาตุน้ำเต้นพล่านขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนประท้วง
เฉินโม่ยกมือขึ้นจัดเก็บมันกลับลงไว้ในแหวนตลับ พูดเสียงหนาวเยือกว่า “ไม่ต้องมาต่อรองอะไรกับฉัน ไม่จัดการหลอมละลายแกไปทีเดียว ก็สบายตัวแกไปมากมายแล้ว ความเสียหายแก ให้อีกไม่นานฉันก็จะจัดการโปะคืนให้แกเองแหละ”
แล้วก็เรียกเอาหินทิพย์ออกมาอีกสามสิบกว่าเม็ด จัดวางเป็นค่ายกลรวมพลังทิพย์ และแล้วเฉินโม่ก็เข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญ
ชั้นเจ็ดแดนรวมพลังเป็นแดนรวมพลังในเขตปันน้ำ ผู้ฝึกบำเพ็ญขั้นเซียนเมื่อเข้ามาถึงแดนรวมพลังชั้นเจ็ดนี้แล้ว พลังจะเป็นแบบก้าวกระโดดทีเดียว
ฉะนั้น แดนรวมพลังชั้นเจ็ดนี้นับได้ว่าเป็นแดนรวมพลังขั้นหลังสุด
การฝึกในแดนรวมพลังขั้นหลังสุด จะยากขึ้นไปเรื่อยในแต่ละขั้น เฉินโม่ได้ลงทุนทรัพยากรวัตถุดิบไปจำนวนมาก ถึงเวลานี้ก็ได้ฝึกบำเพ็ญ จนพลังทิพย์เต็มอิ่ม
เพียงแต่จะสามารถฝึกให้พลังทิพย์สมบูรณ์ แล้วทะลวงเข้าแดนรวมพลังขั้นแปด เฉินโม่ก็ยังไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย
แต่ทว่า ถ้าหากสามารถทะลวงผ่านไปถึงแดนรวมพลังขั้นแปดได้ ต่อให้เผชิญหน้ากับนักบู๊อย่างหนานกงหยู่ ถึงแม้ไม่ได้ใช้กระบี่เซียนที่เปลืองพลังทิพย์มากอย่างกระบี่เก้าต้าเต๋า ก็ยังสามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย