ตอนที่ 531 สายตาของเขาทอดมองลงไปบนชื่อของนาง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

สิ่งที่ตอบนางกลับมาก็คือเสียงพิณเกรี้ยวกราดเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร 

 

 

เสียงพิณสาดส่งออกมาเป็นสาย ราวกับมียอดฝีมือที่ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้า ลงมืออย่างโหดเ**้ยม ทุกกระบวนท่าหมายชีวิต 

 

 

บีบบังคับให้ซ่งชิงอีต้องถอยกรูดติดๆกันไปตลอดทางจนออกนอกสำนักหยินหยางไป 

 

 

คราวนี้เหล่าศิษย์ในสำนักหยินหยางต่างก็ได้เห็นประจักษ์ด้วยสายตาของตนเอง เจ้าวังตันติ่งกงที่สูงส่งเลิศล้ำกลับถูกขับไล่ออกนอกประตูไปดุจสุนัขตัวหนึ่ง 

 

 

จุ๊ จุ๊….ภาพเช่นนี้ ถึงกับมีอยู่จริงๆ! 

 

 

กระทั้งเมื่อซ่งชิงอีถูกขับไล่ออกไปจากเขาหยินหยางของสำนักหยินหยาง เสียงพิณที่เปี่ยมไปด้วยไอสังหารถึงได้หยุดลง 

 

 

ผู้คนในสำนักหยินหยางต่างก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง 

 

 

เสียงพิณนั่นช่างน่าตื่นตระหนก แค่ได้ยินเสียงก็แทบจะทำให้คนเลือดออกทั้งเจ็ดทวาร 

 

 

ช่างโหดเ**้ยมเกินไปแล้ว! 

 

 

คราวนี้ยิ่งไปมีผู้ใดกล้าเอ่ยอะไรออกมาทั้งสิ้น 

 

 

เหล่าศิษย์สตรีที่เดิมทียังคอยแอบมองไปที่หน้าต่าง ยามนี้ก็ถอยออกไปอย่างเงียบๆ 

 

 

ขนาดซ่งชิงอีแห่งวังตันติ่งกงก็ยังถูกขับไล่ออกไป….ก็เป็นที่แน่ชัดได้เลยว่าพวกนางยิ่งไม่มีโอกาสใดๆทั้งสิ้น 

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกนางจึงพากันสรุปออกมาข้อหนึ่ง 

 

 

ท่านเจ้าสำนักคนใหม่….ไม่ชื่นชอบอิสตรี! 

 

 

อืม….จะต้องไม่มีความสนอกสนใจต่อสตรีแม้แต่น้อย ดังนั้นถึงได้ไม่เห็นแม้แต่ซ่งชิงอีอยู่ในสายตา 

 

 

แต่ว่าเหล่าศิษย์บุรุษในสำนักยิ่งอยากจะร่ำไห้แล้ว….. 

 

 

ท่านเจ้าสำนักคนใหม่ ไม่เพียงแต่ไม่ชอบอิสตรี 

 

 

แม้แต่บุรุษเขาก็ไม่ชอบต่างหากรู้ไหม!? 

 

 

คนเหมือนกับแท่งน้ำแข็งที่อยู่สูงส่ง ผลักไสผู้คนไกลออกไปนับพันลี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อยู่ในสายตาของเขาทั้งนั้น! 

 

 

นี่คือเรื่องจริง ถึงแม้ว่าเขาจะมีรูปโฉมที่แสนงดงาม แต่ว่าใครๆก็ไม่อาจได้มีโอกาสชื่นชมแม้แต่น้อย ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน 

 

 

………………… 

 

 

ภานในห้อง แสงเทียนอ่อนสลัวลงไปอีกหลายส่วน 

 

 

ปลายนิ้วของบุรุษผู้นั้นที่พึ่งจะแตะลงไปบนสายพิณโบราณอีกครั้ง ช่างซีดขาว 

 

 

เขามิได้ดีดเสียงพิณออกมาอีก 

 

 

พอมองดูให้ละเอียด จึงจะเห็นว่าปลายนิ้วที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อนั้นที่จริงเป็นสีขาวของกระดูก 

 

 

ผ่านไปอีกพักใหญ่ เขาถึงได้ค่อยๆยกปลายนิ้วออกมาจากสายพิณ ยื่นมือออกไปยังแสงไฟที่ส่องอยู่ 

 

 

นิ้วทั้งหมดและกว่าครึ่งของฝ่ามือเป็นเพียงโครงกระดูกที่ขาวโพลน แต่พอถูกแสงไฟจับ ดูแล้วก็งดงามอย่างแปลกประหลาด 

 

 

มือของเขาโบกช้าๆอยู่ท่ามกลางแแสงไฟครู่ต่อมาค่อยเอ่ยกับตนเองว่า “ยังคงไม่อาจหายดีได้หรือ?” 

 

 

ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดอยู่ที่ข้างกายแล้ว แต่ว่าน้ำเสียงก็ยังคงเย็นยะเยือกจนทึมทึบ 

 

 

เพียงแค่เอ่ยปากขึ้นมา รอบกายก็เหมือนดังมีเหล่าวิญญาณมากมายรายล้อม  

 

 

ผ่านไปอีกครู่ เขาจึงค่อยดึงมือของตนเองกลับมา ปรายตาลงไปที่ภาพใบหนึ่งบนโต๊ะ 

 

 

ภาพใบนั้น ไม่ว่าแว่นแคว้นต่างๆและขุมกำลังทั้งใหญ่และเล็กในแดนจิ่วโจวทั้งหมดล้วนมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 

 

 

ภาพของสตรีในชุดสีแดงเพลิง ดวงตาดอกท้อคู่นั้นแสนจะทรนงไม่ย่อท้อต่อพายุโหมกระหน่ำ 

 

 

นางทั้งงดงามทั้งองอาจ อายุก็เพียงแค่สิบแปดปี แต่สตรีในภาพกลับทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความสู่งส่งที่ผู้ใดก็ไม่อาจเอื้อม 

 

 

ใต้ภาพใบนั้น มีอักษรเขียนกำกับเอาไว้ 

 

 

ฮ่องเต้หญิงแห่งดินแดนโบราณ—ตู๋กูซิงหลัน 

 

 

สายตาของเขาทอดลงไปบนชื่อของนาง เนิ่นนาน โดยไม่เคลื่อนไหว 

 

 

……………….. 

 

 

  

 

 

อีกครึ่งปีหลังจากนั้นตู๋กูซิงหลันจึงได้เดินทางไปยังจิ่วโจว 

 

 

เพราะถึงอย่างไรนางก็พึ่งจะกลายเป็นจักรพรรดินีแห่งดินแดนทั้งหมดย่อมต้องจัดการเรื่องราวมากมาย ทีละอย่างทีละอย่างไป ประกอบกับฝึกฝนตนเองอย่างไม่ยอมหยุด เมื่อจัดการเรียบร้อยเวลาก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว 

 

 

ตลอดครึ่งปีมานี้ มีผู้คนจากจิ่วโจวเดินทางมาไม่น้อย แต่ทั้งหมดล้วนจมลงสู่ทะเลตะวันตก 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยินดีฆ่าผิดสามพันแต่ไม่ขอปล่อยศัตรูเล็ดลอดเข้ามาแม้เพียงหนึ่ง นอกจากเซียวเฉิงแล้ว ก็ไม่มีกลุ่มใดของจิ่วโจวได้ขึ้นฝังแม้แต่กลุ่มเดียว 

 

 

ทั้งหมดล้วนถูกนางใช้ฝีมือต่างๆนานาขับไล่กลับไป 

 

 

รอจนเมื่อนางเดินทางไปถึงฝั่งดินแดนจิ่วโจวด้วยตนเอง ถึงได้ประจักษ์ทำไมดินแดนนี้จึงเป็นโลกของผู้ฝึกฝนบำเพ็ญ 

 

 

แค่สูดอากาศเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงไอทิพย์ ถึงแม้มิได้เข้าขั้นบริสุทธิ์ แต่จะอย่างไรก็เข้มข้นกว่าในดินแดนโบราณของตนเองมากมายนัก 

 

 

นางเดินทางมาเพียงคนเดียว 

 

 

อ้อ ยังนำเจ้าติ๊งต๊องมาด้วย 

 

 

ราชาหมาป่าตะวันตก และจู๋จู๋ล้วนถูกนางทิ้งเอาไว้ที่เมืองหลวงของต้าโจว 

 

 

เพราะตอนนี้ดินแดนนี้มีแต่ความวุ่นวาย ไม่แน่ว่าแค่นางเดินทางมา ก็อาจจะมีพวกนักพรตประหลาดอะไรไปก่อนความวุ่นวายที่นั่นได้ 

 

 

จู๋จู๋จะอย่างไรก็เป็นสายเลือดของบรรพชนมังกร มีพลังพอที่จะสกัดขัดขวาง 

 

 

พี่ใหญ่ ท่านตา และหลงเซียวล้วนอยู่ที่ต้าโจว เรื่องที่สมควรกระทำในช่วงสามปีนี้นางล้วนมอบหมายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว 

 

 

พวกเขาย่อมรู้จักหนักเบา ไม่ปล่อยให้ดินแดนแห่งนี้ต้องเกิดเรื่องโดยง่ายอย่างแน่นอน 

 

 

“กะ กะ กะต๊าก!” ทันทีที่ติ๊งต๊องขึ้นจากทะเลมาถึงริมฝั่งได้ก็ไปตะเกียกตะกาย อยู่บนชายหาด 

 

 

มันคุ้ยเขี่ยหาหอยอยู่บนหาดทราย ใช้เท้าตะกุยทรายอย่างยินดีจนได้หอยขึ้นมาหลายต่อหลายตัว” 

 

 

พี่สาวตัวน้อย ที่นี่ช่างยอดเยี่ยมไปเลย กะ กะ กะต๊าก!” ติ๊งต๊องทางหนึ่งคุ้ยเขี่ยทางหนึ่งจิกเปลือกหอยให้เปิดออก “ห่างกันแค่มหาสมุทรกางกั้น ไอทิพย์ก็แตกต่างกันถึงเพียงนี้?” 

 

 

“ดูหอยตัวที่ทั้งใหญ่และอวบอ้วนนี่สิ ต้องอยู่ในที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยไอทิพย์เพียงไหนถึงจะสามารถเติบโตได้ถึงขนาดนี้!” 

 

 

กรงเล็บของติ๊งต๊องคีบหอยเอาไว้ตัวหนึ่ง ทั้งที่หยิบมาอย่าง่ายๆแต่ก็มีขนาดเท่าลูกฟุตบอลแล้ว พอเปิดเปลือกออก ก็มีเนื้อหอยที่ทั้งสดและหวานหอม 

 

 

ที่อลังการมากที่สุด ก็คือในเนื้อหอยทุกๆตัวมีไข่มุกเม็ดโต 

 

 

ใหญ่เท่าไข่ไก่ มันน่าไหมเล่า? 

 

 

ติ๊องต๊องค่อยๆคาบไข่มุกออกมาอย่างระมัดระวัง ส่งให้กับตู๋กูซิงหลันอย่างประจบประแจง กระทั่งขนตรงก้นของมันก็ยังกระดกไปมา 

 

 

ดูสิ พี่สาวตัวน้อยออกเดินทางมาตั้งไกล แต่กลับนำมันมาเพียงตัวเดียว 

 

 

แม้แต่เจ้าราชาสุนัขป่าและจู๋จู๋ก็ไม่ต้องการพามาด้วย 

 

 

นี่แสดงให้เห็นชัดเลยว่า ตอนนี้ในใจของพี่สาวตัวน้อย มันก็คือตัวโปรดอันดับหนึ่ง! 

 

 

อืม ถ้าหากว่าเจ้าวิญญาณทมิฬนั่นไม่ปรากฏตัวออกมาละก็ มันคงได้เป็นตัวโปรดอันดับหนึ่งและสุขใจเช่นนี้ตลอดไป! 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูไข่มุกที่ติ๊งต๊องส่งมาให้ ทั้งกลมเกลี้ยงและเปล่งประกาย แต่ละลูกล้วนสมบูรณ์ไร้ตำหนิ สีสันก็งดงามอย่างยิ่ง ทำให้คนต้องชื่นชอบ 

 

 

นางเก็บเอาไว้ในถุงเฉียนคุน “ดินแดนจิ่วโจวนี้ไม่เหมือนกับดินแดนของพวกเรา ไม่ว่าทำเรื่องใดเจ้าต้องระมัดระวังให้มาก อย่าได้โอ้อวดให้มาก เข้าใจหรือไม่?” 

 

 

ติ๊งต๊องโคลงศีรษะรอบหนึ่ง “ ? ? ?” 

 

 

มันขยับปีก จากนั้นก็ผงกหัวอย่างหนักแน่น “พี่สาวตัวน้อย ข้าก็ถ่อมตัวอยู่ตลอดอยู่แล้ว กะ กะ กะต๊าก!” 

 

 

นานๆทีถึงจะพ่นไฟ หรือต่อยตีกับผู้อื่น…. 

 

 

บนดินแดนจิ่วโจวนี้ กุ๊กๆที่สามารถพูดกับมนุษย์ได้เช่นมัน น่าจะพอมีอยู่ไม่น้อยกระมัง? 

 

 

ว่าตามจริงนะ มันคาดหวังเอาไว้มาก อยากจะได้พบเจอพวกเดียวกันบ้าง 

 

 

เพราะว่ามันเป็นกุ๊กไก่ที่ทั้งแข็งแกร่งและเย่อหยิ่ง ไก่อื่นๆย่อมไม่คู่ควรกับมัน 

 

 

ตู๋กูซิงหลันลูบศีรษะของมันเบาๆ ตอนนี้นางเปลี่ยนเครื่องแต่งกายไปแล้ว 

 

 

กลายเป็นหนุ่มน้อยในชุดสีดำ เส้นผมยาวสลวยสีเงินเข้มอมดำรวบเป็นทรงหางม้าสูง ใบหน้าเล็กๆเพียงฝ่ามือยิ่งดูหล่อเหลาอย่างที่สุด 

 

 

เมื่อออกเดินทางไกล ฐานะของอิสตรีมีเรื่องไม่สะดวกมากมาย ตู๋กูซิงหลันจึงตัดสินใจแต่งเป็นชาย 

 

 

พึ่งเดินออกจากชายหาดมาได้ไม่นาน ก็เห็นว่าป่าทึบตรงข้ามมีแสงไฟสว่างเรืองรอง 

 

 

ในป่ามีเสียงบุรุษมากมายตะโกนด่าทอและเสียงสตรีและเด็กร้องไห้คร่ำครวญ 

 

 

ยามที่ตู๋กูซิงหลันพาติ๊งต๊องไปถึง ก็เห็นหนุ่มน้อยอายุสิบกว่าปีสองคนถูกผู้อื่นใช้เถาวัลย์มัดเอาไว้ จับแยกกันอยู่บนเกี้ยวอ่อนคนละหลัง 

 

 

หนุ่มน้อยทั้งสองสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ สีหน้าแสดงความตื่นตระหนกหวาดกลัวอย่างที่สุดออกมา แววตาทั้งไร้หนทางและสิ้นหวัง 

 

 

……………………………